Muse Mag
Muse Story : หุ่นยนต์ที่รักการประดิษฐ์หุ่นยนต์ตอบรับวิถี new normal จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Muse Mag
07 ต.ค. 63 2K

ผู้เขียน : Administrator

          “ในวิกฤตมีโอกาสและทุกๆครั้งที่คุณสู้กับธรรมชาติคุณจะได้เทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาเสมอ” นี่คือบทสรุปตลอด 3 ชั่วโมงที่ทีมงาน Muse Mag ได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ดร.ทรงพล องค์วัฒนกุลหัวหน้าศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

          ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19หลายๆ องค์กรได้สร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาเพื่อป้องกันไวรัส และหนึ่งในนั้นทางคณะวิศวกรรมฯ ได้พัฒนาเหล่าหุ่นยนต์มาเป็นผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ด้านต่างๆ และมาเป็นมือขวาให้นักวิจัยในการพัฒนาวัคซีน

          มนุษย์สร้างหุ่นยนต์เพื่อให้หุ่นยนต์มาเคียงข้างมนุษย์เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับโลกของเหล่าโรบอตอัจฉริยะที่เกิดจากแรงบันดาลใจในการเผชิญหน้าแก้ปัญหาในช่วง COVID-19กัน โดยมีอาวุธที่เรียกว่าความรู้

 

อยากให้อาจารย์ช่วยเล่าถึงเป้าหมายสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมหุ่นยนต์ในบ้านเราสักนิด

         

           คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มต้นคิดค้นนวัตกรรมหุ่นยนต์ทางการแพทย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ปัจจุบันเดินหน้าเข้าปีที่ 16 แล้ว ทิศทางของเราคือการเสริมกำลังให้กับทางมหาวิทยาลัยเนื่องจากมหาวิทยาลัยมี โรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง หนึ่งในวิสัยทัศน์ของเราคือการมุ่งเน้น ผลิตนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ทางการแพทย์ ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาหุ่นยนต์มาแล้วหลายตัว โดยทุกตัวจะต้องเกิดจากการไปเก็บข้อมูล สอบถามความต้องการจากทางคุณหมอว่าต้องการอะไร เผชิญปัญหาอุปสรรคจากการใช้เครื่องมือในห้องผ่าตัดอย่างไรบ้าง แพทย์และพยาบาลได้รับอันตรายด้านต่างๆ เช่น รับสารกัมมันตภาพรังสีขณะปฏิบัติการหรือเปล่า

 

           จากโจทย์ที่ได้รับจากแพทย์และพยาบาลเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นว่า “หุ่นยนต์สามารถทำหน้าที่เข้าไปทดแทนบางอย่างได้” รวมไปถึงสนับสนุนฟังก์ชันต่างๆ ในโรงพยาบาล อาทิ Digital Health Care,Health Care Logistic ส่งเวชภัณฑ์ต่างๆ ในโรงพยาบาล ซึ่งแนวคิดเหล่านี้เราพัฒนามากว่า 5 ปี แต่ในยุคนั้นประเทศไทยยังไม่มีการทดสอบมาตรฐานหุ่นยนต์ในประเทศ จำเป็นต้องส่งไปทดสอบที่ต่างประเทศเป็นหลัก หุ่นยนต์ทุกตัวก่อนจะออกมาให้บริการนั้นจำเป็นต้องผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญซึ่งหุ่นยนต์หลายๆ ตัวของเราก็ยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมทดสอบมาตรฐาน

 

 

ขั้นตอนก่อนจะสร้างสรรค์หุ่นยนต์หนึ่งตัว วิศวกรต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง

 

           ต้องเรียนให้ทราบว่า คนทำงานจะเห็นปัญหารูปแบบหนึ่ง คนที่เป็นผู้เฝ้าสังเกตการณ์ก็จะเห็นปัญหาอีกลักษณะหนึ่ง บางครั้งการไปเก็บ requirement ไม่ใช่แค่การสัมภาษณ์ แต่คือการเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ในห้องผ่าตัด อาทิ เราทำหุ่นยนต์ที่ช่วยเหลือคุณหมอทำการผ่าตัดโดยดามเหล็กในโครงกระดูก เราเข้าไปร่วมเก็บข้อมูลในห้องผ่าตัดเมื่อเก็บข้อมูล บางครั้งสิ่งที่ทำไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นวิศวกรไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะทำหุ่นยนต์อะไร ทุกๆ งานจะเป็นลักษณะการทำงานร่วมกันกับแพทย์ตั้งแต่วันแรก

