Muse Mag
Muse Latitude : เวรี่ไทย วาไรตี้
Muse Mag
12 ม.ค. 61 4K
Museum Siam

ผู้เขียน : Administrator

เวรี่ไทย วาไรตี้

 

            กว่าจะมี ความเป็นไทย (Thainess) ในทุกสิ่งรอบตัวที่เราเห็นและเป็นอยู่ทุกวันนี้ จนเป็นที่มาของวลี ‘เวรี่ไทย’ (Very Thai) ที่หลายคนติดปาก (จากหนังสือชื่อดังของ Philip Cornwel-Smith)
            ‘ความเป็นไทยที่ว่าต้องอาศัยระยะเวลาบ่มเพาะที่ยาวนาน กลั่นตัวจากหลายองค์ประกอบ จนเกิดเป็นอัตลักษณ์ที่คนจากทั่วโลกปักหมุดว่ามาถึงไทยเมื่อไร ต้องลองสัมผัสและถอดรหัสเมื่อได้มาเยือน

 

            และนี่คือเรื่องเวรี่ไทยวาไรตี้ที่พี่ๆ ชาวต่างชาติชอบนักชอบหนาในความเป็นไทยของบ้านเรา

 

  1. เข่า-ศอก-เท้า นวดไทย ให้ถึงไทย ใกล้ๆ Museum Siam

“หากจะนวดไทยให้ถึงไทยและได้ความรู้กลับไป ต้องหาโอกาสไปนอนให้หมอได้นวดที่วัดโพธิ์ดูสักครั้ง”

 

            ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไปของกองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข มีข้อความสรุปง่ายๆได้ว่าการนวดไทยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่มาแต่โบราณ ทั้งยังมีประวัติมาจากประเทศอินเดีย เกิดจากสัญชาตญาณที่ต้องการการอยู่รอด อยากหายจากอาการปวดเมื่อย เริ่มจากใช้วิธีลูบจับร่างกายเพื่อบรรเทาอาการ นำไปสู่การสังเกต เก็บเป็นข้อมูล และเกิดเป็นทฤษฎีความรู้ถ่ายทอดเพื่อรักษา คลายความเมื่อยล้าได้จริง จากแค่นวดเพื่อบำบัด เมื่อนวดแล้วดี ใครๆ ก็ฝึกฝนได้นำไปสู่ธุรกิจร้านนวดโรงนวดกดจุดตามแหล่งท่องเที่ยว ตั้งแต่ถนนข้าวสาร ริมหาด ชุมชนที่คนนวดตะโกนคุยกันสนุก ไปจนถึงในโรงแรมหรูบรรยากาศรื่นรมย์ ส่วนของจริงจะหายเมื่อยล้าแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์มือนวด ที่สามารถถามหาบริการนวดชั่วโมงละราว 200 บาท ได้ไม่ยากเลยในเมืองไทย                                                                                                 

 

นวดถึงใจ นวดถึงไทย

            หากจะนวดไทยให้ถึงไทยและได้ความรู้กลับไป ต้องหาโอกาสไปนอนให้หมอได้นวดที่วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร สลับฟังเสียงซี้ดซ้าดจากเตียงนวดด้านข้าง และไม่ควรพลาดเดินชมจารึกวัดโพธิ์ และรูปปูนปั้นฤๅษีดัดตนตำรับแพทย์แผนไทยของชาติ ที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยแห่งแรกขึ้นที่วัดแห่งนี้ อีกเรื่องน่ารู้คือหากเป็นการนวดแบบราชสำนักจะเน้นแค่นวดมืออย่างเดียว หากนวดแบบชาวบ้านทั่วไป เข่า-ศอก-เท้า ต้องมาเต็ม (คุณยังสามารถรีเควสได้) รับรองว่าถึงไทยแน่นอน

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก: http://www.watpho.com/

 

 

  1. สตรีตฟู้ดไทยขวัญใจมหาชน ไปจนถึงสตรีตฟู้ดมิชลิน

 

“สตรีตฟู้ดแบบง่ายๆ รสชาติถูกปากคนไทยราคาเป็นมิตร
คุณภาพตามราคา จ่ายสบาย ทั้งเมนูปิ้ง ย่าง ยำ ตำ ก๋วยเตี๋ยว ไก่ทอด ผัดไทย”

