Museum Core
เมื่อตลกเตะฝรั่ง: ความเดือดดาลใต้เสียงหัวเราะในภาพยนตร์ไทยยุควิกฤต 40
Museum Core
19 มี.ค. 61 2K

ผู้เขียน : อิทธิเดช พระเพ็ชร

เมื่อตลกเตะฝรั่ง: ความเดือดดาลใต้เสียงหัวเราะในภาพยนตร์ไทยุควิกฤต 40

 

 


วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งใน พ.ศ. 2540 ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยเป็นวงกว้างแทบทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม แน่นอนว่าวงการภาพยนตร์ไทยก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้อย่างเด่นชัด จากในทศวรรษก่อนหน้าที่มีภาพยนตร์เข้าฉายต่อปีประมาณ 40-50 เรื่อง ลดเหลือเพียงประมาณ 10-20 เรื่องต่อปีในช่วงตลอด 5 ปีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ทว่าในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งนี้ กลับเป็นช่วงเวลาที่ภาพยนตร์ไทยได้พลิกโฉมครั้งสำคัญและก่อให้เกิดปรากฏการณ์มากมายทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนรายได้และความนิยมถล่มทลายของภาพยนตร์หลายเรื่องอย่างมิเคยปรากฏมาก่อน จนทำให้ภาพยนตร์ไทยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทางสังคมและวัฒนธรรมไทยอย่างเด่นชัด

 


ในช่วงเวลาดังกล่าว หากเราใช้แนวคิดการศึกษาภาพยนตร์ในเชิงวัฒนธรรมศึกษา (Cultural Studies) โดยใช้กรอบการมองแบบสัญศาสตร์ (Semiotics) เพื่อพิจารณาการประกอบสร้างความจริง (Construction) และภาพตัวแทน (Representation) ในภาพยนตร์ จะพบความน่าสนใจยิ่งในภาพยนตร์หลายตระกูล โดยเฉพาะภาพยนตร์ตระกูลแอคชั่น-ตลก อย่าง “มือปืน/โลก/พระ/จัน” (พ.ศ. 2544) และ “ 7 ประจัญบาน ” (พ.ศ. 2545)

 


ปรากฏการณ์หนึ่งที่สำคัญของสังคมไทยภายหลังวิกฤตต้มยำกุ้งคือสายตาการมองความเป็นตะวันตกที่เปลี่ยนไป เหตุมาจากความเชื่อว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากความหลงใหลในการพัฒนาประเทศตามแบบทุนนิยมตะวันตก ประกอบกับการที่รัฐบาลไทยในขณะนั้นต้องยอมกู้เงินกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งมาพร้อมกับการต้องยินยอมตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อบังคับทางเศรษฐกิจ จนนำมาสู่วลีสำคัญของยุคสมัยอย่าง “เป็นหนี้ IMF” และความรู้สึกของการตกเป็น “ทาส” ทางเศรษฐกิจและสังคมต่อตะวันตก

 


