ทั้งที่ตอนแรกหลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้เจ้า “ความปกติใหม่” จบลงเสียที! เพราะฉันคิดถึงชีวิตแบบเดิมจะแย่ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าผ่านไปไม่กี่เดือน คำว่า new normal ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทในชีวิตเราแบบเนียนๆ ไปซะแล้ว เมื่อพินิจดูดีๆ มันกลับไม่ได้ทิ้งความลำบากไว้มากเท่ากับที่เราตีความในตอนแรก แถมช่วยอัพสกิลและเปิดโลกมุมใหม่ให้เราอีกด้วย
แล้วสำหรับคุณล่ะ ตอนนี้ซี้ปึ้กกับความปกติใหม่ในรูปแบบไหนบ้าง เหมือนกันกับพวกเขาเหล่านี้หรือเปล่า
1.บงกชธร ตุพิมาย ชื่อเล่น ไอซ์ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์
ฝึกปรุงจานเด็ดมัดใจเหมียว
ช่วงโควิดที่ต้องอยู่ติดบ้านได้อัพสกิลการทำอาหารให้น้องแมวค่ะ เพราะไม่กล้าพา “คุณชา” (ชื่อน้องแมว) ออกไปเล่นนอกบ้านหรือไปคาเฟ่แมวเลย กลัวทั้งน้องและตัวเองจะเสี่ยง อีกอย่างเราเพิ่งย้ายมาอยู่หอพักด้วย เลยไม่ค่อยมีที่วิ่งเล่นให้น้อง อาหารแมวก็ซื้อยกกระสอบมาตุนไว้ หลังๆ สังเกตเห็นว่าน้องเริ่มเบื่ออาหาร เลยหันมาทำอาหารแมวเองตามสูตรในยูทูบ เน้นที่ปลอดภัย บำรุงขน กินแล้วไม่ท้องเสีย ที่ทำแล้วน้องชอบคือ เค้กแมว จะใช้อาหารเม็ดขึ้นรูปเป็นก้อนเค้ก โปะด้วยเนื้อปลา low sodium โรยหน้าด้วยขนมแมวเลีย เมนูนี้น้องชอบกินท็อปปิ้งมันค่ะ แต่เราไม่ได้ทำบ่อยเพราะใช้ของเยอะและแพง ส่วนอีกเมนูที่ทำประจำคือ ไอติมแมว ทำจากโยเกิร์ตปั่นกับผลไม้แล้วเอาไปแช่แข็ง น้องชอบกินเพราะคลายร้อนได้ หลังทำไปหลายๆ ครั้งก็รู้สึกสนุกมาก ได้ทักษะที่เอามาปรับใช้กับการทำอาหารคนได้ จากเดิมที่ตัวเองไม่ค่อยทำอาหารอยู่แล้ว หลังจากนี้จะพัฒนาฝีมือและหาเมนูใหม่ไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะแพลนว่าจะหาน้องใหม่มาอยู่ด้วยอีก 2 ตัว
2.ปิยอนงค์ วิลาศรี ชื่อเล่น ป๊อปปี้ อายุ 25 ปี อาชีพ ค้าขาย
งานนี้ต้องเดลิเวอรี่เรียกยอด
การสัมภาษณ์งานของเราถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด เพราะโควิด 19 ระบาดค่ะ ช่วงที่ว่างเลยช่วยที่บ้านดูแลร้านขายของชำ แต่ที่ร้านขายของไม่ค่อยดี เพราะคนในชุมชนไม่ค่อยกล้าออกไปไหนและไม่ค่อยกล้าใช้เงินด้วย เราคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษาลูกค้าและทำให้ร้านยังมีรายรับอยู่ เลยให้ลูกค้าโทรมาสั่งซื้อของแทน เวลาเราเอาไปส่งก็คิดค่าส่งประมาณครั้งละ 5-10 บาท แรกๆ ลูกค้าก็บ่น