Muse Around The World
แนวทางริเริ่มในการทำงานสูงวัยอย่างสร้างสรรค์
Muse Around The World
15 ก.ค. 67 461

ผู้เขียน : ชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ

สรุปสาระสำคัญจากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อ Museums and Ageing ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติกับบริติช เคานซิล ประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 179 คน ในหัวข้อเรื่อง นโยบายและการบริหารงานพิพิธภัณฑ์กับผู้สูงวัยในสหราชอาณาจักร

อลิซาเบ็ธ ลินช์ (Elizabeth Lynch MBE), อาร์ตี ปราชาร์ (Arti Prashar OBE) และฟาร์เรลล์ เรนาวเดน (Farrell Renowden) องค์กรเพื่อส่งเสริมงานสูงวัยสร้างสรรค์ (Creative Ageing: Development & Agency: CADA) นำเสนอแนวทางการทำงานแบบริเริ่มในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในผู้สูงวัย คาดาเป็นองค์กรในสหราชอาณาจักที่มุ่งส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในกลุ่มผู้สงวัย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมักถูกมองข้ามในการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม  จึงเกิดการทำงานร่วมกับศิลปิน ชุมชน และสถาบันต่างๆ ในการสร้างประสบการณ์ศิลปะที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงวัย เพื่อให้เกิดการยอมรับในคุณค่าของบุคคล รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และเป็นปัจจัยเสริมในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้สูงวัย

ข้อมูลจาการศึกษาของคาดา เผยให้เห็นถึงช่องว่างในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์และวัฒนธรรมของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่เป็นเชื้อชาติส่วนน้อยในสหราชอาณาจักร เช่นชุมชนชาวเอเชียใต้ เมื่อเทียบกับผู้สูงวัยชาวผิวขาว งานวิจัยชี้ให้เห็นว่ามากกว่าร้อยละ 97 ของผู้ชมงานสร้างสรรค์ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปในอังกฤษเป็นคนผิวขาว ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 0.97 เท่านั้นที่เป็นชาวเอเชียและชาวอังกฤษเชื้อสายเอเชีย ปัจจัยรากฐานมาจากระบบ เช่น ทัศนคติทางวัฒนธรรม ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการขาดโอกาสในการสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้ คาดาจึงมุ่งมั่นในการสร้างงานที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยจากภูมิหลังที่หลากหลายได้เข้าสู่งานศิลปะ โครงการต่าง ๆ เช่น 'Bangladeshi Tales' ในงาน Bloomsbury Festival เป็นการเปิดเวทีสำหรับเรื่องราวและประสบการณ์ของผู้สูงวัยของชุมชน ฉะนั้น การสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้สูงอายุทุกคนสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนได้ คือสิ่งที่องค์กรคาดาต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมวงกว้างเพื่อให้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา หรือช่วงวัยใดสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน

ความเห็นอกเห็นใจและการอยู่ร่วมกัน (Empathy and Inclusivity) ในสังคมสูงวัย

อลิซาเบ็ธ ลินช์ เริ่มการนำเสนอด้วยการกล่าวถึงความสำคัญของความเห็นอกเห็นใจและการโอบรับทุกคนในสังคมสูงวัย เธอเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการมีทัศนคติที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น การเปิดใจรับความแตกต่างและโอบรับทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติจากสังคมต่อผู้สูงอายุ ลินช์ชี้ให้เห็นว่าผู้สูงวัยคือผู้ที่มีคุณค่าในการสร้างสรรค์งานศิลปะ และควรส่งเสริมให้พวกเขามีส่วนร่วมในทุกโอกาสของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เธอยกตัวอย่างโครงการศิลปะที่บูรณาการมุมมองของศิลปินสูงวัยชาวเอเชียใต้ โครงการเหล่านี้ย้ำถึงความจำเป็นที่สถาบันกระแสหลักจะต้องสร้างกำลังคนด้านศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีตัวแทนจากทุกชุมชนในสังคม1

ลินช์ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการศึกษาวิจัย เช่น รายงานการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรมของผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไปในอังกฤษ เผยให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่เป็นคนเชื้อสายชาติพันธุ์และผู้สูงวัยมีลักษณะที่จำกัด ฉะนั้น พิพิธภัณฑ์จึงควรพิจารณานำงานวิจัยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรมในมิติต่าง ๆ มาใช้ในการระบุและแก้ไขช่องว่างเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ หากต้องการพัฒนาโอกาสในการสร้างสรรค์ให้ผู้สูงวัยอย่างเหมาะสม จำเป็นต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกับความต้องการต่าง ๆ นานาของผู้สูงวัย ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการมีส่วนร่วมเชิงสร้างสรรค์

อาร์ตี ปราชาร์ กล่าวถึงการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการมีส่วนร่วมเชิงสร้างสรรค์ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้สูงวัย เธอเน้นย้ำว่าเมื่อผู้สูงวัยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศิลปะย่อมก่อประโยชน์ในด้านสุขภาพกายและใจอย่างมหาศาล ปราชาร์หยิบยกประสบการณ์ในการทำงานสร้างสรรค์ด้วยรูปแบบออนไลน์ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ศิลปินสูงวัยชาวเอเชียใต้ในสหราชอาณาจักรมีส่วนร่วมในหลากหลายลักษณะ เช่น การร้องเพลง งานศิลป์ด้วยอักษรแบบคัลลิกราฟี งานศิลปะเหล่านี้เชื่อมโยงชุดประสบการณ์ของผู้สูงวัยและแบ่งปันความสามารถในการสร้างสรรค์ของตน แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่สังคมเผชิญกับข้อจำกัดในการอยู่ร่วมกันในสถานที่ ด้วยเงื่อนไขความปลอดภัยทางสาธารณสุข

