เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ ทุก ๆ ปี โพลหลายสำนักต่างนำเสนอ“ผลการสำรวจสถานการณ์เรื่องเพศของวัยรุ่นไทย”คล้าย ๆ กัน บ้างก็ว่าวัยรุ่นไทยมีเซ็กส์กันเร็วขึ้น วัยรุ่นไทยตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ยอมรับการอยู่ก่อนแต่งมากขึ้น ฯลฯ เมื่ออ่านผลโพลทั้งหมดที่มีอาจเชื่อได้ไม่ยากว่าวัยรุ่นไทยกำลังเดินทางไปสู่ความเสื่อม
ทำเอาพ่อแม่ครูอาจารย์เกิดความวิตกกังวลมากเป็นพิเศษในช่วงเวลาดังกล่าวว่า ลูกหลานลูกศิษย์ของตนจะกลายเป็นอาชญากรก่อคดีความรักในคืนวันวาเลนไทน์หรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจัดชุดสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตรวจตราสถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรมม่านรูด สวนสาธารณะอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการ “เสียตัว เสียคน เสียอนาคต” ในคืนวันเสียตัวแห่งชาติ
ความกังวลใจดังกล่าวเกิดขึ้นบนความคิดที่ว่าวัยรุ่นหลงลืมวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ขาดภูมิคุ้มกันทางสังคมจนรับเอาความเชื่อค่านิยมที่ผิดมาจากตะวันตกอย่างขาดสติ โดยพุ่งเป้าไปที่พฤติกรรมทางเพศเป็นหลัก กล่าวให้ชัดก็คือรู้สึกเป็นกังวลที่วัยรุ่นไทยรับเอาความเชื่อ ค่านิยมผิด ๆ เรื่องเสียตัวมาจากฝรั่ง เพราะไม่ได้รับการปลูกฝังศีลธรรมและคุณธรรมอย่างถูกต้อง แต่ถ้าสังเกตให้ดีเป็นการพูดกับวัยรุ่นหญิงเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
ในแบบเรียนสุขศึกษาและพละศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้บรรจุวัฒนธรรมทางเพศที่ดีงามของสังคมไทย เช่น “อย่าชิงสุกก่อนห่าม”, “รักนวลสงวนตัว”, “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน”, เข้าตามตรอกออกตามประตู” ส่วนความคิดอย่างฝรั่งที่ว่า “ความคิดความเชื่อเรื่องเพศเสรี (Free Sex) ในสังคมตะวันตกที่วัยรุ่นหญิงมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนชายในการนัดพบกันเป็นเรื่องปกติ” เป็นค่านิยมที่ไม่ควรทำตาม หากเกิดอารมณ์ทางเพศให้หันเหความสนใจไปทำกิจกรรมอื่น ๆ แทน เช่น เตะฟุตบอล เล่นดนตรี ช่วยแม่ทำงานบ้าน หางานอดิเรกทำ เป็นต้น วัยรุ่นชายเท่านั้นที่สามารถใช้สิทธิช่วยตัวเองได้ จะเห็นได้ว่าแบบเรียนได้สอดแทรกวาทกรรมให้คุณค่ากับพรหมจรรย์ของผู้หญิงอย่างแนบเนียน
นักประวัติศาสตร์หลายท่านตั้งข้อสังเกตว่า แต่เดิมสังคมสยามไม่ได้ให้คุณค่ากับพรหมจรรย์ของผู้หญิง เพราะเป็นสังคมหญิงเป็นใหญ่เหมือนสังคมอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เพิ่งมาเปลี่ยนมาให้คุณค่าก็ต่อเมื่อรับระบบการสืบสกุลสถานะและทรัพย์สินทางฝ่ายพ่อ เพราะต้องระบุให้ได้แน่ชัดว่าเด็กที่เกิดมาเป็นลูกของผู้ชาย (ลูกพ่อ) จริงหรือไม่ ในแง่นี้การรักษาพรหมจรรย์ของผู้หญิงก่อนการสมรสจึงเป็นเรื่องใหญ่
