Muse Mag
Muse Latitude : Creative Destruction ช่วง COVID-19
Muse Mag
24 ธ.ค. 63 1K

ผู้เขียน : Administrator

            แน่นอนว่า COVID-19 เป็นปรากฏการณ์สั่นสะเทือนระดับโลกที่ไม่เคยพบเห็น พรากชีวิตมนุษย์ไปนับแสน เศรษฐกิจย่อยยับ
            แต่ไม่ว่าอย่างไร เพื่อเผชิญหน้าและดำรงอยู่ มนุษย์ต้องไม่ยอมแพ้ และนี่ก็คือที่มาของเรื่องสร้างสรรค์ท่ามกลางการทำลายในช่วง COVID-19

 

ออกซิเจนจากสวรรค์ใจกลางกรุงคาบูล

 

 

 

 

            เมื่อ 7 ปีที่แล้ว Najibullah Seddiqi จำต้องปิดโรงงานออกซิเจนในกรุงคาบูลลงด้วยเหตุผลด้านข้อจำกัดของกระแสไฟฟ้าและปัญหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น แต่เมื่อไวรัสโคโรนาระบาดเข้ามาในประเทศอัฟกานิสถาน โรงงานดังกล่าวจึงฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้งเพื่อเติมออกซิเจนในถังขนาดเล็กจำนวน 200-300 ถังต่อวันสำหรับผู้ป่วยโควิด 19 ฟรี


            ส่วนโรงพยาบาลและผู้ค้าปลีก คิดราคา 300 อัฟกานี หรือประมาณ 3.80 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับออกซิเจนถังใหญ่ ซึ่งถูกกว่าเรตทั่วไปมาก เนื่องจากราคาถังบรรจุออกซิเจนพุ่งสูงขึ้นถึง 10 เท่า แตะที่ 20,000 อัฟกานี หรือประมาณ 250 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาในการเติมออกซิเจนต่อกระป๋องอยู่ที่ 2,000 อัฟกานี หรือประมาณ 25 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 5 เท่าของราคาเดิมก่อนเกิดการแพร่ระบาด

 

            กรุงคาบูลมีโรงงานผลิตออกซิเจนทั้งหมด 6 แห่ง แต่โรงงานของ Seddiqi เป็นเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการเติมออกซิเจนแก่ประชาชนฟรี

            "เป้าหมายเดียวของผมคือการช่วยชีวิตคนให้ได้มากที่สุด" Seddiqi กล่าว


ที่มา : https://www.voanews.com/covid-19-pandemic/long-shut-factory-helps-covid-struck-afghans-breathe-free

 

เปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์เป็นห้องไอซียู

 

 

 

            เมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ Carlo Ratti สถาปนิกชาวอิตาเลียนซึ่งทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริการู้ทันทีว่าประเทศต่างๆ จะต้องขยายขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยหนักอย่างเร่งด่วน เขาจึงรวบรวมทีมงานเพื่อออกแบบ Cura หรือห้องผู้ป่วยหนักในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตขึ้น
        

          CURA หลังแรกอวดโฉมอยู่ที่โรงพยาบาลชั่วคราวในเมืองตูริน เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2020 ประกอบด้วยเครื่องสร้างแรงดันลบภายในอาคารซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานห้องแยกผู้ป่วยติดเชื้อทางอากาศ ที่เจ๋งไปกว่านั้น ตู้คอนเทนเนอร์นี้ยังเชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของโรงพยาบาลด้วยโครงสร้างพองลมซึ่งทำหน้าที่เป็นห้องเก็บของและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สามารถขยายขนาดเพื่อรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 40 เตียง ที่สำคัญคือประกอบเพื่อใช้งานได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และยังเคลื่อนย้ายง่าย สามารถตั้งไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลภาคสนามได้อีกด้วย

 

 

 

            CURA พัฒนาขึ้นโดยไม่แสวงหาผลกำไร เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถนำแม่แบบไปประยุกต์ใช้ได้ และทีมงานยินดีรับข้อเสนอแนะและการปรับปรุงการออกแบบที่เว็บไซต์ www.CURApods.org

 

ที่มา : https://carloratti.com/project/cura

 

