Muse Mag
Muse Latitude : วิกฤติสร้าง HERO
Muse Mag
09 ก.ย. 64 728

ผู้เขียน : Administrator

            ยุคสมัยที่ภัยพิบัติและความทุกข์มาทดสอบมนุษยชาติ มนุษย์ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองและคนที่เรารัก แต่ยังมีผู้คนมากมายที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อผู้อื่น บ้างหวังเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น บ้างเติมเต็มความหมายของการมีชีวิต บ้างอยากส่งต่อสังคมที่งดงามให้แก่กัน  
            วิถีฮีโร่ไม่ได้จำเพาะเจาะจงอยู่แค่มนุษย์เท่านั้น ในช่วงวิกฤติสิ่งมีชีวิตหลากหลายกลายเป็นฮีโร่โดยไม่รู้ตัว แม้ไม่อาจสัมผัสคุณค่าในสิ่งที่ทำอย่างน้อยพวกมันได้กลายจุดเล็กๆ ที่เชื่อมโยงความงดงามให้กับหลายชีวิตบนโลกใบนี้  โลกที่เราทุกคนไม่อาจมีชีวิตเพียงเพื่อตัวเอง
            ในขณะที่หลายคนใช้เวลาตามหา ‘ฮีโร่’ ของตัวเอง

            มันคงไม่สำคัญเท่ากับคำตอบที่ว่า .. แล้วเราล่ะ คือฮีโร่ของใคร?

 

‘เจ้าตูบนักดม’ ดมดี ดมไว ดมโควิดได้ภายใน 10 วิ!!

 

 

            ทั่วโลกต่างทุ่มงบมหาศาลจัดหาอุปกรณ์ตรวจผู้ติดเชื้อโควิด19  ยังไม่นับค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และระยะเวลาที่ต้องรอผลเทสต์ แต่ปัญหานี้กำลังจะลดลงเมื่อเพื่อนรักสี่ขาเข้ามารับหน้าที่ค้นหาผู้ติดเชื้อโควิดแถมรู้ผลได้ภายใน 10 วินาที!! นี่ไม่ใช่ความเชื่อ  แต่วงการแพทย์ทั้งในโรงพยาบาล ระดับมหาวิทยาลัย และภาครัฐ ของฟินแลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย รวมถึงไทย ต่างรองรับผลการวิจัยว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพเกือบ 100%

            ด้วยความสามารถในการดมกลิ่นของเจ้าตูบที่เหนือกว่ามนุษย์ 1,000-10,000 เท่า มันสามารถแยกแยะผู้ติดเชื้อโควิดแบบไม่แสดงอาการกับคนปรกติผ่านการดมกลิ่นเหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำลาย ซึ่งสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds; VOCs) ในเหงื่อของคนที่มีเชื้อกับไม่มีเชื้อนั้นแตกต่างกัน

 

  • สุนัข Frontline ใน Finland

 

 

            ฟินแลนด์คือประเทศแรกในยุโรปที่ยืมจมูกเจ้าตูบมาสูดดมคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิดในสนามบินเฮลซิงกิ แวนต้า ผลงานเป็นที่น่าพอใจแถมค่าใช้จ่ายยังน้อยกว่าการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ แต่ก็ใช่ว่าสุนัขทุกตัวจะเหมาะกับภารกิจนี้ น้องหมาที่ถูกคัดเลือกต้องมีความอดทนและกระตือรือร้นทำงานเพื่อรางวัล เช่น ไส้กรอก ของเล่นชิ้นเล็กๆ การฝึกน้องหมาใช้เวลาเพียง 1-3 เดือน สุนัขสองตัวคัดกรองได้ถึง 300 คนภายในครึ่งชั่วโมง เมื่อสุนัขคัดกรองแล้วผลออกมาเป็นบวก ต้องตรวจยืนยันด้วยวิธีการ RT-PCR ที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) แนะนำ ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อ 7-10 วัน จากสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจ จนถึงตอนนี้ฟินแลนด์เดินหน้าทำงานวิจัยและพัฒนาโครงการสุนัขตรวจโควิดร่วมกับอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

 

  • ‘รถดมไว’ สุนัขคัดกรองฝีมือไทย ประหยัด ง่าย ได้ผลแม่นยำ

 

 

