Muse Mag
Muse Story : ดร.สมไทย วงษ์เจริญ “โลกนี้ไม่มีขยะ”
Muse Mag
29 มิ.ย. 63 5K

ผู้เขียน : Administrator

 

 

          Muse มีนัดกับ ดร.สมไทย วงษ์เจริญ ชายวัย 66 ปีที่กระฉับกระเฉง ความจำดีเยี่ยม เขาคือผู้บุกเบิกการคัดแยกขยะอันดับต้นๆ ของเมืองไทยขณะอายุได้ 20 ปี และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนชำนาญและยั่งยืน ปีนี้เข้าปีที่ 46 แล้ว

          “ที่ใดมีคน ที่นั่นมีขยะ” นี่จึงเป็นต้นเหตุให้เด็กหนุ่มจากจังหวัดพิจิตรเดินทางมาสำรวจการเดินทางของขยะ และเช่าตึกแถวไม้เล็กๆ ที่จังหวัดพิษณุโลก เปิดรับซื้อของเก่าจากเหล่า “ลุงซาเล้ง” ขับรถปิ๊กอัพออกไปเสาะหาของเหลือใช้ตามบ้าน เพื่อมาแปรรูปและมองหาจุดสิ้นสุดของของไร้ค่าเหล่านั้น

          ตลอดการสัมภาษณ์ เขาย้ำเสมอว่า โลกนี้ไม่มีขยะ อยู่ที่การคัดแยกและแปรรูปเพื่อไปเป็นผลลัพธ์ปลายทางที่แตกต่างกัน เราจะชวนคุณเดินทางไปยังอาณาจักรวงษ์พาณิชย์และเรียนวิชาซาเล้งวิทยา 101 กับอาจารย์คนนี้กัน

ถ้านิยามวงษ์พาณิชย์ในวันนี้ คุณจะบอกเล่าว่าที่นี่ทำอะไรบ้าง

           วงษ์พาณิชย์ คือโรงงานคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล เราก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2517 เรารีไซเคิลขยะแยกประเภทตั้งแต่กระดาษ พลาสติก ขวดแก้ว โลหะ และ “อื่นๆ”  ซึ่งคำว่าอื่นๆ คำเดียวมันกว้างมาก วงษ์พาณิชย์เป็นสถานที่รับซื้อขยะจากชุมชน โรงเรียน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน หน่วยราชการ กระทรวง ทบวง กรม แล้วก็สถานทูต จากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ไปจนถึงใหญ่มาก เช่นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรม semiconductor (วัสดุอุปกรณ์ตัวนำอิเล็กทรอนิกส์)


            วงษ์พาณิชย์รับบริหารจัดการขยะอันตราย เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ กระป๋องสเปรย์ ยาฆ่าแมลง เราให้บริการทำลายเอกสารที่เป็นความลับ เช่น เช็คสั่งจ่าย สเตทเมนต์ลูกค้าธนาคาร เราให้การศึกษาอบรมให้ความรู้การคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลเชิงธุรกิจ ก่อตั้งเป็นสถาบันรีไซเคิลแห่งอาเซียน นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษอื่นๆ เช่น ทำลายรื้อถอน ตั้งแต่งานอีเวนต์ อาคาร โรงงาน เครื่องมือ เครื่องจักร สำหรับผมโลกนี้ไม่มีขยะ ขยะคือทองคำ Waste is Gold

 

 

จากสิ่งที่คนมองข้าม อะไรเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณหันมามองว่าขยะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

          ผมทำธุรกิจมาหลายอย่าง ตั้งแต่ขายยา ขายหอมกระเทียม ขายหนังสือพิมพ์ ขายลอตเตอรี่ โอเลี้ยง หลังจากของสวยๆ งามๆ ขายเสื้อผ้า ล่าสุดก็ต้องเลิก ชีวิตเคย “หาเช้ากินค่ำ” คิดว่าหาเช้ากินค่ำก็คือหมดไปวันหนึ่งๆ ดังนั้นเราก็ต้องหาช่องทางที่จะทำงานเพื่อ “หาเช้าแล้วกินได้ร้อยค่ำเลย” วันหนึ่งได้ไปกราบพระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เจอคุณยายคนหนึ่งนั่งหน้าอุโบสถ คุณยายเก็บขวดพลาสติกที่คนมองข้ามมาเป็นรายได้ จึงเกิดไอเดียว่า ครั้นทำของสวยงามก็แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ ลองมาทำธุรกิจจากของเหม็นๆ เน่าๆ ที่คนเขารังเกียจดูบ้างไหม จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ขยะ มันเป็นทรัพยากรที่เขาวางไว้ผิดที่เท่านั้นเอง ถ้าเราวางไว้ให้ถูกที่ถูกทาง มันก็จะเป็นแสงสว่างให้ชีวิตเราได้ หลักการคือ จริงๆ แล้วของที่เขาทิ้งมาล้วนเป็นของดี แต่เมื่อของหลายๆ อย่างถูกทิ้งรวมกันมันจึงกลายเป็นขยะเน่า ถ้าเรารู้จักทิ้งขยะแบบคัดแยกตั้งแต่ต้นทางก็จะไม่เป็นของเน่าของเหม็น

