เวลาเกิดภัยพิบัติ แผ่นดินไหว ตึกถล่ม มีผู้คนติดอยู่ใต้ซากตึกหรือมีใครสักคนหลงป่า นอกจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุแล้ว ยังมีเหล่าฮีโร่ตัวน้อยอย่างสุนัขค้นหาที่คอยร่วมปฏิบัติภารกิจด้วยความแคล่วคล่องว่องไว และใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต ปรากฏตัวให้เราเห็นผ่านสื่อต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงในซีรีส์และในละครด้วย
คำว่าฮีโร่ไม่ได้จำกัดแค่ “มนุษย์” และงานนี้ “น้องหมาสี่ขา” ขอทำหน้าที่นั้นบ้าง
Muse Plus ชวนมารู้จัก สมาคมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย (TVSD) ที่มีคุณเม๋-นุชนภางค์ เกวลี ผู้ก่อตั้งทีม พร้อมเหล่าสมาชิกที่มีใจมุ่งมั่นอยากช่วยเหลือผู้คนผ่านศักยภาพของน้องหมาด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เรียกว่าทำด้วยใจทั้งคนและทั้งน้องหมาเลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นสู่สมาคมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย (TVSD)
ตอนเลี้ยงสุนัขตัวแรก เราก็พยายามหากิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกับสุนัข เรียนตัดขน อาบน้ำ พาไปฝึกนั่นนี่อะไรไป แล้วก็เห็นในสารคดีต่างประเทศว่ามีการฝึกสุนัขช่วยเหลือคนตาบอดก็เกิดความสนใจ เมื่อมีโอกาสเดินทางไปเกาหลีเลยลองติดต่อไปทางซัมซุงเข้าไปขอเยี่ยมชมสถานที่และการฝึกสุนัข ได้มีโอกาสเข้าดูการทำงานของสุนัขช่วยคนพิการทางการได้ยิน และได้ชมวีดิทัศน์เกี่ยวกับทีมสุนัขค้นหา ได้รู้จักครั้งแรกว่าสุนัขก็สามารถค้นหามนุษย์ได้จึงเกิดความสนใจเป็นพิเศษ
จากนั้นจึงรวมตัวกับคนคอเดียวกันเป็นทีม และเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของทีมที่มุ่งออกปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ จึงเริ่มเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรระดับสากล มีการนำเทรนเนอร์จากต่างประเทศมาอบรม มีการสอบเพื่อให้ผ่านตามมาตรฐานสากลที่องค์กรต่างประเทศได้กำหนดมาตรฐานไว้
สมาคมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย (TVSD) เป็นกลุ่มที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อฝึกสุนัขและทีมอาสาสมัครในการออกค้นหาผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติต่างๆ (Search and Rescue Dog) โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกับองค์กร International Rescue Dog Organization (IRO) ในปี 2554 และ American Rescue Dog Association (ARDA) ในปี 2555
รูปแบบการฝึกน้องหมาที่นี่เป็นแบบไหน อย่างไร
