ในปี 2553 ปอ-อรรณพ ทองบริสุทธิ์ เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี ชั้น ม.5 โรงเรียนมารีวิทยา เข้าประกวดรายการเรียลิตี้ของนักล่าฝัน True Academy Fantasia ซีซั่นที่ 7 และเขาก็คว้าแชมป์มาได้ จนได้รับการพูดถึง เป็นที่รู้จักในนาม “ปอ AF” นักล่าที่คว้าความฝันของตนสำเร็จ…แต่ทว่าเขาใช้เวลากว่าสองปีในการประคับประคองความฝันนั้น การเป็นปอ AF อาจยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้จักเป็นวงกว้างนอกเหนือไปจากแฟนคลับของบ้านAF
“ท้อ เหนื่อย และคิดจะละทิ้งความฝัน” กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กชายต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เข้ามาในกรุงเทพฯ จนกระทั่งโชคชะตาทำให้เขาต้องคว้าไมค์ออกไปร้องเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุกๆ บนเวทีเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลังจากลงเวที ดนตรีลูกทุ่งก็เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง
นับจากนี้ ขอเรียนเชิญพ่อแม่พี่น้องแฟนคลับทั้งหลายมาล้อมวงนั่งฟังเรื่องราวของจังหวะดนตรีที่เปลี่ยนชีวิตเด็กหนุ่มคนนี้ ไม่ว่ากัน…ถ้าคุณจะอยากคล้องพวงมาลัยเป็นกำลังใจให้เขาเมื่ออ่านจบ
คุณรู้ตัวว่าชอบร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไร
ผมไม่ค่อยรู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าชอบร้องเพลง ตอนเด็กๆ เราก็จะโดนให้ขึ้นไปร้องเพลงวันแม่ หรือร้องคาราโอเกะกับคุณแม่ที่บ้านมาตลอด สมัยก่อนจะมีโปรแกรม Nick Karaoke จอสีน้ำเงิน บ้านผมจะร้องกันตลอด คุณแม่ผมเป็นครู เวลา
งานปีใหม่ที่โรงเรียน ผมก็จะไปกับแม่ แล้วขอร้องเพลงคาราโอเกะ ตอนเด็กผมคิดมาตลอดว่าอยากเป็นหมอ แต่พอได้ร้องเพลง ฝึกฝนเองบ่อยๆ ผมก็เปลี่ยนความสนใจ
อะไรทำให้เด็กที่เคยอยากเป็นหมอกลายมาอยากเป็นนักร้อง
ผมชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วผมก็ไม่รู้จะหาวิธีเข้าไปคุยกับเขายังไง ผู้หญิงคนนี้เป็นนักร้องประจำโรงเรียน เวลามีงานเขาก็จะได้ขึ้นโชว์ เราคิดว่าอยากจะเข้าไปคุยกับเขา ก็เอ๊ะ ทำอย่างไรดี การร้องเพลงจึงเป็นหนทางเดียวที่จะพาเราเข้าไปเจอเขาได้ ผมตั้งใจเริ่มฝึกซ้อมร้องเพลง คอยเข้าไปถามเขาว่าเพลงนี้ร้องยังไง วันนี้เขาจะไปซ้อมที่ไหน และจุดนี้เองทำให้ผมรู้ตัวเองว่า เรารักการร้องเพลงและเริ่มต้นฝึกฝนอย่างจริงจัง
ก่อนหน้านี้ก็ร้องเล่นๆ มาตลอด ไม่คิดว่าจะมาเป็นนักร้อง จนกระทั่งมีรายการ AF (Academy Fantasia) ดูปั๊บก็อยากเข้าไปในบ้านAF จังเลย มีคลาสเรียนร้องเพลง มีเพื่อนๆ พี่ๆ ในบ้าน แรกเริ่มผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะเข้าไปแข่ง แต่เพื่อนก็บิลด์ เพราะในห้องเรียนผมเป็นหัวหน้าห้อง แล้วเพื่อนก็จะรำคาญว่าผมชอบบังคับให้ฟังเพลงก่อนไปพักกลางวัน จนเพื่อนเอ่ยปากว่า ถ้าอยากร้องเพลงจริงๆ ไปร้องที่เวทีประกวดแล้วกัน จนเพื่อนเอารายละเอียดการสมัครมาให้ เราก็คิดว่า เหมือนไปลองดูแล้วกัน แล้วมันเหมือนผ่านด่านทีละด่าน อยู่ดีๆ ก็เฮ้ย ผ่านเข้ารอบแรก เป็นตัวแทนภาค เข้าบ้าน AFแป๊บเดียว แล้วก็ได้แชมป์