 

วงษ์พาณิชย์สาขาแรกเริ่มต้นที่ใด และภาพของการรีไซเคิลขยะของผู้คนในยุคนั้นเป็นอย่างไร

          ผมเริ่มตั้งแต่ไปเฝ้าสังเกตว่าในกองขยะหนึ่งกองใหญ่ๆ เกิดจากอะไร เกิดจากรถเทศบาลสีเหลืองขนมาเช้าสายบ่ายค่ำ และรถมาจากไหน ย้อนรอยดู ปรากฏว่ามาจากถังเขียวสูงๆ ที่อยู่ตามตรอกซอกซอย ตามถนนหนทาง และขยะในถังเขียวก็มาจากถังขยะเล็กๆ สีเหลือง สีแดงตามบ้านของเรา


            ดังนั้นขยะเริ่มต้นจากที่บ้าน จะทำอย่างไรให้คนที่บ้านรู้จักแยกขยะแล้วมาที่เรา ให้เขารู้จักวงษ์พาณิชย์ ถ้าแยกขยะแล้วให้มาที่วงษ์พาณิชย์สิ เอาของเก่ามาเปลี่ยนเป็นของใหม่ ปลายปี 2516 ผมมีรถปิ๊กอัพคันเก่าคันหนึ่ง ขับไปตามหมู่บ้าน ไมโครโฟนไม่มี ก็ใช้ไมค์ตะโกน ขวดน้ำปลาใช้แล้วเปลี่ยนเป็นค่าขนมลูก ขวดเบียร์ ขวดลิโพ ขวดกระทิงแดง ขวดแก้วแตกๆ ทุกอย่างขายได้หมด


            เศษเหล็ก เศษนอต เศษตะปู รถจักรยานหัก เก่า พัง แบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ขวดแชมพู กระป๋องแป้ง ทุกอย่างมันขายได้หมด ขวดน้ำดื่มนี่ราคาดีมากๆ ผมเชื่อว่า ย้อนไปในปีนั้น ถ้าเราไปอธิบายชาวบ้านว่าต้องแยกขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม ต้องรู้จักร่วมมือกันสร้างจิตสำนึก ชาวบ้านอาจยังไม่เข้าใจหรอกครับ แต่ถ้าเราบอกว่าขยะกิโลเท่าไหร่ มีอะไรบ้าง แยกประเภทแล้วได้อะไร แค่นี้เอง คนจะมองขยะเป็นเงินเป็นทอง ไม่ใช่ขยะแบบเดิมๆ   

 

 

          ต้นปี 2517 วงษ์พาณิชย์สาขาแรกเกิดที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นห้องแถวไม้ 2 ชั้น ค่าเช่าเดือนละ 800 บาท คนไม่รู้จักคำว่ารีไซเคิล คนรู้จักแต่แป๊ะขายขวดว่าเป็นเรื่องการค้าของกลุ่มคนจีนที่ซื้อขวดไปล้างส่งโรงขวดน้ำปลาเท่านั้นเองครับ ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และก้าวต่อๆ ไปเราเริ่มขยับขยายจากเพิงอาคารหลังเล็กๆ กลางทุ่งนา เริ่มจัดสรรที่ดินของตัวเอง ต่อมาในปี 2535 ถึงปัจจุบันก็มาลงทุนซื้อที่แปลงใหม่ 13 ไร่ เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหม่ อยู่ใกล้กับวัดจุฬามณี ปัจจุบันมี 1,912 สาขาอยู่ในประเทศไทย ในอาเซียนมีทั้งหมด 9 สาขา (ลาว กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย) และที่สหรัฐอเมริกา 4 สาขาใหญ่ ที่นำธงชาติไทยไปปักได้สำเร็จ อันนี้ก็เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่สูงกว่าค่าของเงิน

 

ช่วยเล่าให้เราเห็นภาพสักนิด วินาทีแรกที่ขยะเดินมาถึงวงษ์พาณิชย์ จะมีปลายทางไปสิ้นสุดที่ตรงไหนบ้าง