อันดับแรกต้องทำให้สุนัขคุ้นเคยกับพื้นที่ที่ไม่ปกติ สุนัขที่เลี้ยงตามบ้านปกติจะเดินบนพื้นที่เรียบหรือสนามหญ้า เราก็ต้องหัดให้สุนัขเดินบนพื้นที่ที่ผิดปกติให้ได้ก่อน ให้เริ่มคุ้นชิน กล้าเดิน ไม่กลัว พื้นฐานก็มาจากแรงขับในตัวสุนัข สายพันธุ์ คาแรกเตอร์ การเลี้ยงดูแต่ละตัวจะแตกต่างกัน การฝึกเริ่มจากให้สุนัขวิ่งหาผู้ช่วยฝึกสอน โดยให้รางวัลเมื่อสุนัขหาเจอ ไม่นานสุนัขจะเรียนรู้ว่าเมื่อเจอคนที่ถูกซ่อนอยู่จะได้รางวัล จากนั้นเราจะสอนให้สุนัขรู้จักใช้จมูกช่วยในการค้นหา เพราะประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมที่สุดของสุนัขคือจมูก สุนัขมีเซลล์ประสาทรับกลิ่นมากถึง 300 ล้านเซลล์ เปรียบเทียบกับมนุษย์ที่มีเพียง 5 ล้านเซลล์ จึงมีความสามารถในการได้ยิน รวมถึงความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนได้ดีกว่ามนุษย์
ครั้งแรกที่ฝึก สุนัขจะยังไม่รู้หรอกว่าจะใช้จมูกอย่างไร ก็เริ่มด้วยตาดูหูฟัง ผู้ช่วยฝึกก็จะเรียก โดยนั่งให้เห็นก่อนในเบื้องต้น ปล่อยให้สุนัขไปหาตามเสียงเรียก แต่ละตัวไม่เหมือนกัน ก็จะมีบางจุดที่เขากลัวต่างกันไปในสุนัขเล็กและสุนัขใหญ่ เบสิกง่ายๆ เขาจะได้รู้ว่าถ้าเขาวิ่งไปหาคนไปเจอคน เขาจะได้ของกินเป็นรางวัล เป็นความเข้าใจง่ายๆ ต่อจากนั้นก็เริ่มให้ผู้ช่วยฝึกเริ่มเอาตัวลงไปซ่อนใต้ซากต่างๆ แต่ยังมีบางส่วนของร่างกายโผล่ให้เห็นบ้าง สุนัขจะได้เริ่มใช้จมูก ไม่มีการเรียกแล้ว ก็จะดมหากลิ่น
ด้วยทฤษฎีกลิ่นเราจะปล่อยสุนัขใต้ลม คนเราทุกคนจะมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งจะเป็นการผสมรวมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรียในร่างกาย เชื้อรา ผงซักฟอก อาหารที่เรากินเข้าไป อะไรก็แล้วแต่ รวมๆ เป็น “กลิ่นคน” ซึ่งจมูกสุนัขแยกกลิ่นต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม สุนัขจึงสามารถแยกกลิ่นของคนที่อยู่บนซากปรักหักพังต่างๆ กับคนที่ติดอยู่ใต้ซากเหล่านั้นได้อย่างไม่สับสน กลิ่นจะแตกต่างกันระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่สุนัขสามารถแยกกลิ่นได้หลังผ่านการฝึก
กลิ่นทั้งหมดจะลอยมาตามลมจากต้นทางในลักษณะแบบ Scent Cone หรือในรูปแบบทรงกรวย เมื่อสุนัขได้กลิ่นในบริเวณนั้น สุนัขที่มีประสบการณ์จะวิ่งซิกแซ็กในพื้นที่ทรงกรวย จะไม่วิ่งออกนอกพื้นที่ทรงกรวย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความแรงของลมด้วย ลมแรงก็จะพัดไปไกล แต่ละเหตุการณ์ต่างกัน เราไม่รู้ว่าใต้ซากลักษณะเป็นอย่างไร บางทีมีการทับซ้อนกันหลายชั้น กลิ่นก็จะลอยขึ้นมาผ่านชั้นซากแต่ละชั้นไป ขึ้นมาตามตรงจุดนั้นจุดนี้ เพราะฉะนั้นเวลาสุนัขเห่าตรงไหน บริเวณนั้นคือจุดที่สุนัขสามารถรับกลิ่นได้เข้มข้นมากที่สุด
การระบุตำแหน่งของผู้ประสบภัยจะมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการซ้อนทับของกองซาก การเคลื่อนที่ของอากาศ สภาพอากาศ ช่วงเวลาของวัน ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหมด สุนัขตัวเล็กก็จะได้เปรียบในเรื่องของการมุดตามซอกตามรู ส่วนตัวใหญ่จะได้เปรียบเรื่องความสามารถและรวดเร็วในการครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่าเป็นต้น