การเปลี่ยนแปลงความรู้สึกและมุมมองต่อความเป็นตะวันตกหลังวิกฤตเศรษฐกิจเห็นได้จากภาพยนตร์ไทยที่แต่เดิมในช่วงนับตั้งแต่ทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา ภาพลักษณ์ของฝรั่งตะวันตกโดยเฉพาะบทบาทการทหารและเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาจะถูกนำเสนอในภาพของฝ่ายธรรมะมากกว่าฝ่ายอธรรม ซึ่งเชื่อมโยงกับบริบทการเมืองโลกหลังสงครามเย็นภายใต้การต่อต้านและปราบปรามอิทธิพลของกลุ่มประเทศสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ของรัฐบาลไทยในขณะนั้น การนิยามผู้ร้ายในภาพยนตร์ไทยยุคก่อนหน้าจึงดำเนินอยู่บนฐานของอุดมการณ์ทางการเมืองมากกว่าความเป็น “ฝรั่ง” ในฐานะภาพตัวแทนความเป็นตะวันตก เช่น ภาพยนตร์ชุด “ทอง” ของผู้กำกับฉลอง ภักดีวิจิตร ภาพยนตร์เรื่อง อัศวิน 19, วีรบุรุษกองขยะ, เทวดาเดินดิน, ผู้ยิ่งใหญ่ชายแดน ฯลฯ หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์ชุด “ 7 ประจัญบาน ” ของ ส.อาสนจินดา ในยุคดั้งเดิม แต่ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 การสร้างภาพลักษณ์ความเป็นตะวันตกในภาพยนตร์ไทยได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ในเชิงของผู้มีวัฒนธรรมอันหยาบโลนซึ่งทำลายความดีงามของวัฒนธรรมไทย การเข้ามาหาผลประโยชน์ เข้ามายึดครองดินแดน ไปจนถึงการที่ “ฝรั่ง” ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น “ผู้แทนราษฎร” ของคนไทย ภาพดังกล่าวนี้เห็นได้ชัดจากภาพยนตร์ทั้งเรื่อง “มือปืน/โลก/พระ/จัน” และ “ 7 ประจัญบาน ”

 


ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องได้ประกอบสร้างฝรั่งในฐานะ “คนอื่น” (other) ที่เข้ามาทำลายความสวยงามและความดีงามของสังคมไทย ซึ่งแน่ชัดว่าความเปลี่ยนแปลงในการประกอบสร้างภาพฝรั่งในภาพยนตร์ไทยนี้เป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเด่นชัด กระนั้น เพียงแค่การสร้างภาพฝรั่งในฐานะคนอื่นผู้รุกรานประเทศไทยนั้นดูจะยังไม่เพียงพอต่อการบำบัดอาการเดือดดาลต่อตะวันตกได้ จำต้องสร้างฮีโร่คนไทยเป็นตัวแทนในการปราบปรามสั่งสอนฝรั่งผู้รุกรานด้วย

 


ความน่าสนใจยิ่งของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องคือ ตัวแทนฮีโร่ของไทยเป็นผู้ที่ได้รับภารกิจในลักษณะ “กู้ชาติ” โดยที่ส่วนใหญ่นักแสดงนั้นเป็นนักแสดงตลกไทย อาทิ เทพ โพธิ์งาม, หม่ำ จ๊กมก, ถั่วแระ เชิญยิ้ม, เท่ง เถิดเทิง, ค่อม ชวนชื่น เป็นต้น ประเด็นนี้ได้สะท้อนให้ความสัมพันธ์ของนักแสดงตลกต่อสังคมไทยในเชิงวัฒนธรรมอย่างสูง ดังที่ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยเสนอไว้ว่าตัวตลกหรือนักแสดงตลกในภาพยนตร์ไทยมีวัฒธรรมใกล้ชิดกับคนดู ซึ่งก็สอดคล้องในเชิงทฤษฎีที่ว่า อารมณ์ขันมีส่วนช่วยลดระยะทางสังคม (social distance) และเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนม (intimacy) ทำให้ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกสัมพันธ์ใกล้ชิดของผู้ชมต่อนักแสดงตลก นักแสดงตลกไทยจึงกลายเป็นฮีโร่ของคนไทยในการเป็นตัวแทนสั่งสอนและจัดการกับฝรั่ง

 