 

 

            แต่ไหนแต่ไร ก่อนนโยบายห้ามขายสตรีตฟู้ดหรือร้านอาหารริมทางในเมืองไทยจะเข้มข้นขึ้น เราสามารถซื้อหาอาหารมาชิมในทุกพื้นที่ที่มีถนน สำหรับในกรุงเทพฯ ที่ไหนมีย่านธุรกิจ อาคารศิวิไลซ์ แลดูเป็นระเบียบ ไม่ไกลนักจะต้องมีสตรีตฟู้ดซ่อนตัวเพื่อให้ชนชั้นกลางได้ซื้อหาของอร่อยตั้งแต่มื้อเช้าไปจนถึงช่วงเวลาดึกดื่น ทั้งในรูปแบบร้านริมถนน หาบเร่ รถเข็น ที่หลายแห่งมาพร้อมกับตลาดนัดให้สาวออฟฟิศได้ช้อปปิ้งเพลินใจ จึงไม่น่าแปลกใจที่สตรีตฟู้ดแบบง่ายๆ รสชาติถูกปากคนไทยราคาเป็นมิตร คุณภาพตามราคา จ่ายสบาย ทั้งเมนูปิ้ง ย่าง ยำ ตำ ก๋วยเตี๋ยว ไก่ทอด ผัดไทย จึงได้กลายมาเป็นอาหารขวัญใจมหาชน

 

สองข้างทางนี้มีสีสัน

            ยิ่งเป็นสตรีตฟู้ดยามค่ำคืนในย่านท่องเที่ยวมีสีสันอย่างเยาวราชที่มีหลากหลายชนิดก็ยิ่งเป็นแม่เหล็กดึงผู้คนให้มาเยือนถนนวัฒนธรรมเส้นนี้เพื่อเดินชิมและชม ปีที่ผ่านมากรุงเทพฯ ยังได้รับการจัดอันดับจากสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าเป็นเมืองหลวงแห่งสตรีตฟู้ดอันดับหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องลองให้ได้มากที่สุด (Best 23 cities for street food from Miami to Tokyo จาก cnn.com) และคึกคักไปอีกในช่วงปลายปีเมื่อ “เจ๊ไฝ” ย่านประตูผี เป็นร้านหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ในไทยในแนวสตรีตฟู้ด จากความพิถีพิถันเสาะหาวัตถุดิบอาหารทะเลใหม่และสด แต่คุ้มค่าในราคาไม่ย่อมเยานักเมื่อเทียบกับสตรีตฟู้ดในภาพจำคนทั่วไป

 

           
            คนไทยผูกพันกับวัฒนธรรมสตรีตฟู้ดมาโดยตลอด แม้จะมีร้านอาหารในศูนย์การค้า หรือร้านสะดวกซื้อ ไม่มีอะไรจะแยกสตรีตฟู้ดออกจากชีวิตประจำวันของคนไทยได้ แม้แต่นโยบายยกเลิกให้ขายสตรีตฟู้ดบนทางเท้าในเมืองไทย เชื่อได้เลยว่าร้านอาหารสตรีตฟู้ดจะปรับตัวสรรหาช่องทางใหม่ได้ไม่ยากเกิน

 

 

ขอบคุณภาพจาก

https://www.facebook.com/MichelinGuideThailand/
https://en.wikipedia.org/wiki/Street_food#/media/File:Street_food_Yasothon.jpg

 

 

  1. ตลาด / วัด / วัง

“วิวสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์ที่สามารถมองผ่านบานหน้าต่างได้ทันทีเมื่อตื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่าเตียน หนึ่งในย่านโอลด์ทาวน์บนถนนมหาราช
ที่ในวันนี้มีการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง”

 

 

