ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงการรับปริญญากันแล้ว นายกบแดงขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ป้ายแดงทุกคนด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ นายกบแดงขอแนะนำเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับชุดครุยมาฝากเพื่อนๆ กันนะครับ
"ชุดครุย" เป็นเสื้อคลุมทับด้านนอก ใช้สวมเพื่อเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ แสดงถึงหน้าที่ในพิธีการ หรือแสดง วิทยฐานะ ชุดครุยในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชุดครุยเป็นแบบโบราณพระราชพิธีไทย เนื้อผ้าโปร่ง สีขาว เรียกว่า “ครุยเทวดา”
ส่วนชุดครุยอีกประเภทที่นิยมใช้ในมหาวิทยาลัยอื่นๆ จะเป็นชุด “ครุยแบบตะวันตก” มีลักษณะเป็นชุดครุยคลุม และมีสีดำ การสวมชุดครุยของไทยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าได้รับแบบมาจากที่ใด การสวมเสื้อครุย น่าจะเริ่มขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อพระวิสูตรสุนทร (โกษาปาน) เป็นราชทูต ไปเจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส ขณะนั้นท่านราชทูตแต่งกายด้วยการสวมเสื้อเยียรบับ มีกลีบทอง ดอกไม้ทอง และสวมเสื้อครุย
ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีพระราชกำหนดเสื้อครุย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ร.ศ. 130 กำหนดเสื้อครุยข้าราชการไว้ 3 ชั้น เรียกว่าครุยเสนามาตย์แบ่งเป็นชั้น ปริญญาเอก เรียกว่า ”ดุษฎีบัณฑิต“ ปริญญาโท เรียกว่า “มหาบัณฑิต“ และปริญญาตรี เรียกว่า “บัณฑิต“
และนอกจากนี้ยังมีครุยวิทยะฐานะสำหรับผู้สำเร็จวิชาการจากมหาวิทยาลัยลับ และวิทยาลัยชั้นสูง "เสื้อครุยวิทยะฐานะ" มีขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยประมาณ ร.ศ.116 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกเสื้อครุยนั้นว่า เสื้อครุยเนติบัณฑิต
ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ พระราชกำหนด เสื้อครุยบัณฑิต ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นการพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 มอบแก่นิสิตที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แล้วหลังจากนั้นต่อมา บัณฑิตจากสถาบันการศึกษาต่างๆ จึงได้มีการสวมครุยในวันเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมากระทั่งทุกวันนี