 

ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 บุคลากรของคณะวิศวกรรมมีแรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาสร้างหุ่นยนต์อย่างไรบ้าง

         

          บรรยากาศในช่วงเวลานั้น ทุกคน work from home เราประชุมใหญ่ผ่านไลน์และเว็บไซต์เป็นหลัก แต่เป็นการทำงานที่แอคทีฟมาก ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกภาควิชาใครมีไอเดียอะไรก็แชร์ข้อมูลกัน 400-500 ข้อความต่อวันทางไลน์เท่าที่ผมสังเกตและติดตามมาตลอด ผมเชื่อว่า “ไม่มีใครอยากอยู่อย่างผู้ประสบภัยหรือเป็นเหยื่อของไวรัสเราคิดว่าเราเป็นคนรู้เทคโนโลยีเราควรจะลุกขึ้นมาสู้” เราจึงได้เห็นบุคลากรของคณะลุกขึ้นมาทำเฟซชิลด์ที่ห้องแล็บ บางท่านทดสอบประสิทธิภาพของฟิลเตอร์หน้ากากอนามัยผ้า

         
          และหนึ่งในนั้น คณะวิศวกรรมศาสตร์ร่วมกับศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาหุ่นยนต์แพทย์อัจฉริยะ (Doctosight) หุ่นยนต์เวสตี้ (Wastie) เก็บขยะติดเชื้อ หุ่นยนต์ฟู้ดดี้ (Foodie) ส่งอาหาร-ยาในหอผู้ป่วย รวมไปถึงหุ่นยนต์เอไอ-อิมมูไนเซอร์ (AI-Immunizer) หุ่นยนต์ทดสอบภูมิคุ้มกันอัจฉริยะในการพัฒนาวัคซีน
 
 
ช่วยเล่าถึงหุ่นยนต์แต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในช่วงสถานการณ์ไวรัส COVID-19 อย่างไร
 
หุ่นยนต์แพทย์อัจฉริยะ (Doctosight)
 
 
 
 
 
          ขอเริ่มจากหุ่นยนต์แพทย์อัจฉริยะ (Doctosight) เราพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ตั้งแต่ 6-7 ปีมาแล้ว เราผลิตเป็นหุ่นยนต์โดยเริ่มจากศูนย์ จุดเริ่มต้นจากแนวคิด Telemedicine โทรเวช ซึ่งขณะนั้นเรายังไม่ได้นึกถึงไวรัส COVID-19 เลย ตอนนั้นเป็นเทรนด์ของการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลให้ได้รับคุณภาพ และเปรียบเหมือนเกตเวย์ด่านแรกก่อนไปถึงโรงพยาบาล ช่วยให้คุณหมอและผู้ป่วยซึ่งอยู่คนละที่แต่เสมือนนั่งอยู่ด้วยกันและสื่อสารกันรวมถึงวินิจฉัยข้อมูลจาก Vital Signs เช่น การวัดอุณหภูมิ การวัดความดัน ซึ่งเป้าหมายในการใช้งานได้จริงคือ 1-2 ปีต่อจากนี้ ระหว่างนี้ก าลังอยู่ในขั้นตอนทดสอบมาตรฐาน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้หุ่นยนต์แพทย์อัจฉริยะสามารถทำงานในยุค COVID-19 ได้ดีคือ ด้าน Respect Distance ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโดยให้แพทย์และบุคลากรไม่ต้องเข้าใกล้หรือสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง
 
 
 
หุ่นยนต์เวสตี้ (Wastie)
 
