หากหัวใจของลิเก คือ ปฏิภาณ เชาวน์ไวในการขับร้อง “สนทนาโต้ตอบ” ระหว่าง นักแสดง กับ นักแสดง
ในวันนี้ ปฏิภาณ ดังกล่าวยังถูกสำแดงผ่านเครื่องแต่งกายที่ “สนทนาโต้ตอบ” ระหว่าง ลิเก กับ กระแสโลก บนภารกิจแบบเดียวกับซูเปอร์ฮีโร่ นั่นคือ การพิทักษ์แก่นแท้ และการดำรงอยู่ของลิเกในสังคมไทย
Museum’s core: มีแนวคิดอย่างไรที่ประดิษฐ์ชุดลิเกซูเปอร์ฮีโร่นี้ออกมาครับ
แน็คกี้: ครอบครัวผมเป็นลิเกตั้งแต่ปู่ย่าตายายจึงทำให้ผมเล่นลิเกมาโดยตลอด บวกกับผมโตมาเป็นเด็กทั่วไปที่ชื่นชอบซูเปอร์ฮีโร่ ส่วนการดัดแปลงชุดลิเกเป็นซูเปอร์ฮีโร่เกิดจากผมประกวดรายการ the comedian thailand ตอนประกวดก็มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น สไตล์ผมเองผมเป็นคนที่หลุดโลกอยู่แล้วครับ (หัวเราะ) “ผมทำในสิ่งที่เรารักให้มาอยู่ในสิ่งที่เรารัก” เพราะว่าลิเกเป็นสิ่งที่ผมรักอยู่แล้ว เป็นอาชีพของทางบ้าน เราเกิดมาเรามีเลือดลิเกอยู่แล้ว และในส่วนของซูเปอร์ฮีโร่เราก็รักของเราอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เลยคิดว่าลองเอามันมาแมทช์กันดูไหม ว่ามันจะเป็นอย่างไร ก็เลยตัดชุดแรกมา คือชุดสไปเดอร์แมน พอตัดออกมาก็โดนผู้ใหญ่ในวงการลิเกตักเตือน แต่ผมก็ตัดมาเรื่อย ๆ ตัดชุดแบทแมน ชุดโดราเอม่อน ชุดธอร์ ผมตัดมาเป็นปีแล้วนะ แต่ตอนนี้กระแสเดอะอเวนเจอร์ (The Avenger) เพิ่งมา ก็เลยเป็นกระแสขึ้นมา
Museum’s core: ตอนตัดชุดลิเกซูเปอร์ฮีโร่มาใหม่ ๆ มีผู้ใหญ่ตักเตือน แล้วเราให้เหตุผลเขาว่าอย่างไรบ้างครับ
แน็คกี้: ผมก็บอกให้เขาดูที่จิตวิญญาณของผม ที่รักการสืบสานและรักษาศิลปวัฒนธรรมไทย ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำลาย เพราะเด็ก ๆ สมัยนี้เปิดโซเชียลมีเดียขึ้นมา เขาจะเปิดดูลิเกไทยน้อยมาก เพราะฉะนั้นวันหนึ่งลิเกอาจจะหายไปก็ได้ และคนที่จะสืบสานมันไม่ใช่แค่พวกผมที่ทำอาชีพลิเก แต่คนรุ่นหลังทุกคนจะต้องสืบสาน เพราะตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดเด็กสมัยนี้ก็เป็น เพลงสากล เกาหลีบ้างอะไรบ้าง ลิเกของเราไม่ได้ด้อยกว่าเลย เราแค่เอาความเป็นสมัยใหม่มาแมทช์ให้เด็กได้เห็นว่าลิเกมันเป็นแบบนี้นะ พอมาเห็นเราแต่งคล้ายซูเปอร์ฮีโร่ทำให้คนสนใจในตอนแรก พอสนใจแล้วเขาก็ไปศึกษาต่อว่าเมื่อก่อนลิเกมันเป็นแบบไหน ผมว่ามันมีแต่เรื่องดีนะครับพี่ เพราะเราใช้ความเป็นซูเปอร์ฮีโร่เป็นด่านแรกที่ทำให้คนรุ่นใหม่ หรือแฟนลิเกกลุ่มใหม่ ๆ มาสนใจลิเกก่อน หลังจากที่เขาสนใจเขาก็จะไปศึกษาหาความรู้ลึกลงไปอีก และอยากอนุรักษ์มากขึ้น