ในเชิงของวิธีการนำเสนอก็ใช้วิธีการแบบ “ตลกด้วยการนำเสนอของตัวละคร”(Inconsistency of Character) ผ่านตัวละครต่างๆ เช่น ในภาพยนตร์เรื่อง “มือปืน/โลก/พระ/จัน” ได้นำเสนอภาพตัวละครที่คลั่งไคล้เอลวิส เพรสลีย์แต่ถูกมองและนิยามว่าเป็นอาการ “เอ๋อ” (เอ๋อ เอลวิส) จากบทบาทของ เท่ง เถิดเทิง โดยที่เมื่อครั้งที่ยังไม่คลั่งเอลวิสนั้นกลับมีสมญานามไทยน่าเกรงขามว่า “โอ๋ เอ็ม 16 หมื่นศพสิงห์สำอาง” รวมไปถึงลักษณะบุคลิกและความสามารถของตัวละครอย่าง จ่าดับ จำเปาะ ลีลามวยไทยของ เหมาะ เชิงมวยและคนอื่นในภาพยนตร์เรื่อง “ 7 ประจัญบาน ” ก็ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทยที่สามารถต่อกร เอาชนะและขับไล่ฝรั่งให้ออกไปจากผืนแผ่นดินได้ ซึ่งกล่าวได้ว่า ภายใต้บุคลิก วิธีการและท่าทางการต่อสู้ชวนตลก กลับสามารถจัดการฝรั่งตัวร้ายได้อย่างทรงประสิทธิภาพไปพร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะ ทำให้ภาพลักษณ์อันดุดันแข็งแกร่งและทรงอิทธิพลของฝรั่งตะวันตกที่ได้ถูกนักแสดงตลกไทย “ต่อย เตะ กระทืบ” ได้เปลี่ยนสภาพ (transform) กลายเป็นเพียงภาพ “ตัวตลก” ผู้ถูกกระทำ

 


มุขตลกและอารมณ์ขันในภาพยนตร์ไทยทั้งสองเรื่อง ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางอำนาจที่ท้าทายและลดทอนภาพลักษณ์ฝรั่งผู้แข็งกร้าวให้เป็นเพียงภาพของตัวตลกที่ถูกกระทำ “เสียงหัวเราะ”ของคนไทยที่เห็นฝรั่งถูกคนไทยโดยเฉพาะนักแสดงตลก ยิง เตะ ต่อย กลายเป็นเครื่องบำบัดความอัดอั้น เดือดดาล โมโห แห่งยุคสมัยที่ฝรั่งตะวันตก (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา) ที่ถูกสร้างให้กลายเป็นคนอื่นหรือศัตรูผู้รุกรานแผ่นดินไทยและทำลายความสวยงามของยุคสมัยอย่างแจ่มชัด

 


อย่างไรก็ดี เมื่อมองในภาพกว้างของภาพยนตร์ไทยหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องต่างก็อยู่ในบริบทของภาพยนตร์ไทยที่แสดงตนเป็นภาพตัวแทนความรู้สึกและแรงปรารถนาของคนไทยในการต่อต้านและจัดการคนอื่นในฐานะศัตรูผู้รุกรานและทำลายความสงบสุข ซึ่งในด้านหนึ่งก็ได้เป็นการประกอบสร้างความเชื่อ ความคิด และเน้นย้ำโลกทัศน์ทางสังคมถึงความร่วมมือร่วมใจสามัคคีของคนไทยในชาติให้ลุกขึ้นต่อสู้ เอาคืนและสั่งสอนศัตรูผู้รุกราน ดังเห็นได้จากภาพยนตร์ทำรายได้สูงหลังวิกฤตเศรษฐกิจอย่างบางระจันและสุริโยไท ที่ได้ประกอบสร้างพม่าในฐานะคนอื่นผู้รุกราน โดยมีหัวใจสำคัญในการกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความรักชาติและปกป้องแผ่นดินไทย โดยการปรับศัตรูของยุคสมัยที่แท้จริงอย่างฝรั่งให้กลายมาเป็นพม่านั่นเอง

 

 

อิทธิเดช พระเพ็ชร

 

 

 

Museum Siam Knowledge Center


ภาพยนตร์กับการประกอบสร้างสังคม :ผู้คน ประวัติศาสตร์ และชาติ / กำจร หลุยยะพงศ์.

 

 

 

 

 

 

 

 

#Museum's Core, #Museumscore, #Raw Materials

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