Museum Core
ย่างก้าวกับกาลเวลา
Museum Core
24 ส.ค. 63 984

ผู้เขียน : นิทรรศการผสานวัยใน “ล่องรอยราชดำเนิน” ตอนที่ 3 ย่างก้าวกับกาลเวลา

นิทรรศการผสานวัยใน “ล่องรอยราชดำเนิน” ตอนที่ 3 ย่างก้าวกับกาลเวลา

 

 

 

“อยากเล่าราชดำเนินผ่านผัสสะทั้งหมดที่มี  ผ่านมุมมอง ผ่านศิลปะที่ตนเองคุ้นเคยและเติบโตมา การได้ดำดิ่งกับบรรยากาศที่ทำให้นั่งวาดภาพได้เป็นชั่วโมง แม้ขณะนั้นยังเป็นนักเรียนเพาะช่าง มีทุนจำกัด ต้องใช้วัสดุใกล้ตัว เช่น การ์ดหรือกิ่งไม้ ต่างเกรียงปาดสีน้ำมัน”

เขตนิธิ  สุนนทนาม 

ภัณฑารักษ์วัยเก๋า

 

 

 

บทความนี้ขอแนะนำหนึ่งในภัณฑารักษ์วัยเก๋าของนิทรรศการ "ล่องรอย ราชดำเนิน : นิทรรศการผสานวัย" คือ พี่ตึ๋ง หรือ คุณเขตนิธิ สุนนทนาม   

 

 

เหตุผลสั้น ๆ ที่กระชับแต่ได้ใจความของพี่ตึ๋งที่สมัครเข้าร่วมอบรมในโครงการ ภัณฑารักษ์วัยเก๋า เล่าเรื่องราชดำเนิน ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ก็คือ “อยากพบปะพูดคุยกับคนในสังคมใหม่  ๆ”  และประสบการณ์ที่พี่ตึ๋งมีต่อราชดำเนินคือ การวาดรูปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภูเขาทอง วัดราชนัดดา โรงหนังเฉลิมไทย เมื่อครั้งเป็นนักเรียนเพาะช่าง และประสบการณ์ที่ว่านี้ส่งให้พี่ตึ๋งผ่านการคัดเลือก 1 ใน 16 คน 

 

ในช่วงโค้งสุดท้ายของการอบรม  พี่ตึ๋งนำเสนอ "My ราชดำเนิน" ผ่านการจัดนิทรรศการเล็ก ๆ ชื่อว่า  “ราชดำเนินยามค่ำคืน”  ด้วยการรื้อฟื้นความทรงจำ อารมณ์ ความรู้สึกจากประสบการณ์ที่สมัยเรียนอยู่ที่เพาะช่าง ด้วยภาพวาดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในยามค่ำคืน ที่วาดขึ้นใหม่ด้วยเทคนิคสีอะคริลิค โดยใช้การ์ดบัตรสมาชิกที่หมดอายุแทนเกรียงปาดสี เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาสมัยเรียนที่เพาะช่างที่ใช้อุปกรณ์วาดรูปจากของเหลือใช้ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ นิ้วมือ รวมถึงฝุ่นที่อยู่ข้างถนนมาทำ Texture เพื่อสร้างสรรค์งานส่งอาจารย์  นิทรรศการเล็ก ๆ นี้มีการเติมองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น นำโมเดลรถตุ๊ก ๆ มาจัดวาง พร้อมกับมีไฟประดับประดา ทำให้ได้บรรยากาศราชดำเนินในยามค่ำคืนจริง ๆ และยังช่วยเสริมนิทรรศการเล็ก ๆ นี้ให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น   

 

 "ราชดำเนินยามค่ำคืน"

(พี่ตึ๋ง ขณะสร้างสรรค์ผลงานด้วยวัสดุเหลือใช้ใกล้ตัว)  

 

ราชดำเนินยามค่ำคืน

(My ราชดำเนิน:  ราชดำเนินยามคำคืน) 

 

 

หลังจากการอบรมเสร็จสิ้นลง พี่ตึ๋งยังคงมาร่วมสุมหัวกับน้อง ๆ ทีมงาน "่ล่องรอยราชดำเนิน: นิทรรศการผสานวัย" อย่างสม่ำเสมอ  และได้การวาดภาพขึ้นมาใหม่อีก 1 ภาพ รวมเป็น 3 ภาพ เพื่อประกอบนิทรรศการ  ช่วยเสริมประวัติศาสตร์ความทรงจำที่มีต่อแลนด์มาร์คนั้น ๆ ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เช่น แลนด์มาร์คอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และชุมชนป้อมมหากาฬ  ก็มีภาพวาดฝีมือของพี่ตึ๋งจัดแสดงอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย 