เมื่อสุนัขฝึกมาได้ถึงระดับที่เข้าใจว่าการทำงานของเขาคือการค้นหามนุษย์ เราก็จะเริ่มให้เขาเข้าใจว่าผู้รอดชีวิตที่เขาต้องค้นหานั้นโดนฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งเขาจะไม่สามารถมองเห็นหรือไม่มีแรงพอที่จะส่งสัญญาณส่งเสียงขอความช่วยเหลือ เขาต้องใช้จมูกของเขา 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อที่จะเจอผู้รอดชีวิต เราจะเริ่มให้ผู้ฝึกไปซ่อนในพื้นที่ปิด เช่น ในซากรถ ในตู้คอนเทนเนอร์ หรือในหลุมปิดที่เราจำลองขึ้นมา สุนัขจะไม่ได้ยินเสียง ไม่เห็นตัวคน การฝึกแบบนี้ก็จะทำให้สุนัขใช้การดมกลิ่นอย่างเดียว ส่วนมากสุนัขที่ได้รับการฝึกมาจะพยายามมุดไปให้เจอคนให้ใกล้มากที่สุด เพื่อให้บรรลุภารกิจ สุนัขก็จะได้รางวัล
หากมีผู้สนใจอยากพาน้องหมามาฝึก สามารถทำได้ไหม
หากสนใจก็มาเข้าร่วมได้ ทางทีมเรายินดีต้อนรับ แต่ส่วนมากมักจะเข้าใจผิดว่าเรารับฝึกสุนัขค้นหา เจ้าของอยากให้สุนัขมีประโยชน์กับสังคมก็จะนำสุนัขมาให้เราฝึก แต่เราไม่ได้รับฝึกในรูปแบบนั้น การฝึกของทีมเราคือ เจ้าของสุนัขต้องนำสุนัขมาร่วมฝึกด้วยตัวเอง โดยเรามีเทรนเนอร์และผู้ช่วยฝึกคอยให้คำแนะนำ
สายพันธุ์และคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับสุนัขค้นหา
มีสุนัขหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติในการเป็นสุนัขค้นหาได้ เทรนเนอร์บางคนชอบที่จะฝึกสุนัขสายพันธุ์เล็กเพราะสามารถซอกซอนเข้าช่องเล็กๆ ได้ดี บางคนชอบสายพันธุ์ใหญ่เพราะสามารถเคลื่อนตัวได้คล่องแคล่วและปีนป่ายได้รวดเร็วบนกองซาก สุนัขค้นหาต้องเป็นสุนัขที่แข็งแรง มีแรงขับในการหาและไล่ล่า ต้องมีอารมณ์ที่มั่นคง ไม่อ่อนไหวต่อเสียง มีความตั้งใจในการฝึกและมุ่งมั่นในการทำงาน สุนัขต้องมีความกล้า สามารถทำในสิ่งที่สุนัขทั่วไปไม่สามารถทำได้ เช่น ปีนบันไดลิง
ในการออกปฏิบัติงานกู้ภัยต้องมีการวางแผนอย่างไรในแต่ละเคส
เมื่อได้รับแจ้งเหตุมาก็จะมีการประสานงานกันกับเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ พูดคุยเรื่องเหตุการณ์ เกิดเวลาใด มีผู้รอดออกมากี่คน น่าจะคงเหลืออยู่อีกกี่คน น้ำไฟตัดหรือยัง บริเวณไหนค้นหาแล้ว มีการบรีฟ การทำแผนที่ ฯลฯ เมื่อถึงเวลาปฏิบัติงาน ทีมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัยจะลงพื้นที่ค้นหาร่วมกับ Frog Team Thailand โดยทีมสุนัข 1 ทีมจะประกอบด้วยผู้ควบคุมสุนัข ผู้ช่วย (จะมีหน้าที่ช่วยอ่านกิริยาของสุนัขในขณะที่สุนัขค้นหา และดูแลความปลอดภัยของผู้ควบคุมสุนัขและสุนัขและสื่อสารกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยหน่วยอื่น) และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางเทคนิค ทีม Frog Team Thailand 1 นาย ช่วยดูแลความปลอดภัยทีมสุนัขพร้อมประเมินพื้นที่และสถานการณ์ ขณะทำการค้นหา
กรณีค้นหาในป่า ทีมจะแบ่งพื้นที่การค้นหาเป็นส่วนๆ ในพื้นที่ตามข้อมูลที่คาดว่าผู้พลัดหลงจะอยู่บริเวณนั้น ใช้ทีมสุนัข 3-4 ทีม เพื่อครอบคลุมพื้นที่ให้ได้มากและเร็วที่สุด โดยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ Frog Team Thailand
