Museum Core
ตามรอยภาพยนตร์ Schindler’s List ไปที่โรงงานเครื่องครัวของออสการ์ ชินด์เลอร์ (Oskar Schindler's Enamel Factory)
Museum Core
08 มี.ค. 64 4K
ประเทศโปแลนด์

ผู้เขียน : กระต่ายหัวฟู

          Enamelware คือเครื่องครัวที่ทำจากโลหะขึ้นรูปแล้วนำมาเคลือบด้วยอนุภาคของแก้วให้มีความมันวาว ผิวเรียบลื่น โลหะก็จะคงทนไม่เป็นสนิม ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร ทำความสะอาดง่าย ในการเคลือบมีการใส่สีสันลวดลายให้ดูสวยงาม

 

         

          โรงงานทำเครื่องครัวในเมืองคราคุฟ (Kraków) ประเทศโปแลนด์ ที่เขานำมาจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์นี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1937 โดยพ่อค้าชาวยิว 3 คน มีชื่อเดิมว่าโรงงานเรคอร์ด (Rekord Factory) กิจการไม่ค่อยจะดีและตกอยู่ในสภาพล้มละลายไม่นานก่อนที่กองทัพนาซีจะเข้ายึดครองเมืองคราคุฟ  ออสการ์ ชินด์เลอร์ (Oskar Schindler 1908-1974) ได้เข้ามายังเมืองคราคุฟในช่วงปลายปี ค.ศ.1939  ชินด์เลอร์เป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าสำราญสมาชิกพรรคนาซีและยังเคยทำงานสายลับสืบข่าวในเชโกสโลวาเกีย  เขาเข้ามาเทคโอเวอร์โรงงานเพื่อผลิตเครื่องครัวและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ สำหรับกองทัพ เปลี่ยนชื่อโรงงานเป็นโรงงานเครื่องครัวเยอรมัน (Deutsche Emailwarenfabrik – DEF) กิจการรุ่งเรืองร่ำรวยมากเพราะผูกขาดค้าขายกับกองทัพนาซีและใช้แรงงานผู้แพ้สงคราม ต่อมายังได้ปรับปรุงโรงงานให้ผลิตปลอกกระสุนปืนและปลอกลูกระเบิดสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดด้วย

 

          คนงานที่ติดมากับโรงงานส่วนใหญ่เป็นชาวโปแลนด์ แต่ฝ่ายบุคคลของโรงงานก็รับชาวยิวเข้ามาทำงานมากขึ้น โรงงานขยายขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงปลายสงครามประมาณปี ค.ศ.1944 มีคนงานทั้งหมดราว 1,200 คน คนเหล่านี้คือบุคคลที่อยู่ในรายชื่อของชินด์เลอร์ (Schindler’s List) ซึ่งต่อมาเป็นชื่อภาพยนตร์ที่สร้างออกฉายในปี ค.ศ.1993 และใช้โรงงานเป็นสถานที่ถ่ายทำด้วย

 

 

          เพื่อช่วยให้มองเห็นภาพ  รูปนี้แสดงแผนผังของเมืองคร่าวๆ เมืองคราคุฟเป็นเมืองหลวงเก่าของโปแลนด์ในยุคกลาง มีชุมชนชาวยิวเก่าแก่ (บริเวณในกรอบสีเหลือง) อยู่ริมฝั่งเหนือของแม่น้ำวิสวา (Wisła ในภาษาโปลิช  ในภาษาอังกฤษเขียน Vistula (วิสตูลา))  ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำ (ในกรอบสีฟ้า) คือคราคุฟเก๊ตโต (Kraków Ghetto)  โรงงานของชินด์เลอร์อยู่ข้ามรางรถไฟไปทางตะวันออก (ทางด้านขวา) และค่ายปลาสซุฟ (Plaszow Labor camp) ที่สร้างขึ้นหลังจากปิดเก๊ตโตอยู่ทางด้านทิศใต้  ในบริเวณเก๊ตโตผู้เขียนจะขีดกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงไว้ บริเวณนี้คือจัตุรัสพลักสโกดี (Plac Zgody) ซึ่งเป็นลานที่ทหารนาซีต้อนชาวยิวในเก๊ตโตมารวมกันเพื่อขึ้นรถไฟไปยังค่ายสังหาร ปัจจุบันเรียกว่าเก๊ตโตฮีโร่สแควร์ (Ghetto Heroes Square) จัดวางงานศิลปะที่ทำขึ้นเป็นที่ระลึก

