ในช่วงเวลาขณะนี้ที่ผู้คนมีความเห็นว่า #stayhome #staysafe อยู่บ้านดีกว่า (ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น) และมีคำถามเกิดขึ้นว่า หากมีปัญหา อยากรับการบำบัด อยากพบคุณหมอจิตแพทย์ ควรจะทำเช่นไร
ในต่างประเทศ การสนทนาปรึกษากับคุณหมอออนไลน์แพร่หลายและเป็นช่องทางในการบำบัด สำหรับประเทศไทยเราก็มี OOCA (อูก้า) แอปพลิเคชันพบจิตแพทย์ออนไลน์ที่ก่อตั้งมานานถึง 4 ปีแล้ว โดยคุณอิ๊ก-กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์
“4 ปีที่แล้ว เราทำสำรวจด้วยการเดินถามคนเรื่องสุขภาพจิต แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าเรากำลังต่อว่าเขา ตัดภาพมาตอนนี้คนเข้าใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ” เธอเริ่มต้นเล่าถึงเส้นทางการเข้าถึงสุขภาพจิตของคนไทย ก้าวเล็กๆ และนำมาสู่การเติบโตทีละก้าวของแอปพลิเคชันพบจิตแพทย์ออนไลน์เจ้าแรกของประเทศไทย
ติดตามวิธีคิดและไอเดียจับเทคโนโลยีทางการแพทย์มานำเสนอในรูปแบบใหม่ให้เข้าถึง “ผู้ป่วยใจ” ได้จากทุกพื้นที่ ทั้งยังเป็นทางรอดและทางเลือกสำหรับดูแลรักษาใจในยุคโควิด 19
OOCA แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพใจทางไกลมีจุดเริ่มต้นอย่างไร
เดิมทีเป็นหมอฟัน สนใจเทคโนโลยีและสุขภาพอยู่แล้ว พออยู่ในวงการนี้ก็จะเห็นปัญหาค่อนข้างเยอะ หนึ่งในนั้นเราพบว่า การรักษาบางประเภทไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาลก็ได้หากเราใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ปัญหาที่อยากแก้ไขคือเรื่องสุขภาพจิต เพราะรู้สึกว่าตรงกับตัวเอง และยิ่งตอนนั้นประเด็นนี้พูดยาก เข้าถึงยาก เวลาคนมีปัญหาสุขภาพจิตเขาอาจรู้สึกเขินอาย กลัวคนอื่นมองไม่ดี บางส่วนของสังคมยังมองคำว่า “จิตเวช” ในด้านลบ เราจึงทำแอปพลิเคชัน OOCA ขึ้นมา เพื่อผลักดันให้การบริการสุขภาพจิตสามารถเข้าถึงง่ายขึ้น
เราใช้แนวคิด “Telemedicine” หรือที่หลายคนรู้จักว่า “การแพทย์ทางไกล” มาใช้กับ OOCA ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทยก็ใช้เทคโนโลยีนี้กับเรื่องรังสีวิทยาเพื่อดูภาพสแกนและอ่านภาพรังสี ย้อนกลับไปหน่อยก็เคยใช้ Telemedicine ระหว่างคนไข้กับคุณหมอในพื้นที่ห่างไกล แต่ตอนนั้นเทคโนโลยียังไม่ทันสมัยก็เลยไม่ค่อยมีคนใช้งาน ส่วนในต่างประเทศเขาใช้เทคโนโลยีนี้ในการทำงานมา 20-30 ปีแล้วนะคะ มีทั้งการให้คำปรึกษาแบบส่งข้อความ ส่งข้อมูลผลการรักษา หรือในสถานการณ์ที่หมอคนเดียวสามารถตรวจผลครั้งละ 10 โรงพยาบาลในคราวเดียวกัน
พอเราอยากทำให้ทุกคนเข้าถึงจิตแพทย์และนักจิตวิทยาง่ายขึ้น Telemedicine จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับใช้ต่อยอดแอปพลิเคชัน OOCA เนื่องจากกระบวนการรักษา พูดคุย สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการวิดีโอคอลบนแพลตฟอร์มนี้
OOCA สามารถเข้าถึงคนที่อยู่บ้านและทุกข์ใจได้อย่างไร
เวลาพูดถึงคำว่าจิตเวช คนจะนึกถึงโรค แต่ OOCA ไม่ได้เน้นที่โรคหรือการเจ็บป่วย เรามุ่งไปที่สุขภาพจิตอันประกอบด้วยความสุขและการสบายใจของภาวะจิตใจเป็นหลัก ผู้ใช้งานจะเข้ามาคุยแบบที่เขาไม่จำเป็นต้องป่วย แค่เรื่องทั่วไปที่มีผลกระทบต่อจิตใจในชีวิตประจำวันก็สามารถเข้ามาพูดคุยกับคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญได้ ซึ่งนี่คือกระบวนการบำบัดรูปแบบหนึ่ง แม้เราจะเป็นรายแรกของประเทศไทย แต่การรักษาแบบนี้ในต่างประเทศมีมานานแล้ว สำหรับ OOCA แล้วเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายอย่างที่เราอยากพัฒนาเพื่อรองรับการใช้งาน จิตแพทย์ออนไลน์มีข้อเสียคือไม่ได้เห็นตัวจริง แน่นอนว่าการปรึกษาโดยพูดคุยแบบเจอตัวย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ ณ เวลานี้เราเจอตัวกันยากลำบาก เรื่องไปโรงพยาบาลซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงยิ่งไม่ต้องพูดถึง เราก็พยายามนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้เสถียรและครอบคลุมขึ้น ในอนาคต OOCA วางแผนจะพัฒนาระบบเพื่อจ่ายยาออนไลน์ได้ และขยายเครือข่ายไปยังต่างประเทศ