 
          หุ่นยนต์เวสตี้ (Wastie) ช่วยกำจัดขยะอันตรายในโรงพยาบาล อันเนื่องมาจากปริมาณขยะติดเชื้อจากหน้ากากและอุปกรณ์ในโรงพยาบาลที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทำให้เกิดภาระงานหนักและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โรคระบาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วง COVID-19 เรายังคงเชื่อในเรื่อง Respect Distance ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างตัวขยะติดเชื้อกับคน เราออกแบบให้หุ่นยนต์ตัวนี้รู้ว่าจุดไหนบ้างที่มีถังขยะตั้งอยู่ใช้ระบบนำทางแบบแม็กเน็ต โดยติดแถบแม่เหล็กไว้เป็นพื้นที่นำทางแต่ละถังจะมีเลขไอดีของตนเอง เราต้องใส่ความฉลาดเข้าไป ให้หุ่นยนต์สามารถคีบและยกเทได้เมื่อถึงจุดรับขยะ หุ่นยนต์จะอ่านบาร์โค้ดแล้วยกถังขยะติดเชื้อไปยังกระบะจัดเก็บถือเป็นการนำหุ่นยนต์จากภาคอุตสาหกรรม Industrial Robot มาต่อยอดเป็น Mobile Robot
 
 
หุ่นยนต์ฟู้ดดี้(Foodie)
 
 
 
 
          หุ่นยนต์ฟู้ดดี้ (Foodie) ส่งอาหาร-ยาในหอผู้ป่วยตรงนี้คือเรื่อง Hospital Logistic ช่วยลดการสัมผัสตรงกับผู้ป่วย ซึ่งการสัมผัสอาจเป็นตัวการทำให้เกิดการแพร่เชื้อ เราใช้ระบบน าทางด้วยข้อมูลแบบ QR-Code Mapping คาดว่าจะลดแรงงานบุคลากรได้มากกว่า 30% ซึ่งทั้งหุ่นยนต์เวสตี้และฟู้ดดี้ถือเป็นแนวทางการพัฒนาหุ่นยนต์ที่เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์แล้ว เราต่อยอดจากหุ่นยนต์โมเดล Moblie Robot ที่ผลิตสำเร็จรูปมาแล้ว แต่สิ่งที่เรามาต่อยอดคือการใส่โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันเข้าไป ซึ่งช่วยลดทั้งเวลาการผลิตและต้นทุนได้อย่างมาก
 
หุ่นยนต์เอไอ-อิมมูไนเซอร์(AI-Immunizer)
 
         หุ่นยนต์เอไอ-อิมมูไนเซอร์ (AI-Immunizer) หุ่นยนต์ทดสอบภูมิคุ้มกันอัจฉริยะในการพัฒนาวัคซีน (หัวหน้าโครงการวิจัย ดร.เอกชัย วารินศิริรักษ์) ที่นำหุ่นยนต์สองแขน YUMI Industrial Robot ของ ABB
 
 
 
          มาพัฒนาโปรแกรม ยกระดับการพัฒนาวัคซีน โดยหุ่นยนต์นี้สามารถทำงานแทนมนุษย์นักวิจัยที่จะต้องใส่ชุด PPE แน่นหนาตั้งแต่การเตรียมเพาะเชื้อไวรัส ทดสอบ ประมวลผล ระบบภาพ บันทึกผล หุ่นยนต์สามารถทำหน้าที่ในห้องแล็บแทนมนุษย์ เกิดความปลอดภัยในการทดลอง และที่สำคัญทุกๆ ครั้งที่ทดลองหุ่นยนต์จะบันทึกข้อมูลตั้งแต่การเพาะเชื้อ การเติบโตของเชื้อโรค หุ่นยนต์ทำงาน 24 ชั่วโมง นำไปสู่การเก็บข้อมูลเป็นบิ๊กดาต้า ทำให้เราสร้าง AI ในการพัฒนาวัคซีนได้
 
เป้าหมายต่อไปของคณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ในการสร้างนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์
 
          ณ จุดหนึ่งที่เราพัฒนาหุ่นยนต์ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใด เป้าหมายเราคือ เมื่อทำการทดลองเชิงวิจัยเสร็จสิ้นแล้ว เราต้องนำมาทดสอบมาตรฐานต่อที่ผ่านมาเราต้องขนส่งหุ่นยนต์ไปทดสอบมาตรฐานที่ต่างประเทศอีกหนึ่งก้าวสำคัญของคณะวิศวกรรมคือ เราได้เซ็น MOU กับสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ National Institute of Standard and Technology (NIST) เร็วๆ นี้เราจะได้ทดสอบหุ่นยนต์ตามมาตรฐานเดียวกันกับ NIST แต่ทำได้ที่เมืองไทย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สำคัญลงไปมาก และเราจะได้เห็นหุ่นยนต์เข้ามาตอบโจทย์บุคลากรทางการแพทย์มากขึ้น ซึ่งสนามทดสอบนี้กำลังก่อสร้างอยู่ที่คณะ
 