Museum’s core: การออกแบบชุดลิเกซูเปอร์ฮีโร่ใครเป็นคนออกแบบครับ
แน็คกี้: ผมเองครับ
Museum’s core: ในการออกแบบชุดมีอะไรที่ต้องรักษาแบบแผนไว้หรืออะไรที่สามารถลดทอนและใส่ความเป็นซูเปอร์ฮีโร่เข้าไปได้
แน็คกี้: คือชุดลิเกมันก็มีทรงของมันอยู่แล้วนะครับ เรายังรักษาทรงที่เป็นของลิเกเอาไว้ แต่เราก็จะดึงอัตลักษณ์ของชุดซูเปอร์ฮีโร่ออกมาให้ชัดเจน เช่นชุดแบทแมน ต้องมีโลโก้นะ ต้องมีผ้าคลุมนะ แต่ภาพรวมทุกอย่างยังดูเป็นลิเกหมดนะครับ แค่มีการดีไซน์ชุดออกมาใหม่
Museum’s core: แล้วส่วนของเนื้อเรื่องเปลี่ยนไปไหมครับ
แน็คกี้: เนื้อเรื่องไม่ได้เปลี่ยนครับ
Museum’s core: ชุดอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ และใช้เวลาตัดเย็บนานไหมครับ
แน็คกี้: อยู่ที่ประมาณ 15,000 - 20,000 แล้วแต่เพชรแล้วแต่คริสตัลที่เราจะใส่ ตัดเย็บไม่นานครับ ผมจะวางแบบเอาไว้ตั้งแต่แรก และไปคุยกับช่าง ใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ตัดชุดเสร็จแล้วครับ
Museum’s core: ก่อนหน้านี้เคยคิดประดิษฐ์ชุดอื่นไหมครับ
แน็คกี้: มีเยอะเลยครับ มี Iron Man คิดไว้เยอะเลยครับ หลังจากนี้ก็จะทำอีก
Museum’s core: ในความเป็นลิเกมีสิ่งไหนที่เราอยากจะปรับเปลี่ยน และมีสิ่งไหนที่เราคิดว่าควรรักษาไว้
แน็คกี้: ตัวตนหรือหัวใจของความเป็นลิเกที่ไม่อยากจะปรับเปลี่ยนเลยเนี่ย คือเรื่องของการร้องการรำจะต้องรักษาไว้ ส่วนเครื่องแต่งกายผมว่าปรับได้นะ แล้วแต่สไตล์
Museum’s core: ผลตอบรับของชุดลิเกซูเปอร์ฮีโร่เป็นอย่างไรบ้างครับ
แน็คกี้: ก่อนหน้าผมก็มีกลุ่มแฟนคลับอยู่แล้วนะครับ แต่คนดูกลุ่มใหม่ ๆ ที่ได้เข้ามาเนี่ยคือเด็กตัวน้อย ๆ ที่เป็นกลุ่มที่ไม่ดูลิเกแน่ ๆ เขาจะชอบดู Ben10 ชอบดูการ์ตูน อะไรพวกนี้มากกว่า แต่หลังจากที่ผมทำชุดลิเกซูเปอร์ฮีโร่ก็จะมีเด็ก ๆ มาออกันอยู่หน้าเวที มาเรียก “พี่ ๆ” “พี่แบทแมน” “พี่สไปเดอร์แมน” เป็นฮีโร่ของเด็ก ๆ ในแบบฉบับลิเก เราเลยได้คนดูกลุ่มใหม่มา
Museum’s core