ความรู้สึกจากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง เมื่อเข้ามากรุงเทพฯ คว้าแชมป์รายการ AFเป็นอย่างไรบ้าง
มันใช่เหรอ พอตื่นมาหลังจากที่ได้แชมป์ปั๊บรีบหารางวัลก่อนว่ายังอยู่หรือเปล่า (หัวเราะ) ผมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ตอนออดิชั่นที่ขอนแก่นแล้ว พอได้บัตรผ่านเข้ารอบสู่กรุงเทพฯ ผมพกบัตรไปโรงเรียนทุกวัน พกใส่กระเป๋ากางเกง แล้วก็ไปโชว์คนนู้นคนนี้ว่าเราผ่านเข้ารอบแล้วนะ และตอนที่เขาประกาศออกมาว่า แชมป์คือ “ V12” พอได้แชมป์ปั๊บ โอ้โห…เหมือนโลกหยุดหมุน ทุกอย่างรอบตัวเงียบไปหมด นั่นคือหนึ่งความรู้สึกที่ผมคิดว่าตัวเองมีความสุขที่สุดในชีวิต
จากนักร้องสตริง เบนเข็มสู่เส้นทางเพลงลูกทุ่งได้อย่างไร
เป็นความบังเอิญ ช่วงที่ผมออกจากบ้าน AF ผมก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรเป็นพิเศษ ยังไม่รู้สไตล์การร้องของตนเองว่าเราทำอะไรได้ดี ผมร้องเพลงได้หมดทุกแนว แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นด้านใดสักอย่าง หลังจากได้แชมป์มา 2 ปี ผมก็รับงานร้องเพลงตามอีเวนต์ทั่วไป ไม่ได้มีผลงานโดดเด่น ผมเริ่มรู้สึกท้อแท้ เพราะเรายังหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ เคยคิดว่าจะกลับไปเรียนเหมือนเดิมดีไหม เรามีปัญหาเรื่องอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ เพราะพ่อแม่ผมอยู่ต่างจังหวัดหมด เหมือนเด็กคนหนึ่งที่โดนความกดดันเยอะๆ โดนปัญหาต่างๆ รู้สึกเหนื่อย เครียด…แล้วก็ไม่อยากทำแล้ว
จนกระทั่งมีงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท เด็กๆ ก็ขึ้นไปร้องเพลงกันบนเวทีตามประสา แล้วผมก็ร้องเพลงสนุกขึ้นมา เป็นเพลงโจ๊ะๆ แนวลูกทุ่ง พอผู้ใหญ่เข้ามาเห็น…เออ ปอร้องลูกทุ่งได้นี่ สนุกมาก เขาก็ถามว่าอยากลองร้องเพลงลูกทุ่งไหม ตอนนั้นคือผมไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ก็รับปากเลย ให้ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ได้ออกผลงานเพลง เพลงแรกที่ออกมาคือ โกรธไหลย้อน เป็นเพลงลูกทุ่งกึ่งๆ สตริง เล่าถึงผู้หญิงที่ชอบรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ โกรธเรื่องเดิมๆ ย้อนกลับมา ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ยังไม่ได้มีทักษะลูกทุ่งมาก จึงเน้นความสนุกสนานเป็นหลัก นับเป็นก้าวแรกในเส้นทางลูกทุ่งของผม