แต่สุดท้ายก็ยอมค่ะ เพราะหลายคนไม่ชินกับการใส่แมสก์และต้องล้างมือด้วยเจลเวลาไปร้านค้า จนกลายเป็นความขี้เกียจในการออกมาซื้อของไปโดยปริยาย ความปกติใหม่ที่ร้านเลยกลายเป็นว่าเราต้องออกไปส่งของเป็นประจำ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะเราได้รายได้เพิ่ม โดยมีโปรโมชั่นให้คือซื้อขั้นต่ำ 100 บาท ฟรีค่าส่ง ปัจจุบันคนยังใช้บริการนี้อยู่ค่ะ โดยเฉพาะเวลาซื้อของชิ้นใหญ่ๆ ยกแพ็ก ยกลัง
3.นิธิกร ช้างสว่าง ชื่อเล่น นิว อายุ 26 ปี อาชีพ Digital Content Creator
ทำใจให้ชินกับจุดวัดใจที่บันไดเลื่อน
หนึ่งสิ่งที่ผมต้องปรับตัวในช่วงที่ผ่านมาคือ เรื่องการลดใช้และสัมผัสของสาธารณะครับ เพราะเราต้องเดินทางด้วย MRT และรถเมล์เป็นประจำ มันมีพื้นที่ที่เราต้องใช้ร่วมกับคนอื่นเยอะ ผมต้องคอยเลี่ยงคนเยอะ เลี่ยงพิงกำแพง เลี่ยงนั่งกับพื้น แต่จุดที่ต้องระวังมากที่สุดคือบันไดเลื่อน เพราะโดยปกติผมเป็นคนกลัวความสูง อย่างบันไดเลื่อนใน Terminal 21 หรือแม้แต่บันไดเลื่อนใน MRT นี่มันสูงกว่าปกติ เห็นแล้วโหวงมากเหมือนขามันอ่อน เมื่อก่อนเวลาขึ้นผมต้องจับราวบันไดไว้แน่น แต่ช่วงโควิดมันต้องเลี่ยง วิธีปรับตัวของผมคือพยายามไม่ยืนชิดราวบันได และจะไม่ยอมยืนท้ายขบวน อย่างน้อยให้รู้ว่ามีคนยืนอยู่ด้านหลังให้พอไม่หวิวก็ยังดี ตอนขาลงผมจะเลี่ยงไม่มองตรงไปข้างหน้า แต่จะก้มหรือไม่ก็เล่นมือถือไปด้วย ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ จะใช้นิ้วชี้แตะราวนิดๆ แตะไว้ให้อุ่นใจ แต่ไม่สัมผัสตรงๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ถึงกับชินครับ แต่มันต้องปรับตัว
4.จิรายุส สามารถ ชื่อเล่น โจ๊กจิ อายุ 24 ปี อาชีพ News Translator
ผันตัวมาเป็น Interior Designer ตกแต่งห้องให้น่าอยู่
ในช่วงที่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ได้มีเวลานั่งดูรายการที่เกี่ยวกับการจัดบ้านและตกแตกต่างๆ เลยเกิดนิมิตขึ้นมาเองว่าฉันอยากแต่งห้องบ้าง หลังจากนั้นก็เลยเปิดแอปฯ ช็อปปิ้งออนไลน์ สั่งนั่นโน่นนี่มา ตั้งแต่ของตกแต่งเล็กๆ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วก็ลองงัดเอาความคิดสร้างสรรค์อันน้อยนิดที่มีอยู่ในตัวเองออกมา และออกแบบห้องนอนของตัวเองดู จากที่ในตอนแรกจะแต่งแค่นิดเดียว คงซื้อของไม่เยอะหรอก จนสุดท้ายมารู้ตัวอีกทีก็คือเงินหมดแล้ว! แต่เราก็เริ่มรู้สึกสนุกกับมันนะ เพราะทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้คิด ได้ออกแบบสภาพแวดล้อมในห้องนอนของเราให้น่าอยู่ และเราต้องทำงานใช้ความคิดด้วย คิดว่าถ้าได้อยู่ในสภาพแวดล้อมดีๆ น่าจะช่วยให้สมองลื่นไหล ตอนนี้เลยกลายเป็นงานอดิเรกไปแล้ว ในอนาคตก็มีแพลนอยากแต่งมุมอื่นเพิ่มอีก