            ขยะมี 2 แบบ คือ รีไซเคิลได้และรีไซเคิลไม่ได้ วินาทีแรกที่เหล่าขยะเดินทางเข้ามายังโรงงาน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มตรวจสอบ เราเรียกมันว่าวัตถุดิบ เราจะตรวจสอบสภาพวัตถุดิบว่าเป็นประเภทอะไรที่เข้ามาในโรงงานของเรา ถ้าหากเป็นพลาสติก (PET) ก็จะแยกไปแผนกหนึ่ง พลาสติก (PS) จะแยกไปแผนกหนึ่ง โลหะประเภททองแดงจะแยกไปแผนกหนึ่ง กระดาษจะแยกไปแผนกหนึ่ง กระดาษก็จะแยกย่อยอีก มี OCC (old corrugated container) คือเศษกระดาษรังสีน้ำตาลหรือกล่องลูกฟูกสีน้ำตาล หรือกระดาษ paper office ที่เราถ่ายเอกสาร วัตถุดิบเหล่านี้จะแยกไปแต่ละแผนกในการอัดก้อน การแปรรูป เพื่อให้เกิดน้ำหนักมวลรวมที่คุ้มค่าแก่การขนส่ง เพราะปัจจัยตัวแปรของการรีไซเคิลคือค่าขนส่ง ต้องทำให้ค่าขนส่งจากกิโลละ 2 บาท ลดลงเหลือ 20 สตางค์ให้จงได้ นี่คือความสามารถในการผลิต จากนั้นจึงส่งให้อุตสาหกรรมผู้ใช้ปลายทาง เช่น เป็นเหล็กบริสุทธิ์ ไม่มีการปนเปื้อน อะลูมิเนียมบริสุทธิ์ ทองเหลืองบริสุทธิ์ พลาสติกที่บดเม็ดสำเร็จแล้ว


            รู้ไหมว่าโรงงานทำแห อวน ใช้เศษพลาสติกเก่าไปทำ โรงงานทำเสื้อ รองเท้า ก็ต้องใช้พลาสติก PET เป็นวัตถุดิบ โรงงานกล่องใช้เศษกระดาษไปทำกล่องกระดาษใหม่ ส่วนขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ เช่น ถุงก๊อบแก๊บ ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว กระดาษห่อทอฟฟี่ กล่องข้าวโฟม กิ่งไม้ใบหญ้า เราก็นำมาบดแล้วปรับให้สภาพค่าความร้อนเป็นมาตรฐาน ขายให้กับโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทดแทน RDF (Refuse-derived fuel) ไม่ว่าวัตถุดิบเข้ามาเท่าไหร่ เรานำออกไปได้หมดทุกทิศทุกทาง

 

 

จากเด็กหนุ่มที่ขับรถปิ๊กอัพรับซื้อของเก่า คุณศึกษาลึกซึ้งของศาสตร์ของการแปรรูปขยะได้อย่างไร

          ผมเป็นคนโชคดี ได้รับทุนการศึกษาจากสถาบัน AOTS ไปเรียนเรื่องการรีไซเคิลที่โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ไปฝึกงานในโรงงานอุตสาหกรรมรีไซเคิลที่ญี่ปุ่น มีโอกาสได้เห็นเยอรมนี ที่สหรัฐอเมริกา ได้เห็นงานวิจัยเป็นร้อย ทำให้ทางวงษ์พาณิชย์เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูล ความรู้ในทุกๆ ด้าน เข้ามาประยุกต์ใช้ จนตั้งหลักสูตรนวัตกรรมขยะวิทยา

 

คุณมองเห็นวิวัฒนาการของการรีไซเคิลในบ้านเราอย่างไร

          ใน 15 ปีย้อนหลังจากนี้ไป ที่เราเห็นคือสังคมรู้จักรีไซเคิลมาก ในปี 2558 รัฐบาลประกาศขยะเป็นวาระแห่งชาติ ปี 2559 รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการจัดการขยะแห่งชาติขึ้นมา โดยให้ผนึกกำลังกันทั้งหมด 5 กระทรวง โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นต้นแบบ แล้วมีกระทรวงสิ่งแวดล้อมเป็นเลขานุการ แล้วมีกระทรวงวิทยาศาสตร์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุขเป็นคณะกรรมการ 5 กระทรวงได้ร่วมกันตั้งขึ้นมา ก็คือประชาชนกับรัฐเกิดความร่วมมือกันในการแยกขยะ แล้วเอามารีไซเคิลให้ได้มากที่สุด เพื่อลดปัญหามลพิษให้มากที่สุด เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดปัญหามลพิษ ลดปัญหาพลาสติกไหลออกทะเล โครงการ 3R ประชารัฐที่รัฐบาลได้เดินแบบเข้มข้นมาถึงทุกวันนี้ 

 

ความท้าทายที่คุณเผชิญตลอด 46 ปี ในการสร้างโรงงานแยกขยะ

            ผมขอยกตัวอย่างเรื่องของเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีศูนย์จัดการขยะรีไซเคิลจำนวนมากที่โตเกียว แต่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เห็นด้วย ขับไล่โรงงาน กำจัดขยะออกไปนอกเมือง 200 กิโลเมตร ปรากฏว่าขยะท่วมโตเกียวเลยครับ รัฐบาลจึงต้องเร่งไปเชิญให้โรงงานเหล่านั้นกลับมากลางกรุงโตเกียว จากนั้นต่อยอดตั้งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะ ตั้งโรงงานรีไซเคิลเป็นร้อยๆ โรง และนี่เป็นสาเหตุให้โตเกียวสะอาดทุกวันนี้ เพราะมีโรงขยะอยู่ในเมืองครับ แต่ประเทศไทยยังมีความท้าทายในเรื่องนี้ ยังไม่สามารถตั้งได้ในหลายๆ พื้นที่ ยังมีข้อขัดแย้งเชิงพื้นที่อยู่ มีการต่อต้านเรื่องการใช้ที่ดิน ขยะของจังหวัดนี้จะให้เอาไปทิ้งจังหวัดอื่น สำหรับผม ถ้าจะให้ดี 1 อำเภอ ควรมี 1 ศูนย์จัดการขยะรีไซเคิล ถ้ามีครบวงจรได้ มันก็จบไป ขยะบ้านใคร บ้านคนนั้นก็จัดการ ความท้าทายของสังคมในวันนี้คือการกำหนดนโยบายและกฎระเบียบให้สังคมไทยใสสะอาดขึ้นมา

 

 

 

สำหรับคุณ ขยะคืออะไร

          สำหรับบางคนขยะคือปัญหา คือสิ่งน่ารังเกียจ ขยะแขยง แต่ตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา ประสบการณ์หล่อหลอมว่าขยะคือมหาอริยทรัพย์

          ผมสนใจธรรมะ และพบว่าอาจารย์ท่านแรกของโลกที่สอนวิชาขยะคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนเป็นครั้งแรกที่วัดเชตวัน ในวันแรม 1 ค่ำ ปีมะเส็ง ที่ชักผ้าห่อซากศพของคนอินเดียออกมาซึ่งเปื้อนด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง ซึ่งเขาเรียกว่าผ้าขยะ ท่านนำผ้าผืนนี้ไปต้มน้ำเดือดให้สะอาด ไปย้อมสีฝาดด้วยเปลือกไม้แผ่นไม้ธรรมชาติ จัดทำเป็นผ้าสบง ผ้าจีวรห่อห่ม หลังจากนั้นใช้ผ้าขาดบางส่วนซ้อนๆ กันเป็นผ้าอาสนะ เรียกว่าผ้ารองนั่ง ผ้าอาสนะใช้ขาดบางส่วนแล้วชำรุดก็นำมาฉีกเป็นผืนห่อมือ ทำเป็นผ้าขี้ริ้วถูพื้นกุฏิ เพื่อจะรักษาความสะอาดด้วย หลังจากผ้าขี้ริ้วเปื่อยยุ่ยใช้งานไม่ได้ก็นำไปขยำกับดินเหนียว แปรรูปให้มันเข้ากันเป็นส่วนผสมของใยไฟเบอร์ ทำเป็นกุฏิหลังใหม่ที่ปะรอยรั่วของกุฏิ นี่คือต้นแบบการนำกลับมาใช้ใหม่ การใช้ซ้ำ การซ่อมแซม การรีไซเคิลเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล

           เมื่อไรที่ธรรมมะเป็นอมตะ ขยะก็เป็นทอง ขยะคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต ถ้าวันไหนคิดว่าต้องตกงานอดตายไม่มีงานทำ ขอให้มีสติปัญญาแล้วกันครับ เงินทองเนี่ยมันเกลื่อนกลาดเต็มถนน ขอให้เรามีปัญญาเท่านั้น

          “จริงๆ แล้วโลกใบนี้ไม่มีขยะ เป็นเพียงทรัพยากรธรรมชาติที่ตายแล้วนำมาทำให้เกิดใหม่ ถ้าใครทำได้ถือว่าเป็นยอดคน”

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