            หากใครเคยถูกไม้แยงจมูกตรวจโควิด (Swab) คงรู้ซึ้งถึงความเจ็บ แต่บอกเลยว่าวิธีให้น้องหมาคัดกรองเป็นมิตรกว่ากันเยอะ รถดมไว หรือ Dog Olfactory Mobile Vehicle for Viral Inspection (DOM VVI) รถปฏิบัติงานสุนัขดมกลิ่นคันแรกของประเทศไทย จากความร่วมมือของคณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนของบริษัทเชฟรอน ประเทศไทย สามารถตรวจหาเชื้อได้วันละ 600-1,000 คน ความแม่นย้ำถึง 96%  รถดมไวมีทั้งหมด 4 ห้อง คือ ห้องเก็บอุปกรณ์ ห้องพักน้องหมา ห้องรับตัวอย่างเพื่อตรวจสอบ และห้องปฏิบัติงาน

            ขั้นตอนแรก ผู้รับการตรวจต้องใช้สำลีปาดเหงื่อจากรักแร้ให้ชุ่มแล้วจัดใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เอาสำลีชุ่มเหงื่อเปลี่ยนใส่กระป๋องอีกใบที่เจาะรูแล้วให้น้องหมาดม ถ้าไม่พบสารระเหยแบบที่ถูกฝึกน้องหมาจะเดินผ่าน แต่ถ้าพบจะนั่งลงและดันกระป๋อง เจ้าหน้าที่ก็จะส่งผู้ไม่ผ่านการคัดกรอง  ตรวจด้วยวิธี RT-PCR ต่อไป

            เจ้าตูบสายพันธุ์ลาบราดอร์และรีทรีฟเวอร์อายุ 6-7 เดือน รวม 6 ตัว ได้รับการฝึกอย่างเข้มข้นก่อนแยก ให้ 3 ตัวประจำการที่คณะสัตวแพทย์ ลุยคัดกรองผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ เช่น ผู้สูงวัย ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ต้องขังในเรือนจำ และคลัสเตอร์ต่างๆ ในชุมชน ส่วนอีก 3 ตัวประจำการที่สงขลาใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย

            นอกจากสามารถดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด19 แล้ว ที่ผ่านมาน้องหมายังถูกฝึกให้คัดกรองโรคภัยอีกมากมาย เช่น พาร์กินสัน, โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน, โรคมาลาเรีย รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของมนุษย์ สุนัขยังมีศักยภาพและสามารถเรียนรู้เพื่อสร้างประโยชน์ได้อีกมากมายเกินกว่าเราจะจินตนาการ

 

 

อ้างอิง

https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/การคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด

https://www.thairath.co.th/news/local/2055023

https://www.nationalgeographic.com/animals/article/see-dogs-trained-to-sniff-covid

https://unric.org/en/finland-first-in-europe-to-use-dogs-to-detect-covid-19

https://www.bbc.com/news/health-57200863

https://www.nytimes.com/2021/05/31/world/asia/dogs-coronavirus.html

 

Beauty 2 The Streetz นักจัดสรรความสุขของคนไร้บ้าน

 

 

             มนุษย์ทุกคนควรภาคภูมิใจในตัวเอง และได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

            แม้ความคิดนี้ยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่มันคือแรงผลักดันให้คนบางกลุ่มลุกขึ้นสร้างความเปลี่ยนแปลง ด้วยมุ่งมั่นให้ชีวิตคนในสังคมดีขึ้นกว่าเดิม


            ทุกเสาร์ไม่ว่าฝนตกหรือแดดออก Shirley Raines และเพื่อนพ้องนักบิดจิตอาสา Fighters for The World MC จะรวมตัวทำโปรเจ็ค Beauty 2 The Streetz ในย่าน Skid Row ชุมชนคนไร้บ้านที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยมี Raines เป็นโต้โผดูแลคนไร้บ้านกว่า 500 คน ทั้งแจกอาหารมื้อใหญ่รสเยี่ยม บริการอาบน้ำอุ่น ตัดผมทำสี โกนหนวด มาส์กหน้า แต่งหน้า จัดหานกหวีดป้องกันการข่มขืน เต้นท์ ถุงนอน อุปกรณ์ดูแลสุขอนามัย รวมถึงฉีดวัคซีนโควิดให้ริมฟุตบาท  ถึงจะเป็นการบริจาคแต่ภาพกลับไม่ใช่บรรยากาศของความหดหู่ กลับเต็มไปด้วยความสุขและเป็นกันเองที่สร้างสีสันให้กับถนนสาย Skid Row

 

 

          Shirley Raines เคยทุกข์หนักเจียนตายตอนสูญเสียลูกชายวัยเกือบ 3 ขวบ จากนั้นชีวิตของเธอก็เริ่มจมดิ่งถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่แล้วชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อเธอเข้าร่วมแจกอาหารให้ผู้ยากไร้ในชุมชน Skid Row เธอย้ำว่าเพื่อนไร้บ้านนี่แหละที่เรียกความภูมิใจในการมีชีวิตของเธอกลับคืนมา หลายคนชื่นชมการแต่งตัวแต่งหน้าและอยากมั่นใจเหมือนเธอ Raines จึงเริ่มดูแลความงามให้กับผู้หญิงและสาวข้ามเพศไร้บ้าน จนพวกเธอเริ่มกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง

 

 

            Raines เชื่อว่าสถานะคนไร้บ้านไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไร้ความรู้สึก มันไม่ได้ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ลง กลับกันเธอเห็นอกเห็นใจคนไร้บ้านเพราะรู้ว่าพวกเขาผ่านความยากลำบากในชีวิตมามากมาย เป้าหมายของเธอคือการส่งต่อพลังชีวิต เธออยากให้เพื่อนไร้บ้านมองภาพสะท้อนในกระจกด้วยความภูมิใจ รู้สึกรักตัวเอง และส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้อื่น  มากกว่าการหยิบยื่นความงามบนท้องถนน Raines อยากเป็นกระบอกเสียงในการสร้างมิตรภาพบนความเท่าเทียม ให้คนในสังคมหันกลับมามองและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ครั้งหนึ่งอาจละเลย

 

 

ที่มา

https://www.beauty2thestreetz.org

https://edition.cnn.com/2021/06/17/us/los-angeles-covid-beauty-wellness-homeless-cnnheroes/index.html

 

 

ภารกิจ Hero Recharge ฟื้นพลังใจ ‘ฮีโร่โควิด’

 

 

            ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และนอนไม่หลับ คืออาการยอดฮิตที่สูบพลังชีวิตและลดทอนกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ผู้เป็นแนวหน้าสู้รบในวิกฤติโควิด19 

            เมื่อป่วยเราไปหาหมอรักษา แล้วในวันที่หมอล้าจะหันหน้าไปหาใคร?

            คำถามนี้เกิดขึ้นกับ Brad Ludden นักกีฬาพายคายักชาวอเมริกันผู้หลงใหลกิจกรรมกลางแจ้งจนก่อตั้งขององค์กร First Descents จัดโปรแกรมกลางแจ้งเพื่อพัฒนาสุขภาพกายและใจของผู้ป่วยมะเร็ง Ludden เชื่อว่าการได้ออกผจญภัย และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนช่วยทำให้ผู้ป่วยสุขภาพแข็งแรง พร้อมรับมือความเจ็บป่วยทางกายและจัดการสภาพจิตใจของตัวเองได้

            การผจญภัย ทำให้คนรู้สึกแข็งแกร่งและมีพลังมากขึ้น
            การใช้ชีวิตกลางแจ้ง ช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า

            การสนับสนุนจากสังคม ช่วยลดความแปลกแยกและทำให้ปรับตัวในภาวะต่างๆ ได้ดีขึ้น

 

           

              แนวคิดนี้ถูกปรับมาใช้เยียวยาบุคลากรทางการแพทย์ที่เผชิญความเครียดและแบกรับความกดดันในภารกิจโควิด19 ภายใต้ชื่อ Hero Recharge โปรแกรมผจญภัยกลางแจ้งล่าสุดที่ออกแบบมาฟื้นพลังชีวิตให้กับเหล่าฮีโร่โควิดผ่านกิจกรรมปีนผา พายเรือคายัก เล่นกระดานโต้คลื่น ฯลฯ โดยมี First Descents ร่วมมือกับ Dunkin’ Joy in Childhood Foundation ออกแบบกิจกรรมภายใต้การแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อมาวางมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงแพร่เชื้อระหว่างทำกิจกรรม 

 

 

            จากจุดเริ่มต้นในเดือนเมษายนปี ค.ศ.2020 โปรแกรมถูกจัดขึ้น 13 ครั้ง มีบุคลากรทางการแพทย์เข้าร่วมกว่า 178 คน พบว่า 76% มีภาวะความเครียดลดลง  94% รู้สึกผ่อนคลายจากการได้เชื่อมโยงกับเพื่อนใหม่ และโลกภายนอก และเกือบทั้งหมดที่เข้าร่วมจะแนะนำโปรแกรมนี้ให้กับเพื่อนอย่างแน่นอน ส่วนปีนี้ Hero Recharge ถูกแพลนให้จัดกิจกรรม 35 ครั้ง รองรับผู้เข้าร่วมได้ถึง 425 คน โดยเน้นจัดควบคู่ไปกับโปรแกรมกลางแจ้งสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง

 

 

ที่มา
https://firstdescents.org/healthcare-worker-programs/

https://edition.cnn.com/videos/tv/2020/11/05/coronavirus-frontline-doctors-nurses-outdoor-adventures-cnnheroes.cnn/video/playlists/2020-cnn-heroes/

