‘DreamWorks Animation: The Exhibition’ เป็นนิทรรศการที่พาผู้เข้าชมเดินทางสู่โลกของการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันทั้ง 31 นับตั้งแต่ ‘Anzt’ ในปี 1998 ก่อนจะมาถูกหวยกับหนังตระกูล ‘Shrek’ ทั้ง 5 ภาคที่ทำเงินทั่วโลกกว่า 3,500 ล้านดอลลาร์! เรื่อยมาจนถึง ‘Home’ ที่ฉายเมื่อต้นปี 2015 ซึ่งนิทรรศการนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองสองทศวรรษของบริษัทแอนิเมชันที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1995 เป็นผลงานการออกแบบของศูนย์ภาพเคลื่อนไหวแห่งออสเตรเลียหรือ ACMI จึงเปิดแสดงที่แรกในออสเตรเลียเมื่อกลางปี 2014 ก่อนจะย้ายมาจัดแสดงในสิงคโปร์เมื่อกลางปี 2015 และตอนนี้ก็มาประจำที่นิวซีแลนด์

 

 

 

 

นิทรรศการนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ตัวละคร (Character) ที่น้องๆ หนูๆ จะได้ตื่นตาไปกับการนำเสนอตั้งแต่ขั้นตอนการร่างภาพตัวละครไปจนถึงเสร็จสิ้นออกมาเป็นอาโป แพนด้าจ้ำม่ำจาก ‘Kung Fu Panda’ ทูธเลส มังกรฟันหลอจาก ‘How To Train Your Dragon’ ไปจนถึงสารพัดสัตว์แห่งสวนสัตว์นิวยอร์กจากไตรภาค ‘Madagascar’ และอีกมากมาย

 

 

 

 

        ก่อนจะเข้าสู่ส่วนที่ 2 เรื่องราว (Story) ที่ว่าด้วยเรื่องราวในหนังนับตั้งแต่แรงบันดาลใจแรกแบบ “จะเป็นยังไงนะถ้ามีสัตว์หนีออกจากสวนสัตว์นิวยอร์ก” ไปจนถึงบทร่างสุดท้ายที่ใช้จริง โลก (World) พาเข้าสู่ดินแดนที่ยักษ์ตัวเขียวเป็นเพื่อนกับลาช่างจ้อ ปลาฉลามเป็นมังสวิรัติ ฯลฯ ก่อนจะปิดท้ายที่ส่วนที่ 4 พื้นที่สร้างสรรค์ (Creative Zone) ที่มีทุกสิ่งสำหรับผู้เข้าชมทุกวัย ตั้งแต่คนชอบวาดรูปกับโต๊ะเขียนการ์ตูนจำลองที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ส่วนคนชอบผจญภัยก็มีมังกรจำลองพร้อมภาพเสมือนให้ได้ตื่นเต้น เคต แคมป์ “มันคือประสบการณ์แบบ 180 องศา พอขึ้นบนหลังมังกร คุณก็ได้บินไปทั่วโลก” ผู้จัดการด้านการสื่อสารของพิพิธภัณฑ์ เล่าว่า ซึ่งเจ้าทูสเลสตัวนี้ทำเอาผู้เข้าชมตัวน้อยหลายคนงอแงไม่ยอมกลับบ้านเลยทีเดียว

 

 

 

 

ต่อข้อคำถามที่ว่า "คิดว่านิทรรศการแบบนี้ไม่คู่ควรกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหรือไม่ ทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งครบรอบ 150 ปีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา" แคมป์ตอบว่า หมดยุคที่จะมาตัดสินกันด้วยอะไรแบบนี้แล้ว “ฉันว่าเราอยู่ในยุคที่ไม่มีใครใช้ความคิดแบบนั้นกันแล้ว”แคมป์กล่าว “คนจะชอบอะไรก็ชอบได้ ไม่มีกฎเกณฑ์ วันหนึ่งอาจจะอ่าน ‘War and Peace’ แต่วันต่อมาอาจจะดู ‘Sherk’ ก็ได้”

 

 

 

 

        อีกหนึ่งปัญหาที่น่ากังวลสำหรับนิทรรศการนี้ คือ กลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นเด็กซึ่งมีค่าเข้าชมที่น้อยกว่าผู้ใหญ่ถึง 9 เหรียญ แต่แคมป์ก็กล่าวว่า “แต่โดยรวมแล้วเราเลือกมาจากสิ่งที่เราคิดว่า คนอื่นจะสนใจ ซึ่งเราคิดว่า นิทรรศการนี้จะเป็นที่สนใจแน่ๆ” แต่แคมป์ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลมากนัก เพราะนับตั้งแต่ริค เอลลิส เข้ามารับตำแหน่งประธานบริหารเมื่อปีที่แล้วและประกาศปณิธานหนักแน่นว่า จะทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางนวัตกรรมโลกให้จงได้ เขาก็ใช้เวลาเพียงปีกว่าที่ผ่านมาจัดนิทรรศการที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของเทปาปาเป็นอันดับ 2 และ 3 ได้สำเร็จ และมีทีท่าว่า จะล้มแชมป์ได้ในไม่ช้านี้

 

 

 

 

ตอนนี้ที่แฟนๆ ลุ้นกันที่สุดก็คือ แอนดรูว์ อดัมสัน ผู้กำกับของ ‘Shrek’ และ ‘Shrek 2’ นั้นจะมาร่วมงานเทศกาลในบ้านเกิดแห่งนี้หรือไม่ แม้ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวอะไร แต่ก็ยังมีเวลาลุ้นไปอีกจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2016 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของนิทรรศการในนิวซีแลนด์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก wellingtonnz.com, todayonline.com, airasia.com, และ tepapa.govt.nz