            ไม่ว่าที่ไหนในโลก วัง วัดและย่านเก่ามีเสน่ห์และสร้างจุดขายในการท่องเที่ยวได้เสมอ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ในเวลาเดียวกันวังและวัดก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สื่อถึงความเป็นไทยได้ชัดเจนที่สุด และสำหรับนักท่องเที่ยวสูตรสำเร็จในกรุงเทพฯ การเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังเป็นเรื่องไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพื่อเข้าชมและศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับที่ประทับของพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาลในสมัยรัตนโกสินทร์ของไทย ต่อด้วยเที่ยววัดสำคัญโดยรอบ และไม่ควรพลาดแวะดูเทรนด์ร้านรวงและร้านอาหารใหม่ๆ ที่หาได้ง่ายกว่าร้านอาหารในท้องถิ่นดั้งเดิม ทั้งยังสามารถเลือกเข้าพักโฮสเทลที่มีจุดขายเป็นวิวสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์ที่สามารถมองผ่านบานหน้าต่างได้ทันทีเมื่อตื่น

 

 

 

การเบิกบานของย่านเก่า

            โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่าเตียน หนึ่งในย่านเมืองเก่าบนถนนมหาราช ที่ในวันนี้มีการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง มีหลายธุรกิจดังเกิดขึ้น อย่างร้านอาหารและที่พักอย่าง The Deck ศาลารัตนโกสินทร์ ร้านอาหาร Food Route ร้านอาหาร Above Riva ร้านอาหาร East Side Story ร้านอาหารเออ ร้าน Blue Whale Cafe และร้านสินค้างานดีไซน์อย่าง Horselegmarking เป็นต้น ช่วยชุบชีวิตท่าเตียนในอดีตที่เคยคึกคักในฐานะชุมชนที่ขนส่งค้าขายผักและผลไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

            อีกหนึ่งสิ่งสำคัญไม่ควรพลาด คือแวะตลาดดอกไม้ Flowers Market ที่ปากคลองตลาด ที่แสนตื่นตาตื่นใจในมุมมองของชาวต่างชาติ (รวมถึงคนไทยเองด้วย) ในอดีตท่าเตียนคือศูนย์กลางความเจริญ เป็นศูนย์กลางแวะพักเมื่อเรือเทียบท่า แต่ปัจจุบันท่าเตียนได้ถูกปิดและถูกปรับปรุงเป็นพื้นที่การค้าที่ยังคงหลอมรวมหลายวัฒนธรรม เป็นพื้นที่ที่รวม ตลาด วัด วัง เข้าไว้ด้วยกัน และเมื่อมาเยือนถึงถิ่นท่าเตียนแล้ว หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการเยี่ยมชมมิวเซียมสยาม เพื่อชมนิทรรศการถอดรหัสไทย เข้าใจและสนุกกับความเป็นไทยให้มากว่าเดิม

 

 

ขอบคุณภาพจาก

https://www.tourismthailand.org/Attraction/The-Grand-Palace--52

http://www.arunresidence.com/dining/

https://www.facebook.com/pg/bluewhalebkk/photos/?tab=album&album_id=691205441029938

 

 

  1. ไนท์ไลฟ์ภาพลักษณ์ใหม่ ใส่ความเป็นไทยแบบเทพๆ (ที่ไม่ใช่ข้าวสาร และไม่ใช่ซอยนานา)

 “ไนท์ไลฟ์ย่านเจริญกรุงที่มีเสน่ห์แบบไทยที่มีเอกลักษณ์
เริ่มตั้งแต่ที่ตั้งของตึกเก่าร่วมร้อยปีที่ดัดแปลงมาเป็นร้าน ที่มีเรื่องเล่าการสิ้นสุดของสงครามโลก”

 

 

            ยากหน่อยหากมองหาความเป็นไทยในไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืนที่ไม่ใช่ร้านอาหารไทยเน้นๆ แบบนั่งรับประทาน แต่ก็ไม่ยากเกินไป ที่ร้านเทพ บาร์ ในย่านเมืองเก่าอย่างซอยนานา เจริญกรุง ที่มีเสน่ห์แบบไทยที่มีเอกลักษณ์ เริ่มตั้งแต่ที่ตั้งของตึกเก่าร่วมร้อยปีที่ดัดแปลงมาเป็นร้านที่ใกล้กับวงเวียน 22 กรกฎาคม ที่มีเรื่องเล่าการสิ้นสุดของสงครามโลก มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ การตกแต่งให้มีองค์ประกอบความเป็นไทยด้วยทองคำเปลวและเครื่องดนตรีไทย โดยมีดนตรีไทยเป็นส่วนสำคัญ ที่จะมีวงสำเนียงเทพจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาบรรเลงเพลงไทยจังหวะคึกคักให้ฟังในช่วงปลายสัปดาห์ แม้จะเป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆ แต่นับได้ว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ผู้คนในยุคนี้โดยเฉพาะคนไทยเองกำลังมองหา