 

 

HeroRATs หนูยักษ์กู้ระเบิด ปลดล็อกชีวิตชาวกัมพูชา

 

 

            ปลดเกษียณไปหมาดๆ หลังภารกิจค้นทุ่นระเบิดในกัมพูชานานกว่า 5 ปี  ฮีโร่ผู้นี้ไม่ใช่ใคร แต่เป็นหนูยักษ์สายพันธุ์แอฟริกา (African Giant Pouched Rat) ชื่อ มากาวา อาชีพหลักคือนักกู้ระเบิด เจ้าหนูยักษ์นี้คือมือหนึ่งจาก ‘HeroRATs’ โครงการเทรนด์หนูยักษ์เพื่อตรวจจับทุ่นระเบิดและวัณโรค โดย Apopo องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียนในเบลเยียมและมีสาขาในหลายประเทศ

            มากาวาเกิดในแทนซาเนียและได้รับการฝึกฝนอยู่ 1 ปี ก่อนถูกส่งไปประจำการในกัมพูชา ส่วนเพื่อนๆ ของมันก็แยกย้ายไปตามประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น กัมพูชา แองโกลา ซิมบับเว โมซัมบิก เพื่อกำจัดทุ่นระเบิดนับล้านที่หลงเหลือจากสงคราม ความเจ๋งของเจ้าหนูยักษ์ที่แจ๋วกว่าเครื่องมือตรวจจับโลหะคือ แม่นยำกว่า เร็วกว่า และเปลืองทรัพยากรคนน้อยกว่า  หนูพวกนี้มีน้ำหนักเบาและถูกฝึกให้ตรวจจับสารประกอบทางเคมีภายในวัตถุระเบิด จึงไม่เสียเวลากับโลหะทั่วไป เมื่อพบทุ่นระเบิดหนูกู้ภัยจะขุดชั้นผิวดินเพื่อแจ้งเตือน พวกมันวิ่งว่อนตรวจพื้นที่ใหญ่เท่าสนามเทนนิสโดยใช้เวลาเพียง 20 นาที ในขณะที่เครื่องตรวจจับโลหะต้องใช้เวลานานถึง 4 วัน

 

 

            ระหว่างปี ค.ศ.1975-1998 ทุ่นระเบิดหลายล้านชิ้นถูกฝังลืมในกัมพูชาจนเกิดเหตุระเบิดสลดใจมีผู้บาดเจ็บและพิการ 25,000 คน และตายมากกว่า 64,000 คน ชาวบ้านในกัมพูชาต้องใช้ชีวิตด้วยความกลัว และไม่อาจพัฒนาพื้นที่ทำกินตลอดจนที่อยู่อาศัยมานานหลายสิบปี

            ก่อนเกษียณ มากาวาเคลียร์เขตอันตรายในเสียมราฐไปกว่า 141,000 ตร.ม. พบทุ่นระเบิด 71 ทุ่น และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ระเบิดอีก 38 รายการ ผลงานโดดเด่นจนเตะตาองค์กรการกุศลด้านสัตวแพทย์ PDSA ของอังกฤษ พวกเขาได้มอบเหรียญเชิดชูเกียรติให้มากาวาเมื่อกันยาปีที่แล้ว ถือเป็นหนูตัวแรกที่ได้รับรางวัลนี้ (ซึ่งปรกติจะให้สุนัขกับแมว) ปัจจุบันมากาวาปลดเกษียณในวัย 8 ปี เพราะมันเริ่มช้าและความสามารถในการค้นหาลดลง หลังจากนี้มันจะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขตลอดชั่วชีวิตของมัน

             จนถึงปัจจุบันพื้นที่ในกัมพูชากว่า 4.3 ล้าน ตร.ม. ถูกเคลียร์ทุ่นระเบิดเรียบร้อย ชาวบ้านเริ่มใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย เดินทาง วิ่งเล่น สร้างที่พักอาศัย และสามารถทำเกษตรโดยไม่ต้องหวาดผวา ส่งผลให้คุณภาพชีวิตชาวกัมพูชาค่อยๆ ดีขึ้น และภารกิจนี้คงไม่อาจสำเร็จได้หากปราศจากเจ้าหนูฮีโร่ และองค์กร Apopo ที่ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอย่างจริงจังไปทั่วโลก

 

 

ที่มา :

https://www.bbc.com/news/world-asia-57345703

https://www.theguardian.com/world/2021/jun/05/magawa-the-mine-sniffing-rat-ends-career-in-cambodia-on-a-high

https://edition.cnn.com/2021/06/05/asia/magawa-hero-rat-retires-scli-intl/index.html

https://www.apopo.org/en



ย้อนกลับ