ที่พิพิธภัณฑ์วอร์ซอไรซิ่ง (Warsaw rising museum) ในกรุงวอร์ซอ มีพื้นที่เล็กๆ ไม่กี่บรรทัดที่พูดถึงการที่นาซีตามหาศิลปะวัตถุและโบราณวัตถุของโปแลนด์ ในคำบรรยายกล่าวว่ามีภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ของยัน มาเตโก (Jan Matejko) สองภาพอยู่ในรายการที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงสุด คือ ภาพแบทเทิลออฟกรุนวัลด์ (Battle of Grunwald) และภาพปรัสเซียนโฮมเมจ (Prussian Homage) นาซีตั้งค่าหัวให้ภาพทั้งสองภาพละ 10 ล้านมาร์ก อีกทั้งทรมานและฆ่าสมาชิกขบวนการใต้ดินไปไม่น้อยเพื่อเค้นเอาที่ซ่อนภาพ แต่ภาพเขียนทั้งสองก็รอดพ้นเงื้อมมือนาซีมาได้ในสภาพที่มีความเสียหาย หลังจากซ่อมแซมกันหลายครั้ง ในปัจจุบันภาพแบทเทิลออฟกรุนวัลด์จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ กรุงวอร์ซอ และภาพปรัสเซียนโฮมเมจ อยู่ที่หอจัดแสดงผลงานศิลปะของโปแลนด์ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 บนชั้น 2 ของโคลทฮอลล์ (Cloth Hall) กลางจตุรัสเมืองคราคุฟ (Kraków)
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1939 วันที่นาซียาตราทัพเข้าโปแลนด์ สแตนิสลอว์ มิคูลิช-ราเดคกี้ (Stanisław Mikulicz-Radecki) ผู้อำนวยการของหอศิลป์ซาเฮตต้า (Zachęta National Gallery ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ กรุงวอร์ซอ) และผู้ร่วมงานช่วยกันม้วนภาพแบทเทิลออฟกรุนวัลด์เข้ากับแกนไม้ขนาดยักษ์และแพ๊คลงกล่อง พัสดุหนัก 1.5 ตันถูกนำส่งด้วยรถลากเทียมม้าเพื่อนำไปซ่อนไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลุบลิน (Lublin Museum ตั้งอยู่ในเมืองลุบลินทางตะวันออกเฉียงใต้ของวอร์ซอประมาณ 173 กิโลเมตร) เวลาผ่านไปหนึ่งปีเศษ ด้วยความหวาดกลัวว่านาซีจะตามพบและทำลายภาพเขียน ภาพเขียนจึงถูกย้ายที่อีกครั้ง เริ่มจากพิพิธภัณฑ์กั้นรั้วและขึ้นนั่งร้านแสร้งทำเป็นว่ากำลังปิดซ่อมแซม แล้วแอบเอาเกวียนเข้ามาขนภาพ ทับถมด้วยข้าวของเครื่องใช้ในบ้านกองใหญ่ แสร้งทำเป็นการเดินทางของชาวบ้านที่กำลังอพยพ ภาพถูกนำไปซ่อนไว้ในโรงนาแห่งหนึ่งจนสิ้นสงคราม
ส่วนภาพปรัสเซียนโฮมเมจถูกนำออกจากเมืองคราคุฟในช่วงปลายปี ค.ศ.1939 ไปซ่อนไว้ในห้องใต้ดินของโบสถ์เซนต์แคทรีน (Saint Catherine) ที่เมืองซามอชช์ (Zamość อยู่ทางใต้ของเมืองลุบลินไปอีก 90 กิโลเมตร เมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ.1992 เป็นอีกเมืองที่น่าไปเที่ยว) ต่อมาปลายปี ค.ศ.1942 ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ (Heinrich Himmler) ผู้บัญชาการกองกำลังเอสเอสของนาซี ได้มาที่เมืองซามอชช์ตามแผนการตั้งถิ่นฐานของเผ่าพันธุ์เยอรมันในโปแลนด์เพื่อทำเมืองซามอชช์ให้เป็นเมืองฮิมม์เลอร์สตัดท์ (Himmlerstadt = Himmler city หรือ เมืองฮิมม์เลอร์) ภายใต้นโยบายทำให้เป็นเยอรมันเขาส่งชาวยิวไปค่ายสังหาร สั่งฆ่าคนที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นเลือดบริสุทธิ์ และสั่งให้ทำลายสิ่งก่อสร้างเดิมของเมืองลงทั้งหมดเพื่อสร้างเมืองใหม่เป็นเมืองเยอรมัน โดยไม่รู้ว่าภาพปรัสเซียนโฮมเมจที่ตามหาแทบพลิกแผ่นดินอยู่ใต้โบสถ์ในเมืองนี้เอง เจ้าหน้าที่ชาวเยอรมันที่ถูกมอบหมายให้สร้างเมืองใหม่รู้สึกเสียดายงานสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง จึงได้พยายามถ่วงเวลาด้วยอุบายต่างๆ จนกระทั่งรัสเซียตีโต้เข้ามาในแนวรบด้านตะวันออกในปี ค.ศ.1943 ทำให้โครงการนี้ต้องล้มเลิกไป ภาพปรัสเซียนโฮมเมจจึงรอดมาได้และเมืองซามอชช์เป็นเมืองหนึ่งในไม่กี่เมืองที่ไม่ถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่สอง