เมื่อเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักร้องชายสายโจ๊ะ ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้ามองย้อนกลับไป เพลงลูกทุ่งคือสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตผม ผมแทบไม่มีหวังในวงการแล้ว รู้สึกว่าตรงนั้นคงไม่ใช่ที่สำหรับเรา แต่พอได้ทำเพลงลูกทุ่งเพลงแรกก็เหมือนเปลี่ยนชีวิตเราเลย กลายเป็นคนรู้จักและจดจำเราได้จากเพลงลูกทุ่ง แต่เพลงแรกก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร ในบ้านAF เรามีแฟนคลับ แต่เมื่อก้าวออกมานอกบ้าน เรากลายเป็นคนที่ไม่มีคนรู้จักเลยในโลกภายนอก จังหวะดีที่ตอนนั้น ไม่ค่อยมีใครปล่อยเพลงโจ๊ะๆ เป็นช่วงที่วงการลูกทุ่งไม่ได้มีอะไรใหม่ๆ กลายเป็นว่าผมจึงเป็นนักร้องชายที่ออกมาทำเพลงลูกทุ่งสนุกๆ เพลงเดียวในตอนนั้น คนก็เริ่มค่อยๆ พูดถึง พี่ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ก็โพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพลงนี้เพลงอะไร ขำๆ จากนั้นคนในวงการก็เริ่มมาเห็น บอกเพลงนี้ตลกดี เพลงก็เริ่มติดชาร์จ หลังจากนั้นก็เข้าสู่เพลงต่อมา คือ โสดกะปริบกะปรอย (ผู้แต่ง : โจ๊ะ-สมเกียรติ เมธาพฤทธิ์) พี่โจ๊ะดูจากบุคลิกของเราว่าเราเป็นคนสนุก จึงแต่งเพลงนี้ออกมา และเพลงนี้ก็เป็นเพลงเปลี่ยนชีวิตเลย จากที่เคยท้อ เพลงนี้กลับมาทำให้เรามีไฟ แล้วก็สนุก มีความหวังในวงการอีกครั้ง และเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะ ปอ กะปริบกะปรอย
เสน่ห์ของเพลงคุณคือความสนุกสนานของบทเพลงที่มาพร้อมกับท่าเต้น ช่วยเล่าถึงที่มาของท่าเต้นให้ฟังสักนิด
ท่าเต้นมาจากผมเองครับ อย่างเพลงแรก โกรธไหลย้อน ตอนถ่ายมิวสิกวิดีโอ ผู้กำกับบอกว่าจะเต้นอะไรก็เต้นเลย ผมก็เลยเอาท่าเต้นที่เคยเต้นกับเพื่อนสมัยเรียนย่องๆ เต้นๆ คนก็เริ่มจดจำเราในภาพนี้ และพอมาถึงโสดกะปริบกะปรอย ผมก็คิดท่าเต้นเองดีกว่า เลยโพสต์ท่าที่ผมคิดลงในอินสตาแกรม 4-5แบบ แล้วให้คนโหวตว่าชอบท่าไหน พอคนกดโหวตๆ มา ผมก็เอามาใส่ในเอ็มวี ให้ครูสอนเต้นมาช่วยจับว่าท่านี้ควรจะอยู่ในท่อนนี้ สุดท้ายก็กลายเป็นเหมือนท่าที่เราคิดขึ้นมาเอง
นั่นแปลว่าความสำเร็จจากการเป็นนักร้องลูกทุ่งมาจากตัวตนของเราด้วยใช่ไหม
ใช่ครับ ด้วยความสนุก เรามีความสุขมาก และจังหวะแบบนี้มันอยู่ในตัวเราตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ตัวมาก่อน ถ้าย้อนกลับไปนึกว่าตอนเด็กๆ เราฟังเพลงอะไร คำตอบคือลูกทุ่ง แถวบ้านก็เปิดเพลงลูกทุ่งหมอลำมาตลอดเลย มันอยู่ในหัวเรา ในหูเราเราชินกับจังหวะแบบนี้ จังหวะแบบลูกทุ่งไทยๆ
ผู้ใหญ่ในวงการเพลงลูกทุ่งท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า นักร้องลูกทุ่งถ้าเจอเพลงเดียวที่โดนก็สามารถดังได้ทั้งชีวิตเลย คุณคิดเห็นว่าอย่างไร
(นิ่งคิด)ผมว่าจริง แต่ในยุคปัจจุบัน เพลงหนึ่งเพลงอาจจะไม่ได้อมตะเทียบเท่าเมื่อก่อนแล้ว ในยุคนี้เพลงดังหนึ่งเพลงก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้คนจดจำเราได้ว่าศิลปินคนนี้ดังมาจากเพลงไหน แต่ว่าในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างเร็วมาก มีโซเชียล มีซิงเกิล มีศิลปินที่พร้อมจะเกิดใหม่เยอะมากขึ้น วันนี้ศิลปินอาจจะไม่ได้ดังแค่เพลงเดียวปังเหมือนยุคก่อนๆ แต่จะต้องมีสิ่งอื่นๆ ตามมาด้วย เพลงหนึ่งเพลงเมื่อดังก็อาจจะทำให้คนลืมได้เร็วเหมือนกัน แต่บุคลิก นิสัย การวางตัว การพัฒนาตัวเอง การใช้สื่อโซเชียล การประชาสัมพันธ์ การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยของคนฟังรุ่นใหม่ หลายๆ องค์ประกอบจะเป็นตัววัดที่ทำให้ศิลปินคนนั้นอยู่ได้นานแค่ไหน