ช่วยเล่าถึงบทบาทของ OOCA กับการเป็นพื้นที่รักษาใจตัวเองจากที่บ้าน
นอกจากจะมีแอปพลิเคชันที่พร้อมให้บริการพูดคุย-บำบัดกับผู้เชี่ยวชาญแล้ว เรายังมีพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ให้ทุกคนเข้าไปติดตามคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นบทความและวิดีโอเรื่องสุขภาพจิตผ่านทาง Facebook Fanpage ได้
ล่าสุดยังมีโปรเจ็กต์ที่ชื่อว่า Wall of Sharing โดยนำแพลตฟอร์มของ OOCA หรือระบบ Telemedicine มาช่วยเหลือสังคม ความตั้งใจคือ ขยายบริการไปยังกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสหรือคนที่ต้องการการสนับสนุน เช่น กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐ ซึ่งสามารถเข้ามาปรึกษาได้ฟรี
จากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ส่งผลอย่างไรต่อการปรึกษาออนไลน์ของ OOCA บ้าง
ตั้งแต่มีโควิด 19 ภาพรวมของคนที่เข้ามาใช้บริการ OOCA สูงขึ้นมาก ส่วนใหญ่หัวข้อที่ปรึกษาจะเป็นเรื่องความเครียด ซึมเศร้า และเรื่องความสัมพันธ์ แม้เป็นปัญหายอดฮิตเรื่องสุขภาพจิตอยู่แล้ว แต่ถ้าตรวจสอบจากข้อมูลพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คือคนจำเป็นต้อง Work from Home หรือ Social Distancing ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมที่นำไปสู่ความเครียดหรือซึมเศร้าเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งก็แสดงออกมาให้เห็นว่า ทีมให้คำปรึกษาก็ทำงานเพิ่มขึ้น เพราะโควิด 19 ทำให้คนอยู่ในภาวะกลัว ตื่นตระหนก พอมีปัญหาไวรัสขึ้นมาทุกคนก็สนใจไปที่โรคโควิด 19 แต่ถามว่าโรคอื่นๆ ได้หายไปไหม ? คำตอบคือ “มันไม่ได้หายไป” ทุกวินาทียังมีคนป่วยใจ ซึมเศร้า ซึ่งเขาต้องได้รับการดูแลต่อไป รวมถึงคนที่เพิ่งทุกข์ใจเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรหน้าด่านที่ต้องดูแลผู้ป่วย คนที่เป็นผู้ป่วยโควิด 19 หรือแม้แต่คนที่ถูกให้ออกจากงาน ลดเงินเดือน ฯลฯ ซึ่งสภาวะเหล่านี้เกิดความเครียดทั้งหมด
OOCA พยายามเชื่อมต่อจิตแพทย์กับบุคคลทั่วไปให้เข้าถึงกระบวนการบำบัดที่สะดวกสบายกว่าเดิม ดังนั้นหากโลกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถทำให้คนไข้มาอยู่ตรงหน้าได้ เขาจะหาทางแก้ไขได้อย่างไร ? ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องปรับตัวเข้าหายุคสมัย สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญคือปรับตัวเข้าหาคนไข้
คุณได้เรียนรู้อะไรจากการทำงานด้านจิตแพทย์ออนไลน์ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มากในบ้านเรา
ช่วงนี้คนไทยเปิดรับกว่าเมื่อก่อนมากๆ เพราะช่วงที่เราเพิ่งเริ่มทำสำรวจครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เวลาเดินไปตามถนนถามคนเกี่ยวกับสุขภาพจิต ทำให้คนรู้สึกว่าเราไปว่าเขา แต่ถ้าสมัยนี้ถ้าเราอยากทำสำรวจและเดินไปถามเขา คนจะไม่รู้สึกแย่ขนาดนั้น อาจจะมีบ้างบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจ แต่ก็น้อยค่ะ มนุษย์ต้องเปิดใจมากขึ้น พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคม คิดว่าที่แน่ๆ หลังจากโควิด 19 นี้ สังคมจะยืดหยุ่นมากขึ้น เปิดรับไอเดียใหม่ๆ เปิดรับกับสิ่งใหม่ที่ต้องได้ใช้ในภาวะวิกฤตหรือภาวะที่เราจะต้องปรับตัว เพราะว่าถ้าปรับตัวไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้ ฉะนั้น มุมมองของคนจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งถือว่าสำคัญมากๆ กับการพัฒนาโลกของมนุษย์
เธอทิ้งท้ายว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ เราอยากสนับสนุนให้ทุกคนอยู่บ้าน เพื่อให้ผ่านสถานการณ์วิกฤตได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ถ้าหากว่าใครก็ตามอยู่ในภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือ อยากจะเข้าหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็สามารถเข้ามาใช้งานและพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตกับ OOCA ได้เช่นกัน https://ooca.co
คอลัมน์ : MUSE PLUS
ผู้เขียน : pimispimmyboo