 

 

 

 

 

 

ยิ่งพวกเราใช้เวลาการสุมหัวร่วมกันมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้พวกเราค้นพบว่าพี่ตึ๋งเป็นผู้ที่มีทักษะและความสามารถที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย  และสามารถช่วยเติมเต็มนิทรรศการได้เป็นอย่างมาก  ยกตัวอย่างเช่น  ร้านสกายไฮ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งในนิทรรศการ  พี่ตึ๋งเป็นผู้ที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่ทำพิมพ์รอยกระสุนที่ทิ้งร่องรอยไว้หน้าร้านเพื่อเป็นการบันทึกเสี้ยวหนึ่งในเหตุการณ์ทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้น  

 

 

(พี่ตึ๋งกำลังทำพิมพ์รอยกระสุน ที่ทิ้งร่องรอยไว้หน้าร้านสกายไฮ)  

 

 

 

ในส่วนพื้นที่จัดแสดงผลงานของภัณฑารักษ์วัยเก๋านั้น แต่ละคนจะมีหีบเป็นของตัวเอง  และหีบของพี่ตึ่งตั้งอยู่ในโซนศาลาเฉลิมไทย  ภายในหีบมีตำราสิ่งศักดิสิทธ์  ลูกประคำ  ไพ่ทาโร่ห์ ลูกแก้ว ฯลฯ  แล้วทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับศาลาเฉลิมไทย?

 

เฉลย....  ไม่เกี่ยวกัน หีบประจำตัวของพี่ตึ๋ง-ภัณฑารักษ์วัยเก๋าของเรานั้น  "วางผิดที่" 

 

โดยความผิดที่ผิดทาง มีที่มาที่ไปอย่างนี้ครับ  

 

เดิมคุยกันว่า พี่ตึ๋งจะนำเสนอความเป็นศิลปินของตนในนิทรรศการนี้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น เพราะมีภาพวาดฝีมือพี่ตึ๋งจัดแสดงอยู่ถึง 3 ภาพดังกล่าวไปแล้ว   และในหีบก็จะเล่าขยายความเรื่องนี้ รวมถึงประสบการณ์ช่วงที่เป็นนักศึกษาเพาะช่างที่ได้ฝึกงานที่ศาลาเฉลิมไทย แผนก วาดคัตเอาต์ขนาดยักษ์ติดที่ด้านหน้าโรงหนัง  

 

พี่ตึ๋งเล่าอย่างออกรส เพราะศาลาเฉลิมไทยคือหมุดหมายในชีวิตของนักเรียนเพาะช่าง ที่สามารถเอาไป "เบ่ง" นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะแห่งหนึ่งได้ พี่ตึ๋งลงรายละเอียดพร่างพรู ... การวาดต้องใส่สเกลให้ส่วนบนของภาพใหญ่กว่าปกติ เพื่อมุมมองที่ถูกต้องยามที่เราแหงนมองภาพ ฯลฯ  ดังนั้นภายในหีบจึงควรนำแปรงพู่กัน อุปกรณ์วาดภาพ และสรรพสิ่งอันเป็นที่มาของภาพวาดทั้งสามนั้น บรรจุลงในหีบ

 

ในทีมคุยกันสนุกมากจนคิดกันว่า ตรงซุ้มศาลาเฉลิมไทยในนิทรรศการซึ่งจำลองคัตเอาต์หน้าโรงฯ + กลไกหมุนเปลี่ยนภาพ ตรงนั้นควรเป็นพื้นที่เล่าเรื่องของพี่ตึ๋งด้วย  ส่วนหีบก็วางหน้าซุ้มศาลาเฉลิมไทยนั่นแหละ

 

(ความต้้งใจเดิม: หีบนี้ตั้งอยู่ในโซนศาลาเฉลิมไทย เพื่อจัดแสดงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พี่ตึ๋งใช้ในการวาดรูป)  

 

 