จิตรกร
ยัน มาเตโก (ค.ศ.1838–1893) เป็นจิตรกรชาวโปแลนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเมืองคราคุฟ อดีตเมืองหลวงของโปแลนด์ที่เคยยิ่งใหญ่และมั่งคั่งที่สุดในยุโรปยุคกลาง แต่เขาเกิดมาในสมัยที่ไม่มีประเทศโปแลนด์ในแผนที่โลก ไม่มีโปแลนด์ที่เป็นเอกราชเพราะถูกแบ่งกันครอบครองโดยปรัสเซีย ออสเตรีย และรัสเซีย เป็นเวลา 123 ปี (ค.ศ.1795-1918) เขามักวาดภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองในยุคกลางที่แทรกนัยยะทางการเมืองที่ซับซ้อน กระตุ้นให้ชาวโปแลนด์ระลึกถึงเกียรติภูมิในอดีต ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชมที่ไม่ทราบเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองโบราณหรือดูงานศิลปะไม่เป็นอย่างผู้เขียน เพียงแต่ไปนั่งเงียบๆ ตรงหน้าภาพวาดขนาดใหญ่มหึมาที่งดงามตระการตา แล้วค่อยๆ มองไปทีละใบหน้าทีละเหตุการณ์ที่ดูราวกับมีชีวิต ก็ทำให้น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง นี่เป็นพลังของศิลปะจริงๆ
Battle of Grunwald
การสงครามที่กรุนวัลด์ หรือที่เยอรมันมักจะเรียกว่าการสงครามที่แทนเนนเบิร์ก (Battle of Tannenberg การรบเกิดขึ้นระหว่างหมู่บ้านกรุนวัลด์และแทนเนเบิร์ก) เป็นสงครามครั้งสำคัญระหว่างราชอาณาจักรโปแลนด์และลิทัวเนียกับคณะอัศวินทิวทอนิค (Teutonic Knights เป็นคณะอัศวินเยอรมัน ก่อตั้งขึ้นในสมัยสงครามครูเสด) ที่ครอบครองดินแดนปรัสเซีย (ปัจจุบันคือแถบตอนเหนือของเยอรมัน โปแลนด์ ลิทัวเนีย) การรบที่กรุนวัลด์ในปี ค.ศ.1410 เป็นสงครามขนาดใหญ่ที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งของยุคกลาง ทั้งสองฝ่ายสูญเสียทหารรวมกันราว 13,000 นาย ชัยชนะเป็นของฝ่ายโปแลนด์และลิทัวเนีย กองทัพของทิวทอนิคถูกสังหารหรือไม่ก็ถูกจับแทบทั้งหมด อุลริช ฟอน ญองเงน (Ulrich von Jungingen) หัวหน้าคณะอัศวินทิวทอนิคตายในที่รบ อำนาจของอัศวินทิวทอนิคเริ่มเสื่อมลงนับแต่นั้นมา เยอรมันไม่เคยลืมความพ่ายแพ้ครั้งนี้ แม้จนห้าร้อยปีผ่านไป
ยัน มาเตโก วาดภาพแบทเทิลออฟกรุนวัลด์ ระหว่างปี ค.ศ.1872-1878 เขาค้นคว้าประวัติศาสตร์และประวัติบุคคลที่มีบทบาทในสงคราม สั่งให้ควานหาชุดเกราะจากคริสต์ศตวรรษที่ 15 เพื่อทดลองวาดรูปทหารใส่เกราะแบบต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเดินทางไปยังกรุนวัลด์เพื่อดูภูมิประเทศจริงของสมรภูมิ งานของยัน มาเตโกมีชื่อเสียงเรื่องความถูกต้องตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ผู้ที่พิจารณาภาพนี้บอกว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่หลายจุดซึ่งคิดว่าเป็นเจตนาของศิลปินที่จะสะท้อนสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสงคราม เช่น ภาพวาระสุดท้ายของหัวหน้าคณะทิวทอนิคในเสื้อคลุมสีขาว แต่ผู้ที่กำลังจะสังหารกลับไม่ใช่นักรบแต่เป็นชาวนา (คนถือหอก..หอกนี้มีที่มาแต่เดี๋ยวเรื่องจะยาวเกินไป) และเพชฌฆาต (คนถือขวาน) สื่อถึงการแก้แค้นของสามัญชนต่อการกดขี่ของอัศวินทิวทอนิค