ชาวประมงผนึกกำลังแบรนด์ไทยผลิตอาวุธต้านไวรัส

 

 

            ใครจะเชื่อว่าอวนสำหรับจับปลาของชาวประมงได้กลายร่างเป็นเฟซชิลด์และขวดบรรจุแอลกอฮอล์เพื่อเป็นสินค้าส่งออกในช่วงระบาดของ COVID-19


            ด้วยจำนวนเรือประมงขนาดเล็กกว่า 50,000 ลำ และเรือพาณิชย์กว่า 10,000 ลำ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในแหล่งอุตสาหกรรมการประมงที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงพ่วงตำแหน่งผู้ก่อมลพิษจากพลาสติกทางทะเลอันดับต้นๆ ด้วย

 

 

 

            สัตว์ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์หลายร้อยตัวถูกซัดขึ้นบนชายฝั่งไทยทุกปี ประมาณ 74% ของเต่าทะเลและ 89% ของพะยูนที่เกยตื้นบนชายหาดระหว่างปี 2558-2560 ได้รับบาดเจ็บจากอวนที่ถูกทิ้งไว้ในมหาสมุทร  ฟังดูช่างน่าเศร้า แต่เมื่อไม่นานมานี้ โครงการของมูลนิธิเพื่อความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม (EJF) ได้เชิญชวนให้ชาวประมงกว่า 100 คนจากหมู่บ้านชายฝั่งทะเล 4 แห่งในภาคตะวันออกและภาคใต้เข้าร่วมโครงการรับซื้ออวน 10 บาทต่อกิโลกรัมเพื่อส่งต่อให้แบรนด์ Qualy ของไทยนำไปรีไซเคิลเป็นเฟซชิลด์ ขวดบรรจุแอลกอฮอล์ และไม้สำหรับกดลิฟต์ เพื่อส่งขายในยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยในช่วงที่โควิด 19 ระบาดหนัก Qualy รีไซเคิลอวนไปมากถึง 700 กิโลกรัมเลยทีเดียว

 

ที่มา : https://gulfnews.com/world/asia/covid-19-thai-project-turns-fishing-nets-into-virus-protection-gear-1.72376462

 

 

ปากีสถานปลูกต้นไม้ 50 ล้านต้นช่วงปิดเมือง

 

 

            เชื่อหรือไม่ว่า ในรายงานของ Germanwatch ระบุว่าภายใน 19 ปี (พ.ศ. 2542-2561) ประเทศปากีสถานประสบเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงมากกว่า 150 ครั้ง ตั้งแต่น้ำท่วมไปจนถึงคลื่นความร้อน โดยมีความสูญเสียรวม 3.8 พันล้านดอลลาร์


            นอกจากนี้ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลยังระบุว่าปากีสถานมีต้นไม้ปกคลุมน้อยกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ภาครัฐบาลจึงพลิกวิกฤตช่วงปิดเมืองเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด 19 ต่ออายุให้กับผืนดินและแรงงานในประเทศไปพร้อมๆ กัน ด้วยการปลูกต้นไม้ในโครงการ 5 ปี 1 หมื่นล้านต้น ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี Imran Khan ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2561 โดยมีเป้าหมายรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น

 

            โดยปกติแล้วฤดูกาลเพาะปลูกในปากีสถานมักจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม แต่รัฐบาลขยายโครงการนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนเพื่อให้ประชาชนมีงานทำนานขึ้น ซึ่งสามารถสร้างงานได้มากกว่า 63,600 ตำแหน่ง คนงานจะได้ค่าจ้างวันละ 500-800 รูปี (ประมาณ 3-5 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยคนงานทุกคนจะต้องสวมหน้ากากและรักษาระยะห่างทางสังคมระหว่างกัน 2 เมตร ประมาณการว่าช่วงปิดเมือง ปากีสถานมีต้นไม้เพิ่มขึ้นถึง 50 ล้านต้นเลยทีเดียว

           

           ไอเดียนี้ไม่เลว ประเทศไทยทำบ้างก็น่าจะดี

 

ที่มา : https://www.aljazeera.com/news/2020/04/pakistan-virus-idled-workers-hired-plant-trees-200429070109237.html

 