 
 
ชีวิตยุค New Normal ต่อจากนี้ บทบาทของหุ่นยนต์กับมนุษย์จะเป็นอย่างไร
         
           ทุกวันนี้เรามีหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวันเราอยู่หลายตัวนะ เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยพูดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ เคยกดตู้เอทีเอ็มไหม นั่นเป็นหุ่นยนต์ ตู้ขายของหยอดเหรียญ นั่นก็หุ่นยนต์ จริงๆ ทุกวันนี้เรามีหุ่นยนต์ซ่อนเต็มไปหมด หลังจากที่ทำวิจัยทางด้านหุ่นยนต์มาสักพักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าหุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องหน้าตาแบบนี้ หุ่นยนต์อาจจะหน้าตาเป็นบ้าน หนึ่งหลังก็ได้ เพราะฉะนั้นแสดงว่าขึ้นอยู่กับว่าเราจะนิยามว่าอะไรบ้างเข้าข่ายเป็นหุ่นยนต์และแน่นอนมันจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเราในลักษณะหนึ่ง วันหนึ่งเราอาจจะได้พบกับโมเดลใหม่ทางด้านสุขภาพในอนาคตเทรนด์ของบริการทางการแพทย์อาจจะอยู่ได้ในทุกที่ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน เฮลท์แคร์คอนโดมิเนียม คุณไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงโรงพยาบาลแต่ก็สามารถพบแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลได้ หุ่นยนต์นี้จะตอบโจทย์ด้านธุรกิจใหม่ในยุค New Normal
 
ในบทบาทของวิศวกร คุณมองว่าวิชาชีพนี้มีส่วนส าคัญในการสร้างสรรค์สังคมได้อย่างไร
 
          ต้องกลับมาดูว่าวิศวกรทำอะไรให้สังคมบ้าง 3 สิ่งที่วิศวกรทำ คือ เราสร้าง เราเมนเทนซ่อมบำรุง และเราทำลาย มันคือวัฏจักรบนโลกนี้ มีเกิด มีบาดเจ็บ มีตายผมเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการที่บอกว่าสิ่งมีชีวิตจะต้องปรับปรุงตนเอง มีทั้ง Mutation,Cross Over เพื่อให้ตัวเองดำรงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อม วันนี้เรารู้จัก COVID-19ในอนาคตก็อาจจะมีเชื้อตัวอื่นมาอีกก็ได้ หน้าที่ของวิศวกรคือเราเองก็ต้องกลายพันธุ์ตัวเองไปสู่กับไวรัส แม้เราไม่สามารถกลายพันธุ์ได้เร็วเท่าเชื้อไวรัสแต่เรามีความรู้ ความรู้จะเข้ามาทดแทนบางอย่าง ช่วยซื้อเวลาให้เราได้ สิ่งสำคัญคือการไม่หยุดพัฒนานวัตกรรม และเราไม่ควรอยู่อย่างผู้ประสบภัย เราจะไม่รอว่าใครทำอะไรเสร็จแล้วส่งมาให้เรา เพราะเราจะไม่ได้พัฒนาอะไรที่เป็นของเราเอง เราต้องลุกขึ้นมาสู้ แพ้ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นในบทบาทของวิศวกร เราต้องไม่หยุด แม้จะมีการ Disruption ใดๆ ก็ตาม บางคนอาจจะล้มเหลวและล้มเลิก แต่คนที่ลุกขึ้นมาสู้ เขามักจะได้เทคโนโลยี ทุกครั้งที่เราสู้กับธรรมชาติ เราจะได้เทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ ตราบเท่าที่มีโรคเกิดใหม่ เชื้อโรคตัวใหม่ มนุษย์เราก็พัฒนาองค์ความรู้ไปได้เรื่อยๆ “ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิต วิศวกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตนะครับ (ยิ้ม) และเราสู้กับไวรัสด้วยความรู้”
 
 
 


ย้อนกลับ