ภาพนี้สวยงามน่าประทับใจอยู่แล้ว แต่จะดูสนุกขึ้นอีกมากถ้าเรารู้ว่าเขากำลังเล่าประวัติศาสตร์อะไรหรือประชดประชันใครอยู่ บทความที่ลงในเว็บไซต์ Info Poland เรื่อง Understanding Matejko's painting The Battle of Grunwald ตามลิงค์นี้ http://info-poland.icm.edu.pl/classroom/JM/GT.html ได้เล่าเรื่องราวข้างหลังภาพไว้อย่างละเอียด เว็บไซต์นี้เขาย่อยข้อมูลสำหรับให้ครูนำไปสอนในห้องเรียน และถ้าค้นไปเรื่อยๆ ก็จะพบข้อมูลอีกมากมาย
Prussian Homage
ภาพปรัสเซียนโฮมเมจเป็นภาพวาดเหตุการณ์เมื่ออัลเบิร์ตแห่งปรัสเซีย (Albert of Prussia) ขุนนางชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้นำ (Grand Master) ของคณะอัศวินทิวทอนิคได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าซิกิสมุนด์ที่ 1 (King Sigismund I) แห่งโปแลนด์ ณ ลานกลางจัตุรัสแห่งเมืองคราคุฟ ในปี ค.ศ.1525 เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดจบอย่างเป็นทางการของสงครามโปแลนด์-ทิวทอนิค (Poland - Teutonic War) ยัน มาเตโกผู้วาดได้อุทิศภาพให้แด่ประเทศโปแลนด์ แม้ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะที่สำคัญ แต่ไม่มีใครในภาพมีสีหน้าแสดงความชื่นชมยินดีเลย ส่วนใหญ่จะมีสีหน้าเคร่งเครียดหรือเลื่อนลอยอย่างประหลาด คนเหล่านี้ล้วนมีตัวตนในประวัติศาสตร์ แต่กำลังสะท้อนความในใจบางอย่างของยัน มาเตโกที่มีต่อประเทศโปแลนด์ ณ เวลาที่เขามีชีวิตอยู่
อาคารที่เป็นฉากหลังของภาพ คือ คราคุฟโคลทฮอลล์ (Kraków Cloth Hall หรือ Sukiennice w Krakowie ในภาษาโปลิช) คงไม่มีที่ใดเหมาะสมจะจัดแสดงภาพนี้เท่าที่นี่อีกแล้ว ภายใต้อาคารนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ใต้ดินที่แสดงชั้นดินและหลักฐานทางโบราณคดีของเมืองโบราณในยุคก่อนเมืองคราคุฟซึ่งจัดแสดงได้น่าสนใจทีเดียว จัตุรัสแห่งเมืองคราคุฟ เป็นจัตุรัสที่ใหญ่และสง่างามที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และไม่ถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่สอง
จากข้อความไม่กี่บรรทัดในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งทำให้เกิดภารกิจตามหาภาพเขียนไปยังพิพิธภัณฑ์อีกสองแห่ง ด้วยความสงสัยว่าภาพอะไรหนอที่สำคัญจนนาซีต้องตามล่าฆ่าคนไปมากมายเพื่อมัน ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผู้เขียนยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภาพ จำได้ว่าที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติวอร์ซอ พวกเราแทบจะวิ่งผ่านห้องต่างๆ ของแกลลอรี่ศิลปะในคริสต์ศตวรรษที่ 19 (Gallery of 19th Century Art) เพราะพิพิธภัณฑ์ใกล้จะปิดแล้ว เพื่อไปยืนทึ่งและอึ้งอยู่ต่อหน้าภาพเขียนขนาดใหญ่น่าครั่นคร้ามในห้องท้ายสุด ตอนนี้ผู้เขียนรู้จักภาพแบทเทิลออฟกรุนวัลด์มากขึ้นแล้ว ถ้าได้กลับไปวอร์ซออีกครั้งสิ่งที่ต้องทำคือให้เวลาในการกลับไปนั่งอยู่กับภาพนี้เงียบๆ ไม่กระหืดกระหอบเหมือนครั้งก่อน รวมทั้งเผื่อเวลาสำหรับดูภาพอื่นๆ ด้วย
แหล่งที่มาของข้อมูล เรียงลำดับตามเรื่องราว ที่มีเครื่องหมาย*เป็นเนื้อหาก้อนใหญ่ๆ เว็บไซต์อื่นก็น่าสนใจเช่นกัน
http://info-poland.icm.edu.pl/classroom/JM/JM.html
กระต่ายหัวฟู