ยิ่งคุยยิ่งไอเดียกระฉูด  แต่เมื่อถามพี่ตึ๋งว่าอยากเล่าโยงไปถึง "คุณเปี๊ยก โปสเตอร์" ผู้เป็นตำนานการวาดคัตเอาต์ไหม  โดยไม่คาดคิด พี่ตึ๋งเปลี่ยนท่าทีในบัดดล กลายเป็นความครั่นคร้าม ด้วยมองว่าตนเองนั้นช่างอ่อนด้อย ไพล่ไปว่าพื้นที่หน้าโรงหนังศาลาเฉลิมไทยควรจะเล่าเรื่อง "คุณเปี๊ยก โปสเตอร์"  ไม่ใช่เรื่องราวของพี่ตึ๋งเอง

 

... แล้วทำไงต่อกับหีบ 

 

ก่อนนิทรรศการเปิดไม่เกินสองวัน พี่ตึ๋งหอบลูกแก้วพยากรณ์ ไพ่ทาโร่ต์ และอุปกรณ์ดูหมอ มาให้ทีมนำไปใส่ในหีบ แทนอุปกรณ์วาดภาพต่าง ๆ ที่เคยคุยไว้    ด้วยเหตุนี้หีบของพี่ตึ๋งจึงกลายเป็นหีบที่วางผิดที่ในทันที  จะย้ายไปตั้งในโซนสนามหลวงก็ไม่ทันแล้ว พื้นที่ต่างๆ ล้วนถูกกำหนดไว้หมดแล้ว 

 

ลึก ๆ แล้วพี่่ตึ๋งคิดอะไรกันแน่ จึงเปลี่ยนเรื่องที่อยากนำเสนอเป็นเรื่องของหมอดู ทั้งที่นิทรศการกำลังจะเปิดในอีกไม่กี่วันแล้ว  

 

พี่ตึ้งบอกว่าแม้ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาการเขียนคัตเอาท์หนังมา แต่ว่าเป็นเพียงประสบการณ์ในชีวิตช่วงสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือนขณะเป็นนักศึกษาฝึกงาน  ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความเชี่ยวชาญมากมายอะไรขนาดนั้น  จึงขอเปลี่ยนของในหีบเป็นอุปกรณ์เครื่องมือในการดูดวง เพื่อเล่าเรื่องความเป็นหมอดูของตนเองที่อุตสาห์ไปร่ำเรียนถึงอินเดีย เป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในตัวมาอย่างยาวนานจึงมีความมั่นใจมากกว่า 

  

 

(หีบที่ตั้งอยู๋ในโซนศาลาเฉลิมไทย บรรจุอุปกรณ์การดูดวงของพี่ตึ๋ง  ที่มาของหีบที่วางผิดที่ผิดทาง) 

 

 

เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาภาคค่ำที่วิทยาลัยเพาะช่าง เมื่อมีเวลาว่างมีจะเดินเล่นที่ตลาดนัดสนามหลวง  วันหนึ่งได้พบกับหมอดูใต้คนมะขามชาวอินเดีย ด้วยความอยากได้วิชาจึงวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้อาจารย์จนได้ร่ำเรียนวิชาสมใจ  ผ่านไปสองเดือนอาจารย์หายไปโดยทิ้งกระเป๋าไว้ให้ดูต่างหน้า ในนั้นมีตำราศึกษาจนไม่มีใครให้สอนได้แล้ว จึงไปศึกษาศาสตร์นี้เพิ่มเติมที่อินเดีย

 

อาจารย์เคยทำนายว่าพี่ตึ่งจะประสบความสำเร็จในชีวิตจากการวาดรูป ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  เพราะประสบการณ์การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างตลอด 30 ปีที่ผ่านมาก็ต้องวาดรูปเป็นจำนวนมากให้ลูกค้าดูก่อน  

 

ด้วยภาระหน้าที่การงานหลักที่เลือกแล้วจึงไม่มีโอกาสนั้น   แม้ลึก ๆ แล้วยังอยากเป็นหมอดูอยู่  เพราะคิดว่าสามารถนำความรู้ด้านการดูดวงช่วยเหลือให้กำลังใจผู้คนได้   และความฝันนั้นได้กลายเป็นจริง  

 

พี่ตึี่งบอกว่า ด้วยความรู้ด้านโหราศาสตร์ การดูดวงที่แกสั่งสมมาตลอดทั้งชีวิต เรื่องนี้แหละที่มีความมั่นใจที่จะเล่ามากที่สุด วัตถุจัดแสดงในหีบของพี่ตึ๋งจึงเป็นอย่างที่ทุกท่านเห็น