ตอบทุกคำถามคาใจกับสำนักงานกฎหมายสุดเก๋า

           

 

            Pullman & Comley สำนักงานกฎหมายแห่งรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอายุ 101 ปี และมีทนายความกว่า 90 คนให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปผ่านเว็บไซต์อย่างจริงจังวันละไม่ต่ำกว่า 10 โพสต์ เพื่อสร้างประโยชน์ในช่วงที่กิจการไม่สามารถดำเนินงานช่วงไวรัสระบาดได้


            คำถามจะมาจากบรรดาบริษัทเอกชน หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ไปจนถึงองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เช่น นโยบายการทำงานจากที่บ้านและการลาป่วย นายจ้างจะสนับสนุนผู้ปกครองของเด็กที่โรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็กถูกปิดได้อย่างไรบ้าง การปิดโรงเรียนมีผลต่อภาระหน้าที่ของเขตการศึกษาที่เกี่ยวกับนักเรียนซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกายอย่างไร

           

             นอกจากนี้ ทางเว็บไซต์ดังกล่าวยังแนะนำหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจไว้ให้ได้อ่านศึกษาหาความรู้ด้วย เช่น สิ่งที่เจ้าของบ้านเช่าและผู้เช่าเชิงพาณิชย์ควรรู้ในสถานการณ์โรคระบาด สนุกกับจานร่อนกลางสนามหญ้า เข้ายิมเล่นกีฬา ไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ กิจกรรมลักษณะไหนทำได้/ทำไม่ได้ ภายใต้กรอบกระทรวงการศึกษาและพัฒนาการเด็กแห่งรัฐคอนเนตทิคัต เป็นต้น

 

ที่มา : https://www.pullcom.com/newsroom-publications-FOCUS-Responding-to-COVID-19

 

หนุ่มน้อยนักประดิษฐ์แจ้งเกิดท่ามกลางวิกฤตในเอธิโอเปีย

 

 

           

           การโจมตีของไวรัส COVID-19 ทำให้ชื่อของ Ezedine Kamil วัย 18 ปีจาก Welkite เมืองชนบทซึ่งห่างจากเมืองหลวงของเอธิโอเปียถึง 160 กิโลเมตร กลายเป็นคนดังอย่างรวดเร็วจากการออกแบบเครื่องจ่ายสบู่ไฟฟ้าแบบไม่สัมผัสที่มีเซ็นเซอร์ในตัว จุดเด่นของเครื่องนี้คือสามารถใช้งานได้โดยใช้แป้นเหยียบในช่วงที่ไฟฟ้าดับอันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอในประเทศนี้
           

            สิ่งประดิษฐ์ของเขาได้รับการยอมรับจากชุมชนในท้องถิ่น โดยมหาวิทยาลัยใน Welkite ได้ผลิตเครื่องจ่ายสบู่ไฟฟ้าดังกล่าวถึง 50 ตู้ และแจกจ่ายให้กับธนาคารและโรงพยาบาลทั่วเมือง นอกจากนี้เขายังสร้างเครื่องช่วยหายใจ โดยค้นหาคู่มือทางออนไลน์จนได้ออกมาเป็นกระเป๋าพลาสติกที่เรียกว่า Ambu ซึ่งเป็นเครื่องช่วยหายใจแบบกลไกและมีหน้าจอที่ทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือ หลังจากทดสอบเครื่องต้นแบบสำเร็จ เขาก็เริ่มผลิตและส่งมอบ Ambu ให้กับชุมชนในพื้นที่

           

            ปัจจุบัน Ezedine เป็นเจ้าของสิ่งประดิษฐ์กว่า 30 ชิ้น เกือบครึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรโดยองค์กร SaveIdeas แล้ว เป้าหมายของเขาคือการเปลี่ยนความหลงใหลในนวัตกรรมเป็นเส้นทางอาชีพและสร้างงานให้ชาวเอธิโอเปียสามารถยืนหยัดได้ด้วยความสามารถของตนเอง

 

แหม...ปรบมือดังๆ ให้หนุ่มน้อยคนนี้เลย

 

ที่มา : https://www.dw.com/en/young-inventor-helps-ethiopias-covid-19-crisis/a-53334966

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