 

          ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มขึ้นคราคุฟจัดว่าเป็นเมืองศูนย์รวมทางวัฒนธรรมที่น่าอยู่ มีชาวยิวอยู่ในคราคุฟประมาณ 65,000 คน  เมื่อนาซีบุกโปแลนด์ใหม่ๆ (1 กันยายน ค.ศ.1939) ชาวยิวที่อยู่นอกเมืองหวังว่าคราคุฟจะปลอดภัยกว่าที่อื่นๆ จึงพากันอพยพเข้ามายังคราคุฟ เมื่อนาซีมาถึงคราคุฟในอีก 6 วันต่อมา ประมาณว่ามีชาวยิวอยู่ในเมือง 68,000 – 70,000 คน (ข้อมูลผู้มาลงทะเบียนกับนาซีมีจำนวน 68,482 คน)  แต่แล้ว..ในต้นปี ค.ศ.1940 นาซีประกาศว่าคราคุฟจะเป็นเมืองปลอดยิว ชาวยิว 52,000 คน ถูกส่งออกไปค่ายกักกันในเมืองอื่น เหลือชาวยิวอยู่ในคราคุฟ ประมาณ 18,000 คนซึ่งนาซีจะเอาไว้ใช้แรงงาน  ในปี ค.ศ.1941 นาซีจัดตั้งคราคุฟเก๊ตโตขึ้นเพื่อกวาดต้อนชาวยิวเข้าไปอยู่รวมกัน ว่ากันว่ามีอีกเป็นพันคนที่แอบเข้ามาในเก๊ตโตด้วยหวังว่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ภายนอก

 

 

          ในปี ค.ศ.1942 หลังจากนาซีตกลงใจเรื่องมาตรการสุดท้าย (Final Solution) ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือการกำจัดชาวยิวและบุคคลไม่พึงประสงค์ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว นาซีเริ่มส่งชาวยิวในคราคุฟเก็ตโตขึ้นรถไฟไปยังค่ายสังหารเบลเซก (Belzec extermination camp)  เริ่มจากคนที่ไม่ได้ทำงานหรือสุขภาพไม่ดีก่อน ต่อมาก็ส่งไปโดยไม่เลือก วันปิดเก๊ตโต 14 มีนาคม ค.ศ.1943 เป็นวันนองเลือดมีการสังหารคนกลางถนนกว่าพันคน ชาวยิวประมาณ 3,000 คนถูกส่งไปยังค่ายสังหารเอาชวิตซ์ (Auschwitz extermination camp) แล้วเก๊ตโตก็ปิดตัวลง นาซีย้ายชาวยิวกลุ่มสุดท้ายที่เหลือประมาณ 2,000 คนไปที่ค่ายปลาสซุฟ (Plaszow Labor camp) เป็นคนที่มีสถานะการทำงานชัดเจน ส่วนหนึ่งในนั้นคือคนงานของออสการ์ ชินด์เลอร์

 

          ชินด์เลอร์ผลักดันให้เกิดค่ายแยกเฉพาะคนงานของเขา เขาดูแลคนงานอย่างดี เช่น มีอาหารและการรักษาพยาบาลที่ดี  ในขณะที่อีกด้านหนึ่งชินด์เลอร์ต้องทนรับรู้การเล่นสนุกประจำวันของอามอน เกิท (Amon Göth) นายทหารผู้บังคับบัญชาค่ายปลาสซุฟผู้กระทำทารุณต่อชาวยิวอย่างเกินจะจินตนาการ  สิ่งที่เขาทำได้คือพยายามโยกย้ายชาวยิวในค่ายปลาสซุฟเข้ามาทำงานในโรงงานเพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนผลัดเพื่อเพิ่มผลผลิต คนเหล่านี้จำนวนหนึ่งไม่ใช่คนงานจริงๆ แต่ชินด์เลอร์ก็สามารถเอาตัวรอดจากการตรวจสอบด้วยเล่ห์เพทุบายนานาประการรวมทั้งการติดสินบน ในปี ค.ศ.1944 เมื่อโซเวียตรุกใกล้เข้ามา ชินด์เลอร์รู้ว่านาซีเตรียมตัวจะถอนทัพและปิดค่ายปลาสซุฟซึ่งหมายถึงการสังหารยิวในค่ายทั้งหมด เขาได้วิ่งเต้นย้ายคนงานไปยังโรงงานอีกแห่งของเขาในเมืองบรินลิตซ์ (Brünnlitz ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก) คนงานพันกว่าคนอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัยจนสิ้นสุดสงคราม