 

ยังครับ.....เรื่องของพี่ตึ๋งยังไม่จบแค่นี้ครับ  

 

หลังจากนิทรรศการล่องรอยราชดำเนินเปิดอย่างเป็นทางการแล้วประมาณ 1 เดือน พี่ตึ๋งเดินยิ้มมาบอกกับทีมงานว่า  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะจัดกิจกรรมประกอบนิทรรศการ คือ การดูดวงทั้งตามศาสตร์โบราณ และตามศาสตร์ร่วมสมัย  พี่ตึ๋งบอกเหตุผลด้วยท่าทีที่จริงจังว่า นอกเหนือจากประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันแล้ว พี่ตึ๋งยังอยากผู้ชมได้รับความสุขกลับไปด้วย   

 

เมื่่อมีข้อเสนอมาเช่นนี้ ทางมิวเซียมก็รีบตอบสนอง ไม่รอช้าเพียงสามวันหลังจากพูดคุย จึงเกิดเป็นกิจกรรมพิเศษประกอบนิทรรศการด้วยการย้อนรอยบรรยากาศหมอดู สนามหลวง ที่เข้ามาช่วยให้นิทรรศการมีสีสันมากขึ้นไปอีก 

 

 

 (หมอดู สนามหลวง)

 

 

 

กลายเป็นว่าในนิทรรศการนี้ พี่ตึ๋งมีส่วนร่วมหลายอย่างในนิทรรศการ เข้ามาร่วมร่วมสุมหัวกับทีมงานตั้งแต่การพัฒนาแนวคิดนิทรรศการ   ประสบการณ์ของพี่ตึ๋งกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ  ภาพวาดช่วยเสริมการเล่าเรื่องให้สมบูรณ์   และยังมีกิจกรรมประกอบนิทรรศการคือการดูดวงที่ช่วยดึงคนมาชมมากขึ้น  

 

จากประสบการณ์ที่เขียนไว้ในใบสมัครเพียงสามบรรทัด  แต่เมื่อพวกเราได้ทำงานร่วมกับพี่ตึ๋งแล้วทำให้พบว่ามีความสามารถหลากหลายรอบด้านและเป็นผู้มีพลังงานอย่างล้นเหลือ  ทั้งเพื่อนภัณฑารักษ์วัยเก๋าและทีมงานเห็นพ้องต้องกันว่า พี่ตึ๋งเป็น “ผู้สูงวัยที่มีศักยภาพ” สูงมาก  เป็นผู้ที่ชอบนำความรู้และประสบการณ์มาแบ่งปัน ถ่ายทอดสื่อสารอย่างกระตือรือร้นและมีพลังกับคนทุกช่วงวัย เป็นเรื่องราวในอดีตจากความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นจริงยังสถานที่ต่าง ๆ บนถนนราชดำเนินจากมุมมองและประสบการณ์ตรงที่ไม่เคยมีหนังสือเล่มไหนเคยบันทึกไว้ 

 

และหากคุณมาชมนิทรรศการ แล้วเจอพี่ตึ๋งและได้สนทนาพี่ตึ๋งแล้ว ขอรับประกันว่า คุณจะได้รับความรู้ความบันเทิงกลับบ้านไปพร้อมกับความสุขและความหวัง มีแรงใจในการใช้ชีวิตต่อไปอย่างแน่นอน  - มืดมา สว่าง(กลับ) ไป   ฟันธง!!!

 

สรวิชญ์ ฤทธิจรูญโรจน์

 

 

 

 

หมายเหตุ

สามารถพบเพื่อพูดคุยกับพี่ตึ๋ง "เขตนิธิ สุนนทนาม" ตัวจริงเสียงจริงในบทบาท "หมอดู สนามหลวง" ด้วยการ ดูดวงและอาชีพด้วยศาสตร์โบราณ / ดูดวงด้วยเลขท้าย 4 บนบัตรประชาชน ฟรี ที่นิทรรศการ “ล่องรอยราชดำเนินฯ”อาคารอเนกประสงค์ มิวเซียมสยาม ทุกวันพฤหัส-ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์  ตลอดเดือนสิงหาคม 2563 

 

 

 

 
 
 
 
แกลเลอรี่


ย้อนกลับ