© Soul City Arts 2020 (ภาพจาก https://usercontent.one/wp/www.soulcityarts.com/wp-content/uploads/2021/10/banner-top-new-768x768.jpg)

ปราชาร์ยังเน้นย้ำถึงพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยศิลปะ ดังเช่นการใช้ศิลปะสร้างบทสนทนาต่อประเด็นที่มีความเปราะบางหรือ “ต้องห้าม” ศิลปะสามารถเป็นหนทางในการสร้างความเข้าใจและการเชื่อมโยงในชุมชนได้อย่างลุ่มลึก เธอยกตัวอย่างโครงการ เรื่องเล่าของชนบังคลาเทศ (Bangladeshi Tales) ในงาน “โซลซิตี้อาร์ต” (Soul City Arts)2 ผลงานศิลปะการฉายภาพจากหลอดไฟแอลอีดีบนหน้าอาคารหอสมุดแห่งอังกฤษ เพื่อฉายประสบการณ์ของผู้อพยพชายสูงวัยชาวบังคลาเทศที่ตั้งถิ่นฐานในอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1970 ผู้ชายเหล่านี้ไม่เคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมมาก่อน พวกเขาได้รับโอกาสในการเล่าประวัติศาสตร์ของตนและข้อคิดอันน่าประทับใจ โครงการนี้ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรม แต่สะท้อนห้วงเวลาที่พวกเขาเผชิญทั้งทุกข์และสุข กิจกรรมไม่เพียงสร้างโอกาสให้สมาชิกชุมชนที่เป็นผู้สูงวัยได้ร่วมงานวัฒนธรรม แต่สร้างการเรียนรู้ให้กับผู้คนต่างวัยในการรับฟังและพึงเห็นคุณค่าของคนต่างรุ่นในชุมชน  

ข้อเสนอแนะในการสร้างพื้นที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับผู้สูงวัย

ฟาร์เรลล์ เรนาวเดน สรุปถึงความจำเป็นในการมีตัวแทนของผู้สูงวัย โดยเฉพาะจากชุมชนหลากหลายเชื้อชาติ ให้เข้ามามีส่วนในการพัฒนาแผนงานและกิจกรรม เรียกว่าเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม ความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่มีความหมายอย่างแท้จริง จากประสบการณ์ขององค์กรคาดา การส่งเสริมบทบาทพิพิธภัณฑ์ในการพัฒนาแผนงานและกิจกรรมสำหรับผู้สูงวัย ควรคำนึงถึง

  1. การสร้างพื้นที่ที่ครอบคลุมและหลากหลาย: การออกแบบแผนงานและกิจกรรมที่เข้าถึงได้และเป็นมิตรกับผู้สูงอายุจากภูมิหลังที่หลากหลาย โดยคำนึงถึงมุมมองและความต้องการทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
  2. การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต: การสนับสนุนให้ผู้สูงวัยเรียนรู้และมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง โครงการที่เกิดจากความร่วมมือ และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความเติบโตทางปัญญาของผู้สูงวัย
  3. การให้ความสำคัญกับมรดกทางวัฒนธรรม: การพัฒนาแผนงานบนฐานมรดกทางวัฒนธรรมและสังคม และเชื่อมโยงประสบการณ์ของผู้สูงอายุ เช่นเรื่องเล่า นิทรรศการ ที่สร้างการเรียนรู้จากอดีตสู่ปัจจุบัน จากรุ่นสู่รุ่น
  4. การเปิดโอกาสให้กับการสร้างสรรค์จากกลุ่มที่หลากหลาย: การค้นหาและส่งเสริมผลงานของศิลปินผู้สูงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาจากชุมชนชายขอบ เปิดพื้นที่สำหรับเสียงของพวกเขาและยอมรับกันด้วยผลงาน
  5. การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึง: การเปิดโอกาสให้ชุมชนผู้สูงวัยเข้าถึงแผนงานและกิจกรรมอย่างแท้จริง ต้องอาศัยความเข้าใจในความต้องการและความชอบของผู้สูงวัย ใช้ภาษาและความรู้ทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่มีความหมาย

อ้างอิง

1รายงานเรื่อง "Visionaries: A South Asian arts and ageing counter narrative" ที่เขียนโดย อาร์ติ ปราชาร์ และอลิซาเบ็ธ ลินช์ สำรวจประสบการณ์ของศิลปินสูงวัยชาวเอเชียใต้ในประเทศอังกฤษ สะท้อนความต้องการและความสนใจอันหลากหลายของศิลปินและชุมชนของพวกเขา โดยเน้นความสำคัญของงานสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับวัฒนธรรม รายงานนี้นำเสนอโครงการศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่นำโดยชาวเอเชียใต้ ให้ข้อมูลเชิงลึกว่าโครงการเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการสร้างชุมชนและสุขภาวะของปัจเจกบุคคลอย่างไร อ่านเพิ่มเติม https://www.culturehive.co.uk/resources/visionaries-a-south-asian-arts-and-ageing-counter-narrative/

2โครงการศิลปะที่ส่องชีวประวัติส่วนบุคคลของผู้สูงวัยชาวบังกลาเทศที่อพยพมายังสหราชอาณาจักร ด้วยนการฉายภาพหลอดไฟแอลอีดีบนอาคารหอสมุดแห่งชาติอังกฤษและสถานีรถไฟเซนต์แพนครัส ที่เชื่อมโยงเรื่องราวของบุคคลกับพื้นที่สาธารณะ อ่านเพิ่มเติม https://www.soulcityarts.com/bangladeshi-tales-from-kings-cross/

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