Muse Around The World
ความเป็นจีนหลากมุมมองในศูนย์วัฒนธรรมสามแห่งในสิงคโปร์
Muse Around The World
25 เม.ย. 68 83

ผู้เขียน : ชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ

เมื่อกล่าวถึง "ความเป็นจีน" ภาพในหัวของหลายคนอาจวนเวียนอยู่กับวัดวาอารามสไตล์จีน ประเพณีโบราณ เครื่องลายคราม หรือภาษาจีนกลางอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ในโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในประเทศพหุวัฒนธรรมขนาดเล็กอย่าง สิงคโปร์ คำว่า "ความเป็นจีน" กลับไม่ได้หยุดอยู่เพียงภาพจำเหล่านั้น กลับเต็มไปด้วยความหลากหลาย ซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและบริบทของสังคม คำถามสำคัญคือ สิงคโปร์ในฐานะประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายจีน แต่มุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ได้นำเสนอและตีความ "ความเป็นจีน" อย่างไรบ้าง? ใครคือผู้เล่าเรื่องนี้ และเล่าเพื่อใคร เมื่อรัฐต้องสื่อสารอัตลักษณ์ให้ทั้งลูกหลานชาวจีนรุ่นใหม่ในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ภาพของ "ความเป็นจีน" ถูกจัดวางและเน้นย้ำในรูปแบบไหน และมีแง่มุมใดที่ถูกเน้นหรือถูกละเลยไป

บทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจแนวคิดเหล่านี้ผ่านการเปรียบเทียบ ศูนย์วัฒนธรรมว่าด้วยวัฒนธรรมและคนจีนในสิงคโปร์จำนวน 3 แห่ง แต่ละแห่งนำเสนอและตีความอัตลักษณ์ความเป็นจีนในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในส่วนแรก นำเสนอศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์ หรือ Singapore Chinese Cultural Centre (SCCC) ศูนย์วัฒนธรรมร่วมสมัยที่ตั้งคำถามกับตัวตนของ "คนจีนแบบสิงคโปร์" ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ ในส่วนที่สอง จะสำรวจศูนย์มรดกจีน Chinese Heritage Centre (CHC) ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานยาง ที่ทำหน้าที่เสมือนห้องเรียนและคลังความรู้ในการศึกษาความหลากหลายของชาวจีนโพ้นทะเลในบริบทโลก

แห่งที่สาม ศูนย์มรดกไชนาทาวน์ (Chinatown Heritage Centre) เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวการอพยพและการดิ้นรนของชาวจีนยุคบุกเบิกในสิงคโปร์ ผ่านการจัดแสดงที่เน้นความรู้สึกและบรรยากาศของชีวิตในอดีต ในส่วนสุดท้าย บทความนำเสนอบทวิเคราะห์ถึงสิ่งที่สิงคโปร์กำลังสื่อสาร "ความเป็นจีน" ที่จัดแสดงในแต่ละศูนย์ ทั้งสิ่งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน และเรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการจัดการอัตลักษณ์ในสังคมพหุวัฒนธรรมยุคใหม่อย่างไร บทความนี้จึงไม่เพียงเล่าถึงสถานที่ แต่ชวนให้ผู้อ่านพิจารณาวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ ที่สร้างและส่งต่อในโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Singapore Chinese Cultural Centre (SCCC): เมื่อความเป็นจีนไม่หยุดอยู่แค่คำว่าดั้งเดิม

หากใครยังติดภาพว่าศูนย์วัฒนธรรมจีนต้องเต็มไปด้วยลวดลายมังกร สีแดงสด และกลิ่นอายโบราณแบบจีนแท้ ๆ คุณอาจต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เมื่อได้รู้จักกับศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์ (Singapore Chinese Cultural Centre: SCCC) เพราะที่นี่ไม่ได้เน้นการ "อนุรักษ์" ความเป็นจีนจากแผ่นดินใหญ่ แต่กลับเลือกจะตั้งคำถามและ "ออกแบบใหม่" ให้เข้ากับชีวิตคนจีนในสิงคโปร์ยุคปัจจุบัน ศูนย์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2017 ใจกลางย่านธุรกิจของสิงคโปร์ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเป็นพื้นที่สำหรับการค้นหาและนิยาม "ความเป็นจีนในแบบสิงคโปร์"

ส่วนหนึ่งของนิทรรศการของศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมจีนกับสังคมสิงคโปร์ในยุคปัจจุบัน ผู้ชมกำลังใช้หน้าจอสัมผัสอินเตอร์แอคทีฟเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการสั่งเครื่องดื่มในภาษาจีนและคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันในสิงคโปร์ นิทรรศการนี้นำเสนอความหลากหลายของภาษาจีนที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวสิงคโปร์ เช่น คำว่า "กาได" (เพิ่มน้ำตาล) หรือ "ซิวได" (ลดน้ำตาล) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในรูปแบบการพูดที่มีอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนในท้องถิ่นต่าง ๆ (ภาพจาก Singapore Chinese Cultural Centre. (2023). SINGAPO人: Discovering Chinese Singaporean Culture [Banner photo]. Retrieved from https://cdn.singaporeccc.org.sg/sccc/uploads/2023/07/homepage-4-scaled.jpg)

หัวใจของ SCCC คือ นิทรรศการถาวร SINGAPO人 ที่ตั้งชื่อได้อย่างชาญฉลาด โดยนำคำว่า "Singapore" มาผสมกับอักษรจีน "人" (เหริน) ที่แปลว่า "คน" สะท้อนแนวคิดเรื่องอัตลักษณ์ลูกผสมที่ไม่หยุดนิ่ง นิทรรศการนี้แบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลัก ซึ่งแต่ละส่วนจัดแสดงไม่ได้บอกคำตอบสำเร็จรูปว่าความเป็นจีนคืออะไร แต่กลับชวนผู้ชมให้ ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่า "ความเป็นจีนในแบบคุณ" คืออะไรในโลกยุคใหม่ เริ่มต้นที่ส่วนจัดแสดง What Makes Us "Us" ซึ่งเป็นการชวนตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมให้คนจีนสิงคโปร์แตกต่างจากคนจีนในที่อื่น ๆ ส่วนจัดแสดงนี้อธิบายผ่านแผนที่ดิจิทัลและสื่อโต้ตอบ ว่าประวัติศาสตร์การอพยพ การอยู่ร่วมกับชาติพันธุ์อื่น และนโยบายรัฐ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัวของชาวจีนสิงคโปร์ที่ไม่เหมือนใคร

ถัดมาในส่วนจัดแสดง Beyond Generations ผู้ชมจะได้สัมผัสค่านิยมและประเพณีที่ถูกส่งต่อกันมาในครอบครัวชาวจีน เช่น ความกตัญญู การให้ความสำคัญกับการศึกษา และพิธีกรรมต่าง ๆ แต่แทนที่จะนำเสนอแบบทางการ ส่วนจัดแสดงนี้ใช้สื่อมัลติมีเดียและเกมโต้ตอบ เพื่อชวนคิดว่าค่านิยมใดที่ยังคงอยู่ และสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ส่วนจัดแสดง When Cultures Meet แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยเน้นว่าความเป็นจีนในสิงคโปร์นั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของวัฒนธรรมมลายู อินเดีย และตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นภาษา อาหาร หรือเทศกาลต่าง ๆ ผู้ชมจะได้สนุกกับกิจกรรม เช่น เกมผสมเครื่องดื่มกาแฟแบบ "โกปิ๊" ที่สะท้อนการผสมผสานวัฒนธรรมในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน

ส่วนจัดแสดง Made in Singapore เป็นพื้นที่ที่เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์ของคนจีนสิงคโปร์ในยุคใหม่ ทั้งในด้านศิลปะ ดนตรี แฟชั่น และนวัตกรรมต่าง ๆ ส่วนจัดแสดงนี้นำเสนอผลงานร่วมสมัยที่แสดงให้เห็นว่าความเป็นจีนที่สามารถสร้างใหม่และพัฒนาให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่อยู่เสมอ สุดท้ายใน Interactive Conclusion Zone ผู้ชมจะได้รับบทสรุปของการเดินทางผ่านนิทรรศการ ด้วยการใช้สายรัดข้อมือดิจิทัลที่เก็บข้อมูลจากกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง ก่อนจะเฉลยว่าตัวตนของคุณสะท้อนความเป็น "คนจีนแบบสิงคโปร์" ในมิติใดมากที่สุด ชวนให้ผู้ชมกลับไปทบทวนถึงความเป็นจีนของแต่ละคนนั้นหลากหลายและเปิดกว้างเพียงใด