5.พิศณุพงษ์ รัตนะ ชื่อเล่น จีตูน อายุ 28 ปี อาชีพ นักเขียนบทรายการโทรทัศน์
new normal ช่วยให้เข้าใจโลกช็อปปิ้งออนไลน์
ก่อนหน้านี้เราไม่เคยใช้บริการซื้อของออนไลน์เลย เพราะชอบการได้เห็นหรือจับต้องสินค้าจริงๆ ก่อนตัดสินใจซื้อมากกว่า แต่ช่วงโควิด 19 ที่ต้องอยู่ห้อง และร้านค้าต่างๆ ปิดชั่วคราว มันบังคับให้เราต้องหันมากดซื้อเสื้อผ้าของใช้ในอินเทอร์เน็ตแทน และติดมาจนถึงตอนนี้ พอได้ใช้งานระบบช็อปปิ้งออนไลน์ก็รู้สึกประทับใจว่ามันสะดวกและดีมาก ไม่ได้มีอะไรเสียหายแบบที่เคยคิด เลยทำตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกติของเราไปแล้ว ถามว่าการซื้อของที่ง่ายและเร็วบนสมาร์ทโฟนมันทำให้สิ้นเปลืองขึ้นไหม อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะ ถ้าเป็นของจำเป็นเราก็ซื้อเลย แต่ถ้าเป็นเสื้อผ้าเราจะดูแบบเก็บไว้ซื้อตอนเงินเดือนออก และจำกัดตัวเองให้ซื้อเดือนละไม่เกิน 2 ครั้ง ส่วนของเล่นอื่นๆ จะรอเงินจากจ๊อบเล็กๆ ออก ไม่มีการเห็นที่ถูกใจแล้วกดซื้อทันที เราว่าเราเองเป็นคนมีสติและควบคุมขีดจำกัดตัวเองได้ จะเดินห้างหรือออนไลน์ ผลลัพธ์ก็คือเท่าๆ กัน
6.ชัชพิมุข คงพินิจ ชื่อเล่น เชียร์ อายุ 13 ปี นักเรียน โรงเรียนเทศบาล 1 บุรีราษฎร์ดรุณวิทยา
เทคโนโลยีช่วยให้การซ้อมกีฬาเป็นเรื่องง่าย
หนูเป็นนักกีฬาของโรงเรียนค่ะ ปกติจะกินนอนที่โรงเรียนเพื่อซ้อมกีฬา แต่ช่วงโควิดระบาด คุณครูที่เป็นโค้ชให้กลับไปพักที่บ้าน ป้องกันการติดโรค แต่ยังต้องซ้อมกีฬาเพื่อรักษาความแข็งแรงของร่างกายอยู่ วิธีการซ้อมกีฬาก็เลยเปลี่ยนไปค่ะ จากเดิมเวลาเราวิ่งจะมีคุณครูเป็นคนจับเวลา คอยควบคุมเรา พอเปลี่ยนมาซ้อมเอง เราต้องใช้แอปพลิเคชัน sport tracker จับเวลาเอง ซึ่งตอนแรกไม่เคยใช้มาก่อน ทำให้ต้องรักษาวินัยในการซ้อมเอง และต้องคอยแคปหน้าจอระยะทางและเวลาที่วิ่งได้ส่งให้คุณครูดู บางครั้งคุณครูก็กำหนดเวลามาให้ว่าวิ่งระยะทางเท่านี้ เวลาต้องไม่เกินเท่านี้ เราก็ทำตาม ตอนนี้โรงเรียนเปิดให้กลับมาเรียนปกติ หนูกับเพื่อนก็กลับมาซ้อม มากินนอนที่โรงเรียนเหมือนเดิม แต่เวลากลับบ้านหรือซ้อมคนเดียว หนูก็ยังใช้แอปฯ ช่วยในการซ้อมอยู่ เพราะมันสะดวกดี