เพลง ลูกทุ่งเลือดสุพรรณ โดย สุรพล สมบัติเจริญ ที่เป็นคำติดปากว่า “มาด้วยกันไปด้วยกันเลือดสุพรรณเอย” มีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งพูดถึงการอยากมาชมวิทยุ ท.ท.ท. (ไทยโทรทัศน์) ที่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน
“ที่วิทยุ ท.ท.ท. ตั้งใจแล้วหนอจะไปขอชมเชย
อยู่สี่แยกคอกวัวจะไปขอดูโฆษกหน่อยเอย
ถนนราชดำเนิน ผมเดินเดิน ก้มก้ม เงยเงย
เดินหาจนปวดหัว
ไม่ยักกะมีคอกวัวละที่ไหนเลย”
วิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยถือกำเนิดขึ้นบนถนนราชดำเนิน ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2497 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการสำนักงานของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ณ อาคารสำนักงาน อ.จ.ส. ชั้น 3 ที่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง
24 มิถุนายน พ.ศ. 2508
ประกาศยุค “ไทยโทรทัศน์”
บริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด ประกาศแผนการพัฒนาเครือข่ายโทรทัศน์ทั่วประเทศ ซึ่งจะแพร่ภาพเคลื่อนไหวไปยังทุกบ้าน นายประสงค์ หงสนันทน์ ผู้จัดการบริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาล กล่าวว่า บริษัทมีแผนการจะถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านสถานีถ่ายทอดสัญญาณไมโครเวฟไปทั่วประเทศ
บริษัทไทยโทรทัศน์จำกัดเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2498 และทำรายได้สูงสุดเป็นจำนวนเงิน 28.6 ล้านบาทในปี 2507 ในปี 2508 สถานีสามารถส่งสัญญาณไปยังผู้ชมมากถึง 10 ล้านคนใน 32 จังหวัด จากทั้งหมด 71 จังหวัดทั่วประเทศ และได้เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณเป็น 3 เท่าในเวลาต่อมา
ห้องส่งวิทยุกระจายเสียง ท.ท.ท. ได้ใช้อาคารห้องส่งที่สำนักงาน อ.จ.ส. มาตั้งแต่เริ่มแรกกิจการ ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ได้เกิดเพลิงไหม้จนห้องส่งใช้การไม่ได้ จึงย้ายไปใช้ห้องส่งชั่วคราวในบริเวณสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทสไทย ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท ต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ได้ย้ายห้องส่งและเครื่องส่ง เอฟ.เอ็ม. ไปอยู่ที่อาคารศูนย์การค้าราชดำริอาเขต จนกระทั่งยุบเลิกบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด และโอนกิจการให้ อ.ส.ม.ท. ดำเนินการต่อ เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2520
จอมพล ป. พิบูลสงคราม กับการใช้สื่อโทรทัศน์
ทันทีที่โทรทัศน์เกิดใหม่ รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เพิ่งบอบช้ำหลังสงคราม ก็รีบร้อนที่จะให้มีโทรทัศน์ในประเทศไทย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงให้ความสนใจและพยายามผลักดันให้ “โครงการจัดตั้งวิทยุโทรภาพ” เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างปัจจุบันทันด่วน
ภายหลังจากการใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะนำโทรทัศน์เข้ามาสู่ประเทศไทย เมื่อได้มาแล้วจอมพล ป. พิบูลสงคราม จะใช้สื่อนี้อย่างไร นั่นก็คือ เป้าหมายประการแรกสุดของการใช้สื่อของรัฐบาลโดยทั่วไปคือการสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำและภาพลักษณ์ของรัฐบาล ในประเทศกำลังพัฒนา กลุ่มผู้นำเป็นคนกลุ่มเดียวที่สามารถใช้สื่อเป็นเครื่องมือได้
ยิ่งไปกว่านั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม ยังตระหนักดีว่า การเสนอข่าวเพื่อสร้างสัญลักษณ์ของผู้นำและภาพลักษณ์ของรัฐบาลย่อมเป็นเรื่องปราศจากความหมายอย่างสิ้นเชิง หากประชาชนไร้สื่อที่จะรับสารนั้น เช้าวันหนึ่งในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2499 จึงมีข่าวตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า “จอมพลแจกโทรทัศน์ 300 เครื่องตามอำเภอ ว่าเห็นเป็นประโยชน์ เป็นความรู้ทั่วไป”
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้สั่งซื้อเครื่องรับวิทยุจากบริษัทไทยทีวีเพื่อแจกจ่ายไปทุกอำเภอในรัศมีอำเภอที่สามารถรับวิทยุโทรทัศน์ โดย จอมพล ป. ได้สั่งบริษัทไทยทีวี เพื่อซื้อเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์เป็นจำนวน 300 เครื่อง พิจารณาเห็นว่าการที่ให้ประชาชนได้มาดูและฟังเรื่องต่าง ๆ จากวิทยุโทรทัศน์ ย่อมเป็นประโยชน์ในทางความรู้เพิ่มขึ้น และทราบว่าทางบริษัทไทยโทรทัศน์ก็จะได้คิดราคาลดให้เป็นพิเศษ และจะได้พิจารณาราคาอย่างต่ำสำหรับราชการและโรงเรียนจัดซื้อด้วย
อ้างอิง
สินิทธ์ สิทธิรักษ์. (2543). พิมพ์ครั้งที่ 3. กำเนิดโทรทัศน์ไทย (พ.ศ. 2493-2500). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.