ราวสมัยรัชกาลที่ 5 เราเริ่มรับเอาความเชื่อในเรื่องเพศแบบวิคทอเรียนมาใช้ กล่าวคือ การแต่งงานทำให้ได้รับสิทธิ์มีเพศสัมพันธ์และเป็นไปเพื่อการผลิตทายาทเท่านั้นหากเกินเลยกว่านี้เป็นสิ่งชั่วช้า ผู้หญิงไม่ควรมีความต้องการทางเพศ ต้องแต่งกายให้มิดชิด มีหน้าที่เพียงดูแลบ้านและลูก นับจากนั้นมาวาทกรรม “รักษาพรหมจารีเพื่อคนรัก” ถูกใช้อย่างเข้มข้นแต่จำกัดวงอยู่ในกลุ่มชนชั้นสูงที่มีเป้าหมายในการหาคู่ครอง และความบริสุทธิ์ของผู้หญิงเป็นมายาคติที่ถูกนำมาใช้ในการแบ่งแยกกุลสตรีออกจากหญิงเลวอีกด้วย
เมื่อเวลาผ่านไป ปฏิบัติการของวาทกรรมที่พยายามควบคุมเพศวิถีของฝ่ายหญิงค่อย ๆ คลายลง โดยปัจจุบัน “วัยรุ่น” มองเรื่องเพศเป็นเรื่องเปิดกว้าง ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอย่างที่เคยถูกพร่ำสอนให้เชื่อเช่นนั้น แต่สำหรับ “ผู้ใหญ่” เป็นเรื่องตรงกันข้ามมอง ว่าจะนำไปสู่ปัญหาสังคม จึงทำการสร้างวาทกรรมใหม่ขึ้นมาเพื่อให้การควบคุมยังดำรงอยู่ต่อไป เช่น
“ส่งเสริมค่านิยมที่ถูกต้องในวันวาเลนไทน์ บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อบิดามารดา และสังคม แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องกามารมณ์ หรือสิ่งที่พาให้ใจไขว้เขว ฟุ้งซ่าน เพียงเท่านี้ ชีวิตก็จะมีคุณค่า และเป็นแบบอย่างที่ดีของโลก เพราะหากเรามีความรักที่แท้จริงให้แก่กัน เราย่อมมีความสุขุมเพียงพอที่จะเก็บรักษาสิ่งสำคัญนี้ ไว้เพื่อคนสำคัญของเรา ในโอกาสที่ถูกทำนองคลองธรรม และไม่เป็นการทำร้าย หรือทำลายกัน”
รูปธรรมชัดเจนที่สุดของปฏิบัติการวาทกรรมชุดใหม่นี้ คือการที่รัฐบาลได้สร้าง “วันกตัญญูแห่งชาติ” ขึ้นมา เพื่อช่วงชิงการให้ความหมายของความรัก เป็นการให้คุณค่าความรักที่สูงส่งกว่าความรักฉันท์หนุ่มสาว โดยยึดโยงกับหลักธรรมคำสั่งสอนทางพุทธศาสนา โดยประกาศให้วันกตัญญูแห่งชาติตรงกับวันมาฆบูชาของทุกปี และพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชากลายเป็น “วันแห่งความรักที่แท้จริง” เพื่อตอบโต้กับวันวาเลนไทน์ “วันแห่งความรัก” ซึ่งทั้งสองวันนี้มักอยู่ในช่วงเวลาใกล้กัน
“ในพ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวันมาฆบูชาที่อาจถือได้ว่าเป็นวันแห่งความรักของพระพุทธศาสนาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาในปฏิทินจันทรคติในวันเพ็ญเดือนสามมักจะใกล้กับช่วงวันวาเลนไทน์ อันเป็นเทศกาลวันแห่งความรักของคริสต์ศาสนา ซึ่งวัยรุ่นไทยบางกลุ่มมักยึดถือคติค่านิยมวันแห่งความรักในวันวาเลนไทน์ผิด ๆ โดยนิยมยึดถือกันว่าเป็นวันแห่งความรักของคนหนุ่มสาวซึ่งส่งผลกระทบต่อค่านิยมทางจริยธรรมและศีลธรรมของวัยรุ่น รัฐบาลไทยในสมัยนั้นจึงได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็นวันกตัญญูแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่เหมาะสมแก่วัยรุ่นไทย ให้หันมาสนใจกับความรักอันบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งตอบแทน แทนที่จะไปมัวเมากับความรักใคร่ชู้สาวหรือเรื่องฉาบฉวยทางเพศของหนุ่มสาวอันจะก่อให้เกิดปัญหาแก่สังคมตามมา”
จะเห็นได้ว่าความพยายามในการดัดแปลงวันแห่งความรักแบบฝรั่ง ให้เป็นวันแห่งความรักแบบไทย โดยมีวันมาฆบูชาเป็นฉากหน้าเพียงเพื่อปะทะกับวันวาเลนไทน์เท่านั้น แต่ผลที่ตามมาเป็นการลดความสำคัญของวันมาฆบูชาที่เป็นวันประกาศคำสอนอันเป็นหัวใจในทางพุทธศาสนาลง และเป็นการสร้างความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างศาสนาอย่างลึก ๆ อีกด้วย
เมื่อทำการถอดรหัสวันวาเลนไทน์-วาเลนไทย จากวาทกรรมดั้งเดิมคือ “รักนวลสงวนตัว” สู่วาทกรรมใหม่ “ความกตัญญู” ที่เข้ามาซ้อนทับอีกชั้นหนึ่งในระยะหลังนี้ อาจเขียนให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า
วันวาเลนไทน์ คือ วันเชิดชูความเป็นกุลสตรีตามแบบอย่างวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ด้วยการรณรงค์ให้วัยรุ่นหญิงรักษาความเป็น “สาวเวอร์จิ้น” ไว้จนกว่าจะแต่งงานให้ถูกต้อง พวกเธอไม่ควรตกเป็นทาสทางอารมณ์จนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เดี๋ยวปัญหาสังคมจะตามมา ถ้าพวกเธอชิงสุกก่อนห่ามก็จะมีมลทินติดตัวไปตลอดชีวิต สิ่งนี้จะทำให้พ่อแม่อับอายขายขี้หน้าและจะกลายเป็นลูกสาวที่อกตัญญูอีกด้วย
สรวิชญ์ ฤทธิจรูญโรจน์
ปัณณพร เทพพานิช. (2559). จงรักนวลสงวนกาย : อำนาจรัฐไทยในแบบเรียนสุขศึกษา. วารสารภาษาและวัฒนธรรม ฉบับที่ 35 ฉบับพิเศษ. http://www.lc.mahidol.ac.th/lcjournal/FullPaper/JLC35-special-Pannaporn-TP.pdf
กรกฤช สมจิตรานุกิจ (2556). สุจิตต์ วงษ์เทศ รื้อถอนวาทกรรม “สาวไทยต้องรักตัวสงวนตัว” เว็บไซต์ประชาไท เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 https://prachatai.com/journal/2013/05/46559
ชเนตตี ทินนามและอรวรรณ ปิลันธน์โอวาท. (2554). ผู้หญิงหายไปไหนในวาทกรรมพรหมจารี ?: มุมมองจากสื่อ พ.ศ.2449-2519. วารสารวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 เดือนเมษายน – กันยายน http://www.bec.nu.ac.th/bpm/misjournal/files/13297175552-chanetree.pdf
ไทยรัฐออนไลน์ (2553). “ค่านิยมวันวาเลนไทน์ ฆ่านิยมวันเสียตัวแห่งชาติ” เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 https://www.thairath.co.th/content/63658
ระเบียบรัตน์เตือนวัยโจ๋วาเลนไทน์ วันเสียสาวแห่งชาติ ย้ำรักครอบครัวดีกว่า เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 http://utcc2.utcc.ac.th/faculties/comarts/webjrshow/webhorkor47/news_social_2.htm
MGR Online (2547). สำรวจแนวรบสถานการณ์เรื่องเพศของวัยรุ่นไทยผ่านงานวิจัย. เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9470000077331
รู้หรือไม่? "มาฆบูชา"กับวัน"กตัญญูเเห่งชาติ" ความเป็นมาที่ชาวพุทธไทยอาจไม่รู้. (2558) ประชาชาติ ธุรกิจ เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1425451064
#Museum's Core, #Museumscore, #Raw Materials