Chinese Heritage Centre: ถอดรหัสความเป็นจีนผ่านสายตาชาวโลก

ถ้าศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์คือเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์ความเป็นจีนในแบบร่วมสมัย ศูนย์มรดกจีน (Chinese Heritage Centre: CHC) ที่ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานยาง (NTU) ก็เปรียบเสมือนห้องเรียนและหอจดหมายเหตุ ที่พาผู้คนย้อนกลับไปสำรวจรากเหง้าและอัตลักษณ์ของชาวจีนโพ้นทะเลในบริบทโลกอย่างลึกซึ้ง ศูนย์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1995 โดยมีภารกิจหลักในการศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับชุมชนชาวจีนที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก จุดเด่นของศูนย์มรดกจีนไม่ใช่แค่การจัดแสดงวัฒนธรรมจีนแบบพื้นถิ่น แต่คือการตั้งคำถามว่า "ความเป็นจีน" เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังดินแดนต่าง ๆ และอัตลักษณ์นี้ถูกหล่อหลอมใหม่จากบริบทท้องถิ่นอย่างไรบ้าง

หัวใจสำคัญของศูนย์มรดกจีนคือ นิทรรศการถาวร Chinese More Or Less ซึ่งแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วนจัดแสดงหลักที่ชวนผู้ชมตั้งคำถามกับความหมายของคำว่า "จีน" ในแบบที่ไม่มีคำตอบตายตัว ส่วนจัดแสดงแรก Self นำเสนอภาพถ่ายบุคคลชาวจีนจากหลากยุคหลายสมัยและหลากภูมิภาค เพื่อชวนให้ผู้ชมสะท้อนว่า หน้าตาแบบไหนคือความเป็นจีน? ส่วนจัดแสดงนี้ชี้ให้เห็นความเป็นจีนที่คนจีนโพ้นทะเลนำเสนอผ่านสื่อผ่าน เช่น ภาพถ่ายในสตูดิโอในศตวรรษที่ 19 ที่ผสมผสานเครื่องแต่งกายดั้งเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยเครื่องเรือนหรือเครื่องประดับในแบบตะวันตก หรือโปสเตอร์หรือภาพยนตร์ที่นำเสนอความเป็นจีนจากสายตาของคนตะวันตก กลับบ่งบอกความเป็นจีนที่แปลกแยกและแปลกตา

ใน Chinese Heritage Centre ที่มหาวิทยาลัยหนานยาง (NTU) ส่วนของการจัดแสดงที่เน้นการสะท้อนอัตลักษณ์ของชาวจีนโพ้นทะเลในส่วนแรกของนิทรรศการ การเล่นกับภาพสะท้อนจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ภาพถ่ายเก่า เอกสารทางประวัติศาสตร์ และงานวิจัย ทำให้ผู้ชมได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับ "ตัวตน" ของชาวจีนในสิงคโปร์ และการรับรู้ตัวตนผ่านเวลา
(ภาพจาก  Loy, V. (2024, November 24). Chinese Heritage Centre exhibition at NTU: Reflections of identity in archival materials [Photo]. Retrieved from https://vincentloy.wordpress.com/wp-content/uploads/2024/11/468244652_18112685794425545_7107758909309810713_n.jpg)

ส่วนจัดแสดงถัดมา Other Chinese ถ่ายทอดเรื่องราวของวัฒนธรรม ประเพณี และความทรงจำที่ชาวจีนโพ้นทะเลนำติดตัวออกจากแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม ความเชื่อ หรือสถาปัตยกรรม โดยเน้นให้เห็นว่าความเป็นจีนในต่างแดนยังคงยึดโยงกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมอย่างแนบแน่นในช่วงแรกของการอพยพ แต่เมื่อเข้าสู่ส่วนจัดแสดงสุดท้าย Other Than Chinese ผู้ชมจะได้เห็นภาพของอัตลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงและหลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ชาวเปอรานากันในมาเลเซีย หรือชาวจีนลูกครึ่งสเปนในฟิลิปปินส์ ส่วนจัดแสดงนี้แสดงให้เห็นว่าความเป็นจีนในโลกจริงไม่ได้มีเพียงสีเดียว หากแต่เต็มไปด้วยเฉดสีของการผสมผสานและการปรับตัวอย่างซับซ้อน

นอกจากนิทรรศการแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ระดับนานาชาติ ด้วยห้องสมุดหวัง กงอู่  (Wang Gungwu) ที่รวบรวมหนังสือและเอกสารกว่า 56,000 รายการ รวมถึงวารสารวิชาการ Journal of Chinese Overseas ที่นำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก เรียกได้ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์ แต่คือศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจความเป็นจีนในมิติที่ลึกและหลากหลายยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่าศูนย์มรดกจีนจัดวางตัวเองในโลกวิชาการ และผู้สนใจที่อยากมอง "ความเป็นจีน" ผ่านมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การอนุรักษ์วัฒนธรรม แต่เน้นการ ทำความเข้าใจความหลากหลายของอัตลักษณ์ ที่เกิดขึ้นจากการเดินทางและการอยู่ร่วมกับสังคมอื่น

Chinatown Heritage Centre: เมื่อความทรงจำกลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว

ในย่านไชนาทาวน์อันคึกคักของสิงคโปร์ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีอาคารแถว 3 คูหาหลังหนึ่งบนถนน Pagoda Street ที่ได้รับการพัฒนาเป็น Chinatown Heritage Centre หรือ "ศูนย์มรดกไชนาทาวน์" พื้นที่เล็ก ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของผู้คนที่เคยอาศัยและสร้างชีวิตใหม่ในดินแดนแห่งนี้ ศูนย์แห่งนี้เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ และจุดหมายในการท่องเที่ยวที่สิงคโปร์ใช้ในการเล่าเรื่อง “รากเหง้าของชาติ” ให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยการนำเสนอชีวิตของชาวจีนอพยพในยุคสมัยที่ความฝันและความยากลำบากเดินเคียงข้างกัน

ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1970 นโยบายการเคหะที่รัฐอุดหนุน (Public Housing) ของรัฐบาลสิงคโปร์ ส่งผลให้ชาวชุมชนไชนาทาวน์จำนวนมากต้องละทิ้งจากตึกแถวแออัด ไปสู่แฟลตเอชดีบี (HDB) ที่มีความเป็นระเบียบและถูกสุขลักษณะมากกว่า อาคารแถวเดิมหลายแห่งจึงถูกทิ้งร้างหรือเปลี่ยนสภาพ แต่แทนที่ความทรงจำของผู้คนเหล่านี้จะเลือนหายไป รัฐบาลกลับเห็นโอกาสในการ เปลี่ยนพื้นที่ความเป็นอยู่ให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และท่องเที่ยว

สิ่งที่น่าสนใจคือ ในการสร้างนิทรรศการเมื่อแรกสร้างศูนย์มรดกฯ ทีมภัณฑารักษ์ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับอดีตผู้อยู่อาศัย เพื่อเก็บรวบรวมเรื่องเล่าจริงของผู้คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในตึกแถวเหล่านี้ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ เรื่องราวความทรงจำ และรายละเอียดเล็ก ๆ ที่สะท้อนชีวิตจริงในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ในห้องเช่าที่มีเพียงขนาด 8x8 ฟุต หรือกลิ่นอาหารที่โชยออกมาจากครัวรวมหลังบ้าน

ฉากแสดงในศูนย์มรดกไชนาทาวน์ให้เห็นถึงความทรงจำของชาวจีนอพยพในสิงคโปร์ช่วงศตวรรษที่ 20 บริเวณ ด้วยการจำลองชีวิตของครอบครัวจีนในอดีตที่อาศัยในบ้านตึกแถวแคบ ๆ ภายในมีการจัดวางเครื่องใช้และเสื้อผ้าในรูปแบบเรียบง่ายตามวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยนั้น ข้างในห้องนี้มีการตั้งแสดงของใช้พื้นฐาน เช่น เสื้อผ้าตากอยู่บนราวผ้า ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตประจำวันในพื้นที่อันจำกัด  
(ภาพจาก ByKidO. (2025, February 11). Step back in time: Discover the Chinatown Heritage Centre [Photo]. Retrieved from https://cdn.shopify.com/s/files/1/1301/6863/files/IMG_0073.jpg?v=1739254869)

ปัจจุบัน ศูนย์มรดกไชนาทาวน์ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่สิงคโปร์ให้ความสำคัญอย่างมาก นิทรรศการภายในจำลองบรรยากาศชีวิตของชาวจีนอพยพในช่วงทศวรรษ 1950 ได้อย่างสมจริง ตั้งแต่ห้องนอนเล็ก ๆ ที่ต้องแชร์กันหลายครอบครัว ไปจนถึงโรงงานเย็บผ้าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในบ้านเดียวกัน องค์ประกอบในการจัดแสดงที่ทำให้ที่นี่แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์หลายแห่งคือ ประสบการณ์แบบ Immersive ที่ผู้ชมไม่ได้แค่ "ดู" แต่เหมือนได้ "ย้อนเวลา" กลับไปใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในอดีต ผ่านกลิ่น เสียง และภาพที่จัดวางอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนจัดแสดงที่เล่าเรื่องราวการเดินทางของชาวจีนที่หนีความอดอยากและสงครามจากแผ่นดินใหญ่ เพื่อมาหาโอกาสใหม่ในสิงคโปร์

ศูนย์มรดกไชนาทาวน์จึงไม่เพียงแต่รักษาประวัติศาสตร์ของชุมชน แต่ยังถูกออกแบบให้เป็น "หน้าต่างแห่งความทรงจำ" สำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะได้เข้าใจว่าเบื้องหลังตึกแถวสีสันสดใสและตลาดคึกคักในปัจจุบัน เคยเป็นพื้นที่ของความหวัง ความยากลำบาก และความฝันของผู้คนจำนวนมาก ในเชิงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ศูนย์แห่งนี้นับเป็น จุดเชื่อมต่อระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ที่ตอบโจทย์ทั้งการเรียนรู้และความบันเทิง โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งกว่าการเดินถ่ายรูปตามตรอกซอยทั่วไป

แม้ชุมชนดั้งเดิมจะถูกย้ายออกจากพื้นที่ไปนานหลายทศวรรษ แต่ Chinatown Heritage Centre กลับทำหน้าที่ "ปลุกชีวิต" ให้กับความทรงจำของผู้คนในอดีต... หรืออาจจะเป็นเพียงการ "คัดเลือกบางช่วงชีวิต" มาเล่าใหม่ในแบบที่ผู้จัดต้องการให้เราเห็น? สิ่งที่จัดแสดงคือภาพของความยากลำบากและการดิ้นรนที่ถูกบรรจุอยู่ในกรอบของความทรงจำแสนหวาน เหมาะสำหรับการถ่ายรูปและดื่มด่ำกับบรรยากาศในอดีตหรือไม่ ในโลกที่วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ถูกนำมา "จัดแสดง" เพื่อสื่อสารกับผู้ชม ทั้งชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เราควรถามตัวเองเสมอว่า ใครเป็นผู้เลือกเรื่องราวเหล่านี้ และ เลือกเพื่อวัตถุประสงค์ใดกันแน่ คำถามเหล่านี้ชวนให้เราไปสู่การสำรวจในส่วนถัดไป เมื่อวัฒนธรรมและอัตลักษณ์กลายเป็นพื้นที่ของการต่อรองระหว่างการเมือง เศรษฐกิจ และความทรงจำ เราจะเข้าใจ "ความเป็นจีน" ผ่านสิ่งที่ถูกจัดแสดงอย่างไร และจะตั้งคำถามกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้มากแค่ไหน

เมื่อวัฒนธรรมไม่ใช่แค่เรื่องอดีต แต่คือสนามของการต่อรอง

ากการสำรวจศูนย์วัฒนธรรมทั้งสามแห่งซึ่งแต่ละแห่งล้วนเล่าเรื่อง "ความเป็นจีน" ในสิงคโปร์ ผู้อ่านคงสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า ไม่มีศูนย์ใดเลยที่พูดถึงอัตลักษณ์จีนในรูปแบบเดียวกัน แม้จะใช้ชื่อว่า "จีน" เหมือนกันก็ตาม ในศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์ (SCCC) เราเห็นการนำเสนอภาพของคนจีนสิงคโปร์ที่ร่วมสมัย เปิดกว้าง และผสมผสานความเป็นจีนเข้ากับความเป็นสิงคโปร์อย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นการสร้างอัตลักษณ์สำหรับคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิดของสังคมพหุวัฒนธรรมที่กลมกลืน

ส่วนที่ศูนย์มรดกจีน (CHC) ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานยางเน้นการวิจัยและการตั้งคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ที่ลื่นไหลและหลากหลาย และพาเราไปสำรวจความหลากหลายของชาวจีนโพ้นทะเลในมิติที่ซับซ้อน ตั้งคำถามถึงความหมายของความเป็นจีนที่เปลี่ยนไปตามบริบทของโลก แห่งสุดท้ายศูนย์มรดกไชนาทาวน์มุ่งตอบโจทย์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว พาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสัมผัสชีวิตของชาวจีนอพยพในยุคบุกเบิกและการดิ้นรน และสภาพดั้งเดิมของไชนาทาวน์ ด้วยการจำลองบรรยากาศ และทำให้อดีตสามารถจับต้องได้ง่ายสำหรับผู้มาเยือน

สิ่งสำคัญที่เราควรตั้งคำถามคือ เรื่องราวเหล่านี้ “ถูกเลือก” มาเล่าโดยใคร และตั้งใจเล่าเพื่อใคร ในโลกของศูนย์วัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ ไม่มีสิ่งใดที่เป็น “ความจริงสมบูรณ์แบบ” เพราะทุกการจัดแสดงล้วนผ่านกระบวนการคัดกรอง ตีความ และออกแบบเพื่อสื่อสารตามเป้าหมายเฉพาะ เช่น ศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์ต้องการสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์จีนที่เข้ากับความเป็นสิงคโปร์ยุคใหม่ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อาจรู้สึกห่างไกลจากวัฒนธรรมดั้งเดิม ขณะที่ ศูนย์มรดกจีนเน้นเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้สำรวจและตั้งคำถามถึงความหลากหลายของอัตลักษณ์จีนที่เกิดจากการอพยพและการใช้ชีวิตในต่างแดน ส่วนศูนย์มรดกไชนาทาวน์เลือกเล่าเรื่องราวของความลำบากและความพยายามในอดีต ซึ่งตรงกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยวที่ต้องการ "สัมผัส" บรรยากาศของไชนาทาวน์ในวันวาน

เบื้องหลังการจัดแสดงในแต่ละศูนย์วัฒนธรรมของสิงคโปร์ เราสามารถมองเห็นบทบาทสำคัญของรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องในฐานะ "ผู้กำกับเรื่องเล่า" ที่ไม่ได้เพียงแค่ถ่ายทอดวัฒนธรรมตามธรรมชาติของมัน แต่เลือกที่จะออกแบบและเน้นย้ำบางประเด็นเพื่อตอบสนองเป้าหมายเชิงสังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก

ในกรณีของศูนย์วัฒนธรรมจีนสิงคโปร์ นิทรรศการถาวร SINGAPO人 สะท้อนชัดเจนถึงแนวนโยบายของรัฐที่ต้องการ "สร้างความเป็นเอเชียในตัวพลเมือง" (Asianising Citizens) โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในยุคดิจิทัล ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับหน้าจอ และอาจขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับวัฒนธรรมดั้งเดิม องค์กรที่ดูแลศูนย์ดังกล่าวจึงพยายามออกแบบพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นเวทีสำหรับการเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กลับเข้าหาวัฒนธรรม ผ่านการตั้งคำถามและการมีส่วนร่วมที่ไม่ใช่การบังคับจำหรือการสืบทอดตามขนบเดิม แต่เป็นการ "เลือกคิด เลือกตีความ" ค่านิยมบางอย่างที่กำลังลดบทบาทลง เช่น ความกตัญญู ความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือพิธีกรรมดั้งเดิมที่ผู้ใหญ่ในสังคมยังคงให้ความสำคัญ นิทรรศการในฐานะเครื่องมือเชิงนโยบายที่ “ผู้ใหญ่” ต้องการรักษาและปรับตัวค่านิยมเหล่านี้ให้อยู่รอดในสังคมสมัยใหม่

ขณะที่ศูนย์มรดกจีนเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนบทบาทของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางแห่งความรู้ระดับภูมิภาคและระดับโลก แม้ประเทศจะมีขนาดเล็กเพียง "จุดแดง" (Red Dot) บนแผนที่ แต่สิงคโปร์กลับใช้จุดแข็งด้านวิชาการและเครือข่ายนานาชาติในการสร้างความโดดเด่น ศูนย์มรดกจีนจึงพยายามแสดงความเป็น “ศูนย์กลาง” ข้อมูลเกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเล (Chinese Overseas) อย่างแท้จริง เราจะเห็นได้จากโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น การจัดทำ สารานุกรมชาวจีนโพ้นทะเล (Encyclopedia of the Chinese Overseas) และวารสารวิชาการเฉพาะทาง ที่ช่วยตอกย้ำบทบาทของสิงคโปร์ในฐานะแหล่งอ้างอิงหลักของความรู้ด้านนี้ การจัดแสดงและงานวิจัยจึงสะท้อนความพยายามในการ "วางตำแหน่งประเทศ" ให้เป็นศูนย์กลางทางปัญญาและวัฒนธรรม แม้ไม่ได้มีขนาดทางภูมิศาสตร์ใหญ่โตเหมือนชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค

สำหรับศูนย์มรดกไชนาทาวน์นั้นชัดเจนว่าถูกขับเคลื่อนภายใต้บริบทของการพัฒนาเมืองและขยายตลาดการท่องเที่ยวตามแนวนโยบาย Renaissance City ของสิงคโปร์ ซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เมืองให้เป็นศูนย์กลางศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวระดับโลก การจำลองบรรยากาศไชนาทาวน์ในอดีตจึงเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการสร้าง "ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม" ให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ต่างจากอีกหลายประเทศที่ใช้มรดกทางวัฒนธรรมเป็นจุดขาย แต่สิ่งที่ทำให้สิงคโปร์แตกต่างคือการจัดการที่เป็นระบบและใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของประเทศที่ทันสมัยและมีเสน่ห์ในแบบพิเศษ นิทรรศการนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเล่าเรื่องราวในรูปแบบที่จับต้องได้ง่าย ซาบซึ้งใจ และเหมาะกับการบริโภคเชิงท่องเที่ยว มากกว่าการสะท้อนชีวิตจริงของชุมชนในปัจจุบัน

เมื่อมองทั้งสามกรณีนี้ร่วมกัน เราจะเห็นได้ว่าการจัดแสดงวัฒนธรรมในสิงคโปร์ไม่ได้เป็นเพียงการ "อนุรักษ์" หรือ "บอกเล่าความจริง" แต่คือการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายที่หลากหลายของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอัตลักษณ์ เสริมความกลมเกลียวของสังคม การยกระดับบทบาทในเวทีโลก หรือการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการท่องเที่ยว

สิ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องเล่าที่ปรากฏในแต่ละศูนย์วัฒนธรรมเหล่านี้ ล้วนผ่านการคัดเลือกและจัดวางอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติในแต่ละมิติ ทั้งนี้ก็เพื่อตอบโจทย์สำคัญของสิงคโปร์ในฐานะประเทศเล็กที่ต้อง "สร้างความหมาย" ให้ตัวเองบนเวทีโลก ผ่านพลังของวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด แม้ว่า "วัฒนธรรม" จะดูเหมือนเป็นเรื่องของความงดงามและความภาคภูมิใจ แต่แท้จริงแล้วคือ สนามของการต่อรองที่เงียบงัน ระหว่างความทรงจำของชุมชน อำนาจของรัฐ และแรงกดดันจากเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เรื่องราวที่เราได้ยินหรือเห็นในแต่ละศูนย์วัฒนธรรม จึงไม่ใช่ภาพสะท้อนทั้งหมดของความเป็นจริง แต่เป็นภาพที่ถูกเลือกและจัดวางอย่างมีเป้าหมาย

"ความเป็นจีน" ในสิงคโปร์จึงไม่ได้มีคำตอบเดียว และไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอดีตที่ถูกจัดแสดงในกรอบกระจก หากแต่คือเรื่องราวที่ถูกเล่าใหม่อยู่ตลอดเวลา ตามจังหวะของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ บางครั้งก็เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ บางครั้งก็เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และบางครั้งก็เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐ สุดท้ายแล้ว วัฒนธรรมและอัตลักษณ์คือสิ่งที่มีชีวิต พร้อมจะเปลี่ยนแปลงและถูกตีความใหม่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นผู้เล่า และ เราในฐานะผู้ฟัง จะเลือกเชื่อหรือเลือกตั้งคำถามกับเรื่องเล่านั้นอย่างไร

อ้างอิง

Ben. (2020, November 4). O人tation (O-“ren”-tation): How Singapore Chinese Cultural Centre’s permanent exhibition negotiates local Chineseness. Kopimotion.

Chinese Heritage Centre. (n.d.). Chinese More Or Less Exhibition. Nanyang Technological University. Retrieved April 23, 2025, from https://www.ntu.edu.sg/chc/CHC-Museum/chinese-more-or-less

Chinese Heritage Centre. (n.d.). Nantah Pictorial Exhibition. Nanyang Technological University. Retrieved April 23, 2025, from https://www.ntu.edu.sg/chc/CHC-Museum/nantah-pictorial-exhibition

Chinese Heritage Centre. (n.d.). Wang Gungwu Library. Nanyang Technological University. Retrieved April 23, 2025, from https://www.ntu.edu.sg/chc/wang-gungwu-library

Chinese Heritage Centre. (n.d.). Journal of Chinese Overseas. Nanyang Technological University. Retrieved April 23, 2025, from https://www.ntu.edu.sg/chc/publications/journal-of-chinese-overseas

DP Architects. (n.d.). Singapore Chinese Cultural Centre. Architizer. Retrieved April 22, 2025, from https://architizer.com/projects/singapore-chinese-cultural-centre/

Ong, T. C. (2017). Imagery and the identity of Chinatown in Singapore (Honours thesis). Department of Political Science, National University of Singapore.

Pan, L. (Ed.). (1998). The encyclopedia of the Chinese overseas. Harvard University Press.

Phua, V. C., & Shircliff, J. E. (2020). Heritage spaces in a global context: The case of Singapore Chinatown. Current Issues in Tourism, 23(12), 1449-1453. https://doi.org/10.1080/13683500.2019.1689930

Shircliff, J. E. (2020). Is Chinatown a place or space? A case study of Chinatown Singapore. Geoforum, 117, 225-233. https://doi.org/10.1016/j.geoforum.2020.10.006

Singapore Chinese Cultural Centre. (2020). SINGAPO: Discovering Chinese Singaporean culture [Exhibition booklet]. https://cdn.singaporen.sg/sccc-singaporen-2024/assets/exhibition_sheets/Exhibition_Text_EN_v_12_04062021_f0d1db8243_166a83e7e6.pdf

Suryadinata, L. (Ed.). (2012). Southeast Asian personalities of Chinese descent: A biographical dictionary (Vols. 1–2). ISEAS Publishing. https://doi.org/10.1355/9789814345224-006

ภาพปก ไชนาทาวน์ในการเปลี่ยนแปลง ในภาพ มุมการจัดแสดงที่เล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงของไชนาทาวน์ ด้วยแผนที่และเรื่องราวของชุมชนชาวจีนในสิงคโปร์ ในศูนย์มรดกไชนาทาวน์ การจัดแสดงส่งเสริมเสริมให้ผู้ชมสร้างปฏิสัมพันธ์กับสิ่งจัดแสดง
(ภาพจาก Sunny City Kids. Chinatown Heritage Centre. (2021, September 15). https://cdn.prod.website-files.com/5e3bef72f3a7cb5bd9d03afe/5e8dfe9d0667ec418790698c_Chinatown-Heritage-Centre-3.jpg)

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