ในฐานะที่คุณเป็นศิลปินลูกทุ่งยุคใหม่ คุณใส่ความเป็นลูกทุ่งยุคใหม่ในเพลงอย่างไร
หลังจากทิ้งห่างจากโสดกะปริบกะปรอยไป 5 ปี ซิงเกิลล่าสุดคือเพลง เอาป่าว (จากค่าย SRP TCM) ถือเป็นความท้าทายใหม่ ผมมีเพลงสนุกๆ หลายเพลงแล้ว และมักจะเป็นเพลงแนวนี้ คนก็จะเห็นภาพปอ อรรณพ สนุกสนาน เต้นๆ ส่ายเอว เมื่อคิดจะทำเพลงใหม่ ผมถามโปรดิวเซอร์ว่า หรือเราจะเปลี่ยนแนวดี ร้องเพลงช้าดูไหม แต่โปรดิวเซอร์อยากย้ำภาพอีกสักครั้งหนึ่งให้ชัดๆ เพลงเอาป่าวจึงเป็นเพลงลองใส่สีสันความเป็นลูกทุ่งย้อนยุคแบบมนต์รักลูกทุ่ง ใส่ดนตรีเช่นแตรวง สามช่า ให้ความรู้สึกเหมือนไปงานบวชแห่นาคเข้ามาในเพลง และได้พี่เอ้-สัณหภาส บุนนาค จาก Boom Boom Cash เข้ามาช่วยสร้างสีสันให้ มีกลิ่นอาย EDM สนุกๆ เข้ามาในเพลง ถือเป็นความแปลกใหม่ของลูกทุ่งในยุคนี้ สำหรับเพลงลูกทุ่งยุคใหม่บางเพลงอาจจะมีอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปเสริม บางเพลงอาจจะเป็นเครื่องดนตรีสากล เช่น กีตาร์ เปียโน อยู่ที่ว่าเราอยากจะเล่าในแบบไหน สีสันแต่ละเพลงเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ พื้นฐานการร้องแบบลูกทุ่งต้องยังคงอยู่
การเป็นนักร้องลูกทุ่งต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง
ใช้ใจก่อนเลย คุณต้องจริงใจมากๆ ต้องเป็นตัวของตัวเอง อารมณ์ของเพลงลูกทุ่งคือต้องจริงใจ เข้าใจง่าย แล้วก็ถ้าเป็นเพลงสนุกก็ต้องสนุกแบบเข้าถึงได้ง่ายๆ ถ้าเป็นเพลงช้าเพลงเศร้าก็ต้องหวาน ต้องมีลูกเล่น วิธีการร้องก็สำคัญ อย่างผมไม่ได้เริ่มจากเพลงลูกทุ่ง ก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝน ช่วงแรกผมร้องไม่ได้เลย เอื้อนไม่ได้ ต้องหมั่นซ้อมร้องเพลงลูกทุ่งช้าๆ การฝึกฝนจะทำให้เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องขึ้นคอนเสิร์ตลูกทุ่งจะได้ไม่มีปัญหา แต่ผมก็จะเน้นการฝึกฝนและกลั่นออกมาเป็นลูกทุ่งสไตล์เรา เราไม่ได้ถึงขั้นเป็นนักร้องลูกทุ่งเสียงหวาน แต่เน้นที่อารมณ์ ซึ่งเป็นการสื่อสารที่สำคัญที่สุดแล้วในเพลง
คุณคิดว่าคุณค่าของเพลงลูกทุ่งคืออะไร
ทั้งในยุคปัจจุบันและลูกทุ่งสมัยก่อน จะมีความเข้าถึงได้อยู่ในเพลง ลูกทุ่งในประเทศไทยก็มีหลากหลาย ลูกทุ่งอีสาน ลูกทุ่งภาคเหนือ ลูกทุ่งภาคใต้ ลูกทุ่งภาคกลาง ล้วนมีเสน่ห์มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไป การฟังเพลงลูกทุ่งของคนไทยอยู่ในสายเลือด เวลาคนได้ยินเพลงสามช่าขึ้นมาหรือเพลงที่มีจังหวะสนุก ผมเชื่อว่าเพลงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง เพลงที่สนุกจะทำให้คนกล้าทำอะไรมากขึ้น กล้าออกมาเต้นรำ กล้าออกมาสนุกสนาน ผมไม่เคยได้ยินจังหวะแบบลูกทุ่งไทยที่ไหนในโลกนี้ เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย เป็นสิ่งที่มันมีมายาวนาน หรือแม้กระทั่งอยากรู้ว่ายุคไหนมีคำฮิตอะไร คำที่ฮิตจะถูกนำมาใส่ในเพลงลูกทุ่ง หรือแม้จังหวะที่ต้องการสื่อสารช้าๆ ความหมายกินใจ เพลงลูกทุ่งก็จะแต่งออกมาได้หวานและงดงามให้คนฟังเข้าถึงได้ง่าย