เคยมีน้องหมาได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่ไหม
อันตรายอาจเกิดขึ้นกับสุนัขได้ตลอดเวลาที่ทำงาน เช่น อุ้งเท้าโดนของมีคม หรือแผลพุพองจากพื้นที่ร้อน มีรอยขีดข่วนบ้าง มีหนามตำบ้าง หรือโดนทากดูดเลือดเต็มตัว (ในกรณีเดินป่า) แต่ยังไม่เคยมีขาหัก กระดูกหัก เพราะเราระวังกันพอสมควร
ก่อนฝึกและหลังฝึก น้องหมามีความแตกต่างไหม
ไม่ว่าเราจะฝึกสุนัขประเภทใดก็แล้วแต่ เจ้าของทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขาที่พัฒนามากขึ้น ไม่ต้องถึงกับแซวว่าคุยกับหมารู้เรื่อง แต่ก็คุยกันรู้เรื่องจริงๆ เพราะทุกอย่างเกิดจากความสัมพันธ์ที่พัฒนาและสื่อสารผ่านการฝึก
หากต้องการร่วมทีม คุณสมบัติของเจ้าของสุนัขกู้ภัยควรเป็นอย่างไร
การฝึกสุนัขกู้ภัยจำเป็นต้องฝึกในระยะยาว เจ้าของควรสามารถมาร่วมฝึกอย่างน้อย 4 ครั้ง/เดือน ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี การฝึกสุนัขกู้ภัยเป็นการฝึกเพื่อค้นหาผู้ประสบภัย ค้นหาผู้รอดชีวิตในเหตุภัยพิบัติ ดังนั้นเจ้าของจะต้องสามารถนำสุนัขออกปฏิบัติงานจริงได้เมื่อเกิดเหตุ โดยสามารถดูแลตนเองและสุนัขของตนเองได้ในทุกสถานการณ์ สามารถเดินทางไปฝึกซ้อมและปฏิบัติงานในต่างจังหวัดได้ด้วยตัวเอง สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมและการปฏิบัติงาน ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงาน รวมถึงสามารถยอมรับเงื่อนไขการฝึกและการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในทีมได้ ที่สำคัญต้องมีสภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกซ้อมและการปฏิบัติงานจริง สามารถฝึกและปฏิบัติงานได้ในทุกสภาพแวดล้อม เช่น โคลน ที่ลาดชัน ป่ารก ซากปรักหักพัง ต้องสามารถเอาชนะความกลัวจากสิ่งต่างๆ ที่อาจพบได้ในการปฏิบัติงาน เช่น แมลง สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงสัตว์อื่นๆ ที่สามารถพบได้ในป่า ควรมีทัศนคติเชิงบวก มีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองและสุนัข สามารถทำการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นในการปฏิบัติงานได้ พร้อมที่จะปฏิบัติงานเมื่อถูกร้องขอและอยู่ปฏิบัติงานได้จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ
ในสถานการณ์จริง ต้องสามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ทั้งกับตัวคุณและสุนัขระหว่างการฝึกซ้อมหรือปฏิบัติงานจริง หากพบผู้เสียชีวิตในสถานการณ์จริง ต้องสามารถควบคุมสติให้ทำงานต่อไปได้ ต้องสามารถยอมรับได้หากคุณและสุนัขไม่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงาน รวมทั้งหากสุนัขของคุณไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ การทำงานกู้ภัยเป็นการทำงานร่วมกับทีมผู้ชำนาญด้านต่างๆ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัย คุณต้องสามารถทำงานร่วมกับทีมอื่นๆ ได้ โดยไม่คำนึงถึงผลงานส่วนตัวหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้อื่น จึงต้องมองถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องสามารถยอมรับคำแนะนำและติชมของผู้อื่นได้ สามารถยอมรับการประเมินจากหัวหน้าทีมฝึกได้ หากสุนัขของคุณหรือตัวคุณไม่เหมาะสมกับงานกู้ภัย และอีกข้อที่มีความสำคัญคือ การได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและคนรอบข้าง
ความคาดหวังของทีม
จากจุดเริ่มต้นผ่านมา 10 ปี แม้จะมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง บางเคสเหนื่อย หนัก หลงป่า (แต่ยังดีที่หลงไปเจอเจ้าหน้าที่อีกทีม) บางครั้งเดินป่าทางไกลติดกันหลายวัน รองเท้าคอมแบตชุ่มน้ำทั้งหนักทั้งร้อน ก็มีบ้างคุยที่กันเอง พี่หนูไม่ไหวแล้ว แต่ถึงที่สุดเราก็ผ่านมา ทุกอย่างคือประสบการณ์ที่ดี ทีมก็หวังให้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นสู่ระดับสากล เพื่อจะได้นำทีมสุนัขออกช่วยค้นหาในกรณีเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ต่อไป
หัวใจสำคัญในการทำงานของทีมน้องหมากู้ภัยคืออะไร
ในการทำงานทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวสุนัขของเรา (trust the dog) เพื่อการค้นหาที่ประสบความสำเร็จ ผู้ประสบภัยจะได้รับการช่วยเหลือเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โอกาสในการรอดชีวิตก็จะมีมากยิ่งขึ้น
สนใจอยากสนับสนุนการฝึกปฏิบัติภารกิจของน้องหมา คุณสามารถทำได้
สำหรับผู้ที่มีซากปูนซากอิฐ โครงหลังคาบ้าน บานหน้าต่าง ประตู ตู้คอนเทนเนอร์ พาเลตต์ ซากรถยนต์ รถบัส ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว สามารถส่งต่อบริจาคให้ทีมเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการฝึกฝนน้องหมาได้ ทางทีมขอขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยติดต่อผ่านเพจเฟซบุ๊ก สมาคมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย ThaiVolunteerSARDog
ขอขอบคุณภาพบางส่วนจากเพจเฟซบุ๊ก สมาคมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย ThaiVolunteerSARDog
ขอขอบคุณทีมสมาคมไทยอาสาสมัครสุนัขกู้ภัย (TVSD)
คุณนุชนภางค์ เกวลี และน้องจันทร์หอม น้องสิงหา
คุณวนาทิพย์ เรืองวิทยานิธิกร และน้องสายฟ้า
คุณฐิตาภัสร์ ธีระชาตรีวัฒน์ และน้องมิวนิค
คุณรับพร วิริยะพันธุ์ และน้องบลู น้องสปีดี้
คุณจิราวรรณ โตธนาคม และน้องสปีดี้
คุณอรณี ศิริวัฒนปกรณ์ และน้องน้ำชา น้องหนูแดง น้องวายุ
คุณนคนันทน์ ณีศะนันท์ และน้องมาเฟีย น้องมาร์เวล
คุณวิมลรัตน์ วรวิชญวงศา และน้องแฟรงค์เฟิร์ต
คุณวิภาอร เศรษฐศิรินนท์ และน้องพริตตี้
หมายเหตุ : เพื่อเป็นไปตามนโยบายป้องกันการแพร่กระจายและระบาดของไวรัสโควิด 19 ทางทีมได้ถอดหน้ากากอนามัยเฉพาะช่วงเวลาในการถ่ายภาพหมู่ในระยะเวลาอันสั้นเพียงเท่านั้น