 

          หากมองจากพฤติกรรมภายนอก ออสการ์ ชินด์เลอร์อาจดูไม่แตกต่างจากเพื่อนทหารนาซีในการใช้ชีวิตที่ได้เปรียบของตนอย่างสำเริงสำราญ แต่สิ่งที่ค่อยๆ เปลี่ยนเมื่อเวลาผ่านไปคือการรับรู้ด้วยความสยดสยองถึงพฤติกรรมของทหารนาซีต่อชาวยิวซึ่งนับวันจะโหดร้ายมากขึ้น เป็นภาพขัดแย้งกับมโนธรรมของชินด์เลอร์ที่เห็นว่าวิญญูชนไม่ควรปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  แม้ว่าชินด์เลอร์จะไม่ได้แสดงออกซึ่งการต่อต้านนาซี แต่ Final Solution ของชินด์เลอร์นั้นเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับ Final Solution ของนาซี นั่นคือความมุ่งมั่นของชินด์เลอร์ที่จะช่วยเหลือชาวยิวให้ถึงที่สุด ด้วยการใช้ความพยายาม เงินทอง และทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีเพื่อวิ่งเต้นย้ายคนงานชาวยิวจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ออกจากคราคุฟไปยังโรงงานในบรินลิตซ์เพื่อไปให้พ้นอันตรายจากการสังหารหมู่ และยังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโรงงานนี้ให้ปลอดภัย

 

          หลังสงครามออสการ์ ชินด์เลอร์ทำธุรกิจหลายประเภทแต่ก็ล้มเหลวแม้จะได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนชินด์เลอร์จูเดน (Schindlerjuden หรือ ยิวของชินด์เลอร์ (Schindler Jews))  ในบั้นปลายชีวิตเขายังชีพด้วยสวัสดิการรัฐและเงินช่วยเหลือจากกองทุนชินด์เลอร์จูเดน เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ.1974 ขณะอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ ในบ้านเพื่อนที่เมืองฮิลเดสไฮม์ (Hildesheim) ทางตอนเหนือของเยอรมนี โดยไร้ซึ่งทรัพย์สมบัติใดๆ ร่างของเขาถูกนำไปฝังไว้ที่กรุงเยรูซาเล็ม เป็นสมาชิกพรรคนาซีเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรตินี้

 

          ความโด่งดังของภาพยนตร์ชินด์เลอร์ลิสต์ (Schindler’s List) ทำให้นักท่องเที่ยวพากันมาชะโงกดูโรงงานซึ่งขณะนั้นกลายเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์วิทยุที่กิจการมาถึงช่วงขาลงพอดี  ในปี ค.ศ.2005 อาคารโรงงานตกเป็นของเมืองคราคุฟเพื่อชดใช้หนี้ เมืองคราคุฟเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงจัดทำพิพิธภัณฑ์ขึ้น  ในพิพิธภัณฑ์ Oskar Schindler's Enamel Factory การจัดแสดงเรื่องราวของโรงงานและคนงานของชินด์เลอร์เป็นเพียงส่วนหนึ่ง  นิทรรศการหลักของพิพิธภัณฑ์ “คราคุฟภายใต้การยึดครองของนาซี 1939-1945” (Kraków under Nazi Occupation 1939–1945) ได้พาเราท่องไปในเมืองคราคุฟ ดูวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงการยึดครองของนาซี โดยแทรกเนