พิพิธภัณฑ์บ้าน (House Museums) เป็นหนึ่งในรูปแบบการนำเสนอวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดกับผู้ชม ต่างจากพิพิธภัณฑ์ทั่วไปที่มักจัดแสดงวัตถุหรือเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ในรูปแบบนามธรรม พิพิธภัณฑ์บ้านเชื่อมโยงเรื่องราวเข้ากับ “พื้นที่จริง” ที่เคยมีชีวิตชีวา เป็นสถานที่ที่ผู้ชมไม่ได้แค่ “ดู” นิทรรศการ แต่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของผู้คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น
เมื่อพิจารณาจากกรณีศึกษาต่าง ๆ ได้แก่ บ้านเติ๋นกี๋ในเวียดนาม พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาในเชียงใหม่ และอนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็นหนานยางในสิงคโปร์ จะเห็นได้ว่าพิพิธภัณฑ์บ้านแต่ละแห่งมีวิธีการจัดแสดงและเล่าเรื่องที่หลากหลาย ทั้งด้านการจัดวางพื้นที่ การใช้สื่อประกอบ และเป้าหมายของการสื่อสารกับผู้ชม
บทความนี้จึงเสนอแนวทางในการจำแนก “พิพิธภัณฑ์บ้าน” ตามแนวคิดและรูปแบบการนำเสนอในพิพิธภัณฑ์ (museographic approaches) เพื่อทำความเข้าใจว่า “บ้าน” เหล่านี้สามารถเป็นพื้นที่ที่เล่าเรื่องได้อย่างไร และเลือกเล่าเรื่องอะไรให้กับผู้ชมในปัจจุบัน จากการศึกษากรณีตัวอย่างทั้งสามแห่ง เราสามารถจำแนกแนวทางการจัดแสดงหรือรูปแบบการเล่าเรื่องออกได้อย่างน้อยสามลักษณะ ดังนี้
1. บ้านในฐานะความทรงจำที่ยังมีชีวิต
บ้านเติ๋นกี๋ (Tan Ky House) ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เป็นบ้านพ่อค้าชาวเวียดนามในศตวรรษที่ 18–19 ซึ่งยังคงมีลูกหลานของเจ้าของบ้านพักอาศัยอยู่ ผู้ชมจึงสัมผัสชีวิตในอดีตได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวบ้านผสมผสานงานสถาปัตยกรรมไม้อย่างงดงาม มีแผ่นอักษรจีนแขวนประดับ และช่องทางลับที่ใช้สำหรับการค้าขายในอดีต สะท้อนอิทธิพลของวัฒนธรรมท้องถิ่นและต่างประเทศที่มาหลอมรวมกัน
ภายในบ้านเติ๋นกี๋ เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม บ้านพ่อค้าโบราณที่ยังรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลัก เครื่องลายคราม และบรรยากาศดั้งเดิมเอาไว้อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพื้นที่ที่ผู้ชมสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ผ่านสภาพแวดล้อมจริงและเรื่องเล่าของเจ้าของบ้านรุ่นหลัง (ภาพจาก Shore Excursions Asia. (2015). Tan Ky Old House interior [Photograph]. https://www.shoreexcursions.asia/wp-content/uploads/2015/10/Tan-Ky-Old-House.jpg)
พิพิธภัณฑ์บ้านแห่งนี้มีการจัดแสดงอย่างเรียบง่าย ไม่มีสื่อเทคโนโลยีหรือป้ายอธิบายจำนวนมาก ผู้ชมจะได้รับการแนะนำโดยคนในครอบครัวหรือผู้ดูแล ด้วยเรื่องเล่าปากจากประสบการณ์ พื้นที่ภายในเรือน และวัตถุที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ เช่น ถ้วยขงจื่อ ซึ่งออกแบบให้ล้นเมื่อเทน้ำเกินพอดี เป็นเครื่องเตือนใจเรื่องความพอประมาณ บ้านหลังนี้ทำให้ผู้เข้าชม “รู้สึก” ถึงอดีต เพราะการตีความจากบรรยากาศและประสบการณ์ตรง ไม่ใช่จากข้อความหรือภาพประกอบ บ้านเติ๋นกี๋จึงเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์บ้านที่เน้น “การสัมผัส” และ “การใช้ชีวิตร่วมกับความทรงจำ”
2. บ้านในฐานะแหล่งเรียนรู้เชิงชาติพันธุ์และเทคโนโลยีพื้นบ้าน
พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นพื้นที่จัดแสดงบ้านล้านนาแบบดั้งเดิมหลายหลังที่เรียงรายอยู่รอบลานกลาง แทนที่จะเป็นบ้านเพียงหลังเดียว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นำเสนอความหลากหลายของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นผ่านเรือนจริงที่ได้รับการอนุรักษ์และย้ายมาจัดแสดงในพื้นที่เดียวกัน หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของที่นี่คือ “เรือนอนุสารสุนทร” ที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการในหัวข้อ “ภูมิปัญญาช่างสล่าสร้างเรือน” ภายในเรือนได้รับการออกแบบเชิงนิทรรศการที่มีโครงสร้างชัดเจน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ วิถีชีวิตของชาวล้านนา ความรู้เกี่ยวกับไม้พื้นถิ่น และเครื่องมือช่างฝีมือในการก่อสร้างบ้าน
ห้องจัดแสดงเครื่องมือช่างไม้ ณ เรือนอนุสารสุนทร พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ แสดงภูมิปัญญาการสร้างบ้านล้านนาอย่างเป็นระบบ ผ่านการจัดวางเครื่องมือจริง พร้อมป้ายคำอธิบายและแบบจำลอง เป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์บ้านที่เน้นการเรียนรู้เชิงเทคนิคและวัฒนธรรมช่างท้องถิ่น (ภาพจาก Chiang Mai University Art & Culture Center. (n.d.). Local wisdom and the building of Lanna houses [Photograph]. https://art-culture.cmu.ac.th/public/img/uploadfile/1643967222-n604849d39.jpg)
นิทรรศการนำเสนอผ่านแบบจำลอง แผนผัง ข้อความอธิบาย และเครื่องมือของช่างไม้ ผู้ชมจะได้เรียนรู้ว่ารูปแบบการจัดพื้นที่อยู่อาศัยสะท้อนความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างไร ไม้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความเชื่อที่เกี่ยวข้องอย่างไร และช่างไม้พื้นบ้านใช้เครื่องมือแบบใดในการสร้างบ้านอย่างแม่นยำ แนวทางของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงมอง “บ้าน” ไม่เพียงในฐานะสถานที่แห่งความทรงจำ แต่เป็น “แหล่งความรู้” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชน วัสดุธรรมชาติ และภูมิปัญญาทางช่าง โดยเน้นการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบและการเรียนรู้ผ่านวัตถุ ทำให้ผู้ชมสามารถเชื่อมโยงอดีตกับระบบคิดของชุมชนท้องถิ่น
3. บ้านในฐานะสัญลักษณ์ทางการเมือง
ในย่านบาลีสเตียร์ของประเทศสิงคโปร์ มีวิลล่าสองชั้นสไตล์โคโลเนียลที่มีชื่อว่า “หวั่นชิงหยวน” หรือที่รู้จักกันในชื่อ อนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็นหนานยาง วิลล่าแห่งนี้เคยเป็นฐานปฏิบัติการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ดร.ซุน ยัด เซ็น ผู้นำการปฏิวัติที่โค่นล้มราชวงศ์ชิงของจีนเมื่อ ค.ศ. 1911 ปัจจุบันอาคารหลังนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์ อุดมการณ์ และการจัดแสดงนิทรรศการที่ร่วมสมัย
แนวคิดการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์นี้เน้นการเล่าเรื่องเป็นธีม และสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์อย่างเด่นชัด แกลเลอรีแรกเล่าถึงที่มาของอาคารและผู้สนับสนุนคนสำคัญในสิงคโปร์ เช่น เตียว อิ๊ง ฮอก และลิ้ม หนี่ ซุน ขณะที่แกลเลอรีอื่น ๆ นำผู้ชมไปสำรวจบทบาทของสิงคโปร์ในฐานะส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการเมืองจีนและการสร้างอัตลักษณ์ของชาวจีนโพ้นทะเล หนึ่งในการจัดแสดงที่น่าจดจำคือ การติดตั้งฝูงอีกาสีดำจำนวน 100 ตัว ซึ่งอ้างอิงถึงตำนานที่เล่าว่าอีกาเหล่านี้ปรากฏตัวหลังจากการก่อตั้งสมาคมทงเหมิงฮุ่ย การตีความในพิพิธภัณฑ์มองว่าสัญลักษณ์นี้สะท้อนถึงลางบอกเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ห้องจัดแสดงภายในอนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็นหนานยาง ประเทศสิงคโปร์ สถานที่ที่ ดร.ซุน ยัด เซ็น เคยใช้เป็นฐานบัญชาการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับขบวนการปฏิวัติจีน พื้นที่นี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เชื่อมโยงบุคคล ผู้สนับสนุน และวัตถุเชิงสัญลักษณ์ แนวทางการจัดแสดงแบบนี้กระตุ้นความทรงจำร่วม และสร้างพลังทางอุดมการณ์ให้กับผู้ชม (ภาพจาก Sun Yat Sen Nanyang Memorial Hall. (n.d.). Exhibition gallery [Photograph]. https://images.squarespace-cdn.com/content/v1/612caa0bdb02db59e56b448c/1630402896266-4E4C8YMXWA2ORVAX6LHC/SYS_5.jpeg)
ประสบการณ์ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกและการมีส่วนร่วม ผู้ชมจะได้พบกับภาพถ่ายหายาก วัตถุจัดแสดงที่มีความหมายทางสัญลักษณ์ เช่น ลายมือคำว่า “博愛” (โป่อ้าย) ซึ่งแปลว่า “เมตตาธรรมสากล” โดย ดร.ซุน ยัด เซ็น และจุดเชื่อมโยงต่าง ๆ ที่เปิดมุมมองต่อแนวคิดการปฏิวัติในระดับสากล พิพิธภัณฑ์บ้านแห่งนี้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงเก็บรักษาประวัติศาสตร์ แต่ยังสร้างพลังทางความคิดและแรงบันดาลใจด้านการเมืองและอัตลักษณ์ร่วมในสังคม
เมื่อพิจารณาพิพิธภัณฑ์บ้านทั้งสามผ่านสายตานักพิพิธภัณฑ์ แต่ละแห่งมีแนวทางการเล่าเรื่องและวัตถุประสงค์ในการจัดแสดงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของอารมณ์ที่ต้องการสื่อ ความรู้ที่ถ่ายทอด และบทบาทที่เปิดให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม ดังที่จะได้วิเคราะห์ต่อไปในส่วนถัดไป
4. อ่านพิพิธภัณฑ์บ้านผ่านมุมมองการจัดแสดง
แนวทางการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์บ้านแต่ละแห่งที่กล่าวมานั้น ไม่ได้เป็นเพียงการออกแบบทางกายภาพ แต่ยังสะท้อนชุดความคิดเบื้องหลังว่า "บ้าน" ควรสื่อสารกับผู้ชมอย่างไร บ้านเติ๋นกี๋ในเวียดนามเน้นประสบการณ์ส่วนตัวที่อบอุ่น เป็นบ้านที่ยังมีเจ้าของบ้านรุ่นหลังยังอาศัยอยู่ และผู้ชมรับรู้เรื่องราวผ่านบรรยากาศ สิ่งของ และการบอกเล่าอย่างไม่เป็นทางการ บ้านหลังนี้จึงไม่เพียงเป็นพื้นที่แห่งความทรงจำ แต่เป็นความทรงจำที่ยังหายใจอยู่ โดยผู้ชมจะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปเยือนบ้านของใครสักคน
ในทางตรงกันข้าม พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนาในเชียงใหม่มีลักษณะของการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ มีโครงสร้างเนื้อหาชัดเจน โดยจัดแสดงให้ผู้ชมเข้าใจวัฒนธรรมล้านนาในมิติต่าง ๆ เช่น การใช้พื้นที่อยู่อาศัยตามความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว การเลือกใช้ไม้ในงานสถาปัตยกรรม และเครื่องมือพื้นบ้านที่ใช้ในการสร้างเรือน การจัดแสดงที่นี่จึงเสมือนห้องเรียนที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาพื้นถิ่นผ่านวัตถุและคำอธิบายประกอบ
สำหรับอนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็นหนานยางในสิงคโปร์ บ้านหลังนี้ทำหน้าที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง บ้านกลายเป็นเวทีสำหรับเล่าเรื่องทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ของจีนกับชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลในภูมิภาคนี้ การจัดแสดงเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ที่กำหนดเรื่องราวอย่างเป็นลำดับ และฉากตอนในประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงด้วยเครื่องเรือนและการจัดวางให้จินตนาการพาผู้ชมย้อนไปในเหตุการณ์ กล่าวได้ว่าผู้ชมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้เพียงแค่ชมบ้าน แต่กลายเป็นผู้รับรู้ และอาจกล่าวได้ว่าเป็น "พยาน" ต่อการเคลื่อนไหวทางอุดมการณ์ในประวัติศาสตร์
เมื่อมองในภาพรวม เราจะพบว่าพิพิธภัณฑ์ทั้งสามแห่งสร้างบทบาทที่แตกต่างให้กับผู้ชม บ้านเติ๋นกี๋ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนเป็นแขกของครอบครัว เรือนล้านนาเปลี่ยนผู้ชมให้เป็นนักเรียนผู้ใฝ่รู้ ส่วนซุนยัดเซ็นผลักดันให้ผู้ชมกลายเป็นผู้ตั้งคำถามกับสังคมและประวัติศาสตร์ แนวทางการตีความในแต่ละแห่งจึงมีผลต่อความรู้สึก การเรียนรู้ และแรงบันดาลใจที่ผู้ชมจะได้รับ
แทนที่จะเสนอการจำแนกแบบตายตัวและแยกขาด บทความนี้ต้องการชวนให้ผู้อ่านมองพิพิธภัณฑ์บ้านผ่านกรอบคิดที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะในความเป็นจริง พิพิธภัณฑ์บ้านหลายแห่งมิได้เลือกใช้แนวทางใดแนวทางหนึ่งโดยลำพัง หากแต่ผสมผสานหลายวิธีเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมกับเรื่องเล่าและกลุ่มเป้าหมาย บ้านเก่าในอดีตอาจจัดแสดงข้าวของดั้งเดิมเพื่อคงความรู้สึกของความทรงจำส่วนบุคคลแบบที่พบในบ้านเติ๋นกี๋ ขณะเดียวกันก็สามารถจัดกิจกรรมเชิงการศึกษา เช่น เวิร์กช็อปการใช้เครื่องมือช่างพื้นบ้านตามแบบของเรือนโบราณล้านนา หรือเล่าเรื่องในบริบททางการเมืองเช่นเดียวกับอนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็นหนานยางในสิงคโปร์
การทำพิพิธภัณฑ์บ้านจึงไม่ได้อยู่ที่การเลือกโมเดลใดโมเดลหนึ่งให้ “ถูกต้อง” หากแต่อยู่ที่ความตั้งใจในการเลือกแนวทางการเล่าเรื่องให้เหมาะสมกับสารที่ต้องการสื่อ บริบททางวัฒนธรรม และผู้ชมที่เราอยากให้มีส่วนร่วม เพราะท้ายที่สุดแล้ว พิพิธภัณฑ์บ้านไม่ใช่ “บ้านเก่าที่หยุดนิ่ง” หากคือ “เรื่องเล่าที่มีชีวิต” ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามผู้ที่เข้ามาสัมผัสและตีความ
เพื่อช่วยให้เห็นภาพแนวทางเหล่านี้อย่างชัดเจน อาจใช้แผนภาพสามเหลี่ยมเป็นเครื่องมือประกอบการวิเคราะห์ โดยวางจุดเน้นหลักสามด้านไว้ที่แต่ละมุมของสามเหลี่ยม
พิพิธภัณฑ์สามารถปรับจุดเน้นตามผู้ชม หัวข้อจัดแสดง หรือภารกิจขององค์กรได้อย่างยืดหยุ่น แผนภาพนี้จึงไม่ได้เป็นแผนที่ที่ตายตัว แต่เป็นเครื่องมือในการตั้งคำถามเพื่อประเมินทิศทางของพิพิธภัณฑ์บ้านว่ากำลังพาผู้ชมให้กลายเป็น “ผู้มีส่วนร่วมในเรื่องเล่า” “นักเรียนผู้ใฝ่รู้วัฒนธรรม” หรือ “พยานต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคม” ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบทบาทที่ทรงพลังและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ด้วยเหตุนี้ ภัณฑารักษ์ นักการศึกษา และผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ควรถามตนเองเสมอว่า เรากำลังสร้างประสบการณ์แบบไหนให้กับผู้ชม เราต้องการให้ผู้ชม "เป็นส่วนหนึ่ง" กับความทรงจำอย่างไร ผู้ชมกำลัง "เรียนรู้" ผ่านวัตถุจัดแสดง หรือ "ตั้งคำถาม" กับอดีตเพื่อคิดต่อในอนาคต การตระหนักรู้ถึงรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้การออกแบบพิพิธภัณฑ์มีความตั้งใจ ชัดเจน และเชื่อมโยงกับผู้ชมมากยิ่งขึ้น
พิพิธภัณฑ์บ้านชวนให้เราตระหนักว่า “มรดกทางวัฒนธรรม” มิใช่เพียงสิ่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึง “วิธีที่เรานำเสนอและเล่าเรื่อง” ในฐานะพื้นที่ของชีวิต ความเชื่อ ประเพณี และความทรงจำร่วม พิพิธภัณฑ์บ้านท้าทายให้ผู้จัดแสดงขยายมุมมองจากลักษณะทางกายภาพ สู่การสร้างความหมายที่ซ้อนทับอยู่ในตัวสถานที่เอง เมื่อเราเข้าใจแนวทางการจัดแสดงที่หลากหลายและซับซ้อน เราจะสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ไม่เพียงรักษาบ้านเก่า แต่ยังทำให้ “บ้าน” เหล่านั้นบอกเล่าอย่างมีชีวิตอีกครั้ง
ภาพปก บ้านตุ๊กตาจากนิทรรศการ Small Stories ณ Museum of Childhood สะท้อนการ “จัดวาง” ที่ฉายภาพความคิด ความทรงจำ และจินตนาการของเด็ก เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์บ้านที่ใช้พื้นที่และวัตถุในการสร้างเรื่องเล่าที่มีความหมาย ที่นำไปสู่การตีความที่ลุ่มลึก (ภาพจาก Yang, R. (2014). Small Stories in Museum of Childhood [Photograph]. The Upcoming. https://www.theupcoming.co.uk/wp-content/uploads/2014/12/Small-Stories-in-Museum-of-Childhood-by-Rosie-Yang-6.jpg)
อ้างอิง
สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์. (ม.ป.ป.). นิทรรศการภูมิปัญญา สล่าสร้างเรือน, พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568, จาก https://accl.cmu.ac.th/Museum/contentdetail/2484
Bliss Hoi An. (2024, September 12). Tan Ky Old House. Retrieved April 23, 2025, from https://blisshoian.com/news/tan-ky-oid-house/
National Archives of Singapore. (2011). Official re-opening of Sun Yat Sen Nanyang Memorial Hall: Press release. Retrieved April 28, 2025, from https://www.nas.gov.sg/archivesonline/data/pdfdoc/20111015001/official_re-opening_of_sysnmh_press_release_final.pdf
National Heritage Board. (2024). Closure notice. Sun Yat Sen Nanyang Memorial Hall. Retrieved April 28, 2025, from https://www.sysnmh.org.sg/en/whats-on/events/closure-notice
Nguyen, P. M. (2024, November 26). Tan Ky old house Hoi An. Authentik Travel. Retrieved April 23, 2025, from https://authentiktravel.com/tan-ky-old-house-hoi-an
Singapore Tourism Board. (n.d.). Sun Yat Sen Nanyang Memorial Hall. Visit Singapore. Retrieved April 28, 2025, from https://www.visitsingapore.com/th_th/see-do-singapore/history/memorials/sun-yat-sen-memorial-hall/
Sun Yat Sen Nanyang Memorial Hall. (n.d.). Visitor guide booklet. National Heritage Board.
The Straits Times. (2021, January 18). Revamped gallery lets visitors explore Singapore's early link to modern China. Retrieved April 28, 2025, from https://www.straitstimes.com/singapore/revamped-gallery-lets-visitors-explore-singapores-early-link-to-modern-china
VinWonders. (2023, March 24). Tan Ky Old House: A living museum with more than 200 years old in Hoi An. Retrieved April 23, 2025, from https://vinwonders.com/en/wonderpedia/news/tan-ky-old-house-a-living-museum-with-more-than-200-years-old-in-hoi-an/
อ่านเพิ่มเติมใน Fun Facts on Muse
หากคุณอยากรู้ว่าบ้านเก่าแต่ละหลัง “เล่าเรื่อง” อย่างไร ลองไปสำรวจรายละเอียดของพิพิธภัณฑ์บ้านทั้งสามแห่งในคอลัมน์ Fun Facts on Muse ดังนี้
บ้านเติ๋นกี๋ กับเสน่ห์ของชีวิตที่ยังหายใจอยู่ในเมืองเก่าฮอยอัน
museumsiam.org/FunFactsOnMuse_TanKyOldHouse
เรือนโบราณล้านนา ที่เปิดโลกภูมิปัญญาช่างไม้และวัฒนธรรมพื้นถิ่นล้านนา
museumsiam.org/FunFactsOnMuse_LannaHouses
อนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็น กับเรื่องเล่าทางการเมืองที่เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นเวทีประวัติศาสตร์
museumsiam.org/FunFactsOnMuse_MemorialHall