ยุคของคุณยังได้รับพวงมาลัยติดแบงก์จากแฟนเพลงอยู่ไหม
มีบ้าง (หัวเราะ) แต่ไม่มาก บางทีที่ไปต่างจังหวัดหรือเป็นงานใหญ่ๆ แฟนเพลงลูกทุ่งน่ารักมาก เขาตั้งใจมาฟังนักร้องลูกทุ่ง บางทีเขาไม่ได้ตั้งใจมาดูเรา บางทีเขามาเชียร์พี่ๆ เช่นพี่ไผ่ พงศธร มาเชียร์นักร้องลูกทุ่งรุ่นใหญ่ แต่เขาเห็นเราซึ่งเป็นศิลปินรุ่นใหม่บนเวที เขาก็เอาพวงมาลัยมาให้เราเหมือนเป็นรางวัล เป็นกำลังใจ สำหรับผมนี่ไม่ใช่แค่พวงมาลัย แต่คือการส่งพลังกลับมาให้เราด้วยเวลาที่ร้องเพลง
เวทีลูกทุ่งที่คุณจำได้ไม่รู้ลืม
ประทับใจงานที่ตลาดแห่งหนึ่ง ย่านสมุทรสาคร ในงานมีศิลปินลูกทุ่งรุ่นพี่เยอะมาก ตอนนั้นผมเพิ่งร้องเพลงลูกทุ่งใหม่ๆ ผมกลัวมากเลยว่าแฟนเพลงลูกทุ่งจะรับเราได้ไหม เพราะเรามาจากภาพนักร้องสตริง เด็กบ้าน AFตอนนั้นไม่มีคนรู้จักเราในวงการลูกทุ่งเลย ไปหลังเวทีก็ไม่รู้จะคุยกับใคร แต่พอขึ้นไปบนเวทีปั๊บ ผมรู้สึกว่าต้องทำเต็มที่เพื่อให้คนได้รู้จักเรา ปรากฏว่าคนลุกขึ้นเต้น สนุกไปกับเรา แม้จะถือป้ายไฟศิลปินท่านอื่นแต่ก็ช่วยเต้นช่วยร้อง เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับดอกไม้จากคนฟัง เป็นครั้งแรกที่ได้พวงมาลัยมาคล้อง ผมไม่เคยได้รับสิ่งนี้จากคนฟังมาก่อน คนฟังอยากจะสื่อสารกับเรา อยากจะให้กำลังใจเรา เขารู้สึกยังไงเขาก็บอกกับเราตรงๆ “วันนี้ป้าสนุกมากเลยลูก” พอฟังแล้วใจมันฟู
ถ้ามีน้องๆ รุ่นใหม่บอกว่า อยากเป็นนักร้องแบบพี่ปอจังเลย คุณจะบอกเขาว่า
อยากจะเป็นกำลังใจให้มากกว่า ทุกวันนี้นักร้องเยอะมาก คนร้องเพลงเพราะๆ เต็มไปหมดเลยในประเทศไทย แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องหาสิ่งที่เป็นเราจริงๆ ให้เจอ แล้วเราสามารถมีความสุขกับมัน อยู่กับมันได้จริงๆ ยังมีสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมอีกมาก เช่น วิธีการร้อง การโชว์ การสื่ออารมณ์ต่างๆ การทำงาน วินัย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมว่าถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จแบบยาวนาน หรือว่าอยู่ในวงการนี้ได้นานๆ ต้องเป็นตัวเราจริงๆ และต้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้มาเป็นนักร้องลูกทุ่งในวันนี้คือ…
เหมือนเป็นการทำงานที่ไม่ได้ทำงาน มันเหมือนเราออกไปเอนเตอร์เทนผู้คน เวลาทั้งร้องทั้งเต้นแม้จะมีความเหนื่อยอยู่บ้าง แต่พร้อมที่จะเหนื่อยแล้วก็มีความสุขไปกับมัน จุดมุ่งหมายของผมก็คืออยากให้คนมีความสุข ให้คนขำ ให้คนยิ้ม วันนี้คนได้หัวเราะ ได้ลุกขึ้นเต้นเพราะเพลงเราแล้ว ตรงนี้ก็กลายเป็นกำไรของเราด้วย…ผมรู้สึกโชคดีที่ได้ทำอาชีพนักร้องลูกทุ่ง