8 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันสำคัญของปวงประชาทาสแมว เพราะวันนี้เป็นวันแมวโลก หรือ World Cat Day วันแมวโลกนี้ถูกบรรจุในสารบบวันสำคัญของโลกเมื่อปี ค.ศ. 2002 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในตัวเจ้านาย เพื่อเรียนรู้ และหาหนทางที่จะช่วยเหลือปกป้องเจ้านายแมวทั้งหลาย
ไหนๆ วันนี้ก็มีขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในตัวเจ้านายแล้ว จึงอยากแนะนำทาสแมวให้รู้จักกับหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีความก้าวหน้า มีความสุดขั้ว แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะภาพขีดสุดที่บรรดาทาสน่าจะนึกไม่ถึง หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า Why Cats Paint? เขียนโดย Heather Busch and Burton Silver พิมพ์ปี ค.ศ. 1994
ก่อนที่จะตอบคำถามว่าทำไมแมวถึงวาดรูป เราคงต้องเชื่อกันก่อนว่าภาพที่เห็นนี้เป็น “ภาพ” ที่แมว “วาด” จริงๆ อย่างตั้งใจ
ผู้เขียนหนังสือพยายามพิสูจน์ว่าภาพที่ปรากฏจากการขีดเขียนด้วยมือกลมๆของแมวมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของแมวในรูปฟอร์มแบบใดแบบหนึ่ง และมันไม่ใช่ความบังเอิญที่สีที่แมว “เลือก”ใช้ก็เป็นสีที่สัมพันธ์กับสิ่งเบื้องหน้า เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ผู้เขียนก็มองว่าผลงานที่แมวทำเหล่านี้ที่จริงแล้วเป็นงานศิลปะ และเมื่อมันเป็นงานศิลปะ ผู้สร้างงานคือแมวก็จึงเป็นศิลปินไปอย่างไม่ต้องสงสัย แถมภาพวาดโดยเหล่าศิลปินแมวนี้ยังมีชื่อสกุลศิลปะของมันเองอีกด้วย เช่น Abstract Expressionist, Romantic Ruralist, Psychometric Impressionist, Trans-Expressionist etc.....
แน่นอนว่าโลกของศิลปินนั้น ไม่ว่าแมวหรือคนย่อมไม่แตกต่างกัน แต่ละคน/ตัวมีความแตกต่างล้ำเลิศกันไปตามแนวศิลปะ ในบรรดาศิลปินทั้งหลายย่อมมีศิลปินใหญ่ที่พิชิตรางวัลสุดยอด ศิลปินแมวก็เช่นกัน ชื่อ Bootsie สมควรได้รับการจดจารไว้ให้ทาสรู้จักในฐานะสุดยอดศิลปินซึ่งมีงานแสดงถึง 5 ครั้งใน 4ปี และได้รับรางวัล Golden Paw จาก Exposizione dell’ Arte Felino ที่ Milan ในปี 1993
แล้วนายท่านทั้งหลายวาดรูปกันทำไม???
ผู้เขียนได้ให้คำอธิบายว่า การวาดของแมวนั้นเป็นการแสดงออกซึ่งแรงขับด้านสุนทรียะบรรดานายท่านทั้งหลายนั้นได้แสดงออกซึ่งสุนทรียะกันมาเนิ่นนานนับจากยุคอียิปต์บนกระดาษปาปิรุส การทำรอยขูดขีดหรือการ mark ต่างๆ แท้จริงแล้วไม่ใช่การทำลายข้าวของเล่นๆอย่างที่ทาสแมวเข้าใจ แต่มันคือการแสดงออกเชิงสุนทรียะที่แมวต้องการจารึกไว้บนสิ่งต่างๆต่างหาก ในแง่นี้แมวทุกตัวมีจิตใจที่สัมผัส “ความงาม” และแสดงออกได้ แต่มีแมวบางตัวเท่านั้นที่ฝีมือบรรเจิดขั้นที่เรียกได้ว่าเป็น “ศิลปิน” ดังเช่นแมวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้
แล้วทาสอย่างเราจะรู้เรื่องนี้ไปทำไม?
Heather Busch and Burton Silver ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวไว้ในบทนำว่าพวกเขาเชื่อว่าทุกสปีชีส์บนโลกใบนี้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกันที่จะกำหนดตัวตนของตัวเอง มนุษย์ควรกดกักความปรารถนาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ตัดสิน แทรกแซงการพัฒนาสุนทรียะของแมวจากมุมของมนุษย์ สิ่งที่เราต้องทำคือการปล่อยให้แมวบางตัวที่สามารถวาดรูปได้พัฒนาศักยภาพพิเศษของตนเอง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเราถึงจะมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถสื่อสารทัศนะที่มีต่อโลกอย่างมีความพิเศษ มีความเฉพาะตัว และนี่อาจจะเป็นการบอกใบ้กับเราว่าหากเราปรารถนาที่จะเห็นการอยู่รอดของทุกสปีชีส์ เราควรไว้ใจให้พวกเขาได้บอกเล่า “ความจริง”
ในทัศนะของเขาให้เราฟัง
กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะบอกกล่าวทาสแมวด้วยกันว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยเราจะไม่มีโรงเรียนสอนศิลปะแมว หรือแม้แต่จะศึกษาว่าแมวทำอย่างอื่นได้อีกหรือไม่นอกจากจับหนูและนอนวันละ 20 ชั่วโมง การได้อ่านงานเล่มนี้ก็ได้เปิดตาทาสแมวคนหนึ่งให้เห็นในศักยภาพแฝงเร้นของหมู่แมว ทำให้สามารถเข้าใจได้ว่าที่เจ้านายที่บ้านนั่งเหม่อมองไปในความว่างเปล่าเป็นนานสองนานนั้น แท้จริงอาจจะไม่ได้กำลังง่วงนอน หรือกำลังจ้องนกหนู แต่ท่านอาจจะกำลังหยั่งถึงโลกและสั่งสมญาณทัศนะศิลปะ
จนอาจจะระเบิดออกมาเป็นสกุลศิลปะของตนเองวันใดวันหนึ่งก็เป็นได้
สุขสันต์วันแมวโลก หวังว่าทาสทั้งหลายจะเข้าใจเจ้านายที่บ้านได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น!!!