 

 

ขอบคุณภาพจาก

https://www.facebook.com/TEPBARTH/

 

 

  1. สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำใหม่-เก่า ค้างโฮมสเตย์ พักโรงแรมไฮเอนด์

 

เที่ยวชมวิถีชีวิตริมน้ำของคนไทยที่ผูกพันกับสายน้ำมายาวนาน
นักท่องเที่ยวยังคงอยากไปเที่ยวชมตลาดน้ำที่ราชบุรี พักโฮมสเตย์ริมคลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม
รวมถึงจุดหมายปลายทางริมแม่น้ำสายใหญ่อย่างวิถีชีวิตริมน้ำเจ้าพระยา”

 

 

            ที่ไหนมีน้ำ ที่นั่นมีชีวิต แม้เทรนด์การท่องเที่ยวจะเปลี่ยน ด้วยมีจุดหมายปลายทางใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือการปักหมุดเที่ยวชมวิถีชีวิตริมน้ำของคนไทยที่ผูกพันกับสายน้ำมายาวนาน นักท่องเที่ยวยังคงอยากไปเที่ยวชมตลาดน้ำที่ราชบุรี พักโฮมสเตย์ริมคลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม รวมถึงจุดหมายปลายทางริมแม่น้ำสายใหญ่อย่างวิถีชีวิตริมน้ำเจ้าพระยาที่สวยงามด้วยทัศนียภาพและมีเสน่ห์ด้วยวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม

 

เป็นไทยในแบบฉัน และหมุดหมายใหม่แห่งความคิดสร้างสรรค์

            ความเป็นไทยหาใช่ไทยแท้ แท้จริงเรายังมีความผสมผสานที่หลากหลาย อาทิ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมริมน้ำอย่างชุมชนกุฎีจีน ชุมชนชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสที่ตั้งรกรากมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เกิดการผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตชาวพุทธ คริสต์ และอิสลาม รวมถึงชาวจีนซึ่งเป็นพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในพื้นที่เดียวกัน ไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยว ความสวยงามของคุ้งน้ำเจ้าพระยาและมูลค่าที่วัดไม่ได้ทางวัฒนธรรมยังดึงดูดโรงแรมไฮเอนด์ที่เห็นศักยภาพของแม่น้ำและวิถีชีวิตริมน้ำ สอดคล้องกับความคืบหน้าของหลายโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น

 

 

            ท่ามกลางโรงแรมที่มีชื่อเสียงขวัญใจนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากหลายประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นการเคลื่อนไหวและพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวริมน้ำและพื้นที่สร้างสรรค์ของภาคเอกชนล่าสุด ที่ได้แก่ ‘Warehouse 30’ ที่ดัดแปลงโกดังเก่ามาออกแบบเป็นร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านค้า สถานที่ฉายภาพยนตร์ และ ‘ล้ง 1919’ โครงการแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นด้วยศิลปะเชิงอนุรักษ์ ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์จีน-ไทย รวมถึงโฮมสเตย์และโรงแรมขนาดเล็กที่สร้างสรรค์ทางเลือกที่หลากหลาย รวมถึงโรงแรมอำแดง บนถนนเชียงใหม่ ใกล้ย่านคลองสานให้กับผู้มาเยือนทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ล้วนเป็นพื้นที่ที่เบ่งบานทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ ชวนให้ชาวต่างชาติคนนอกบ้านของเราได้ร่วมมองความเป็นไทยในมุมมองใหม่

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก

https://www.facebook.com/AMDAENG-Bangkok-riverside-hotel-140766939908638/

https://www.facebook.com/TheWarehouse30/

ล้ง 1919

 

 

เรื่อง : Chananan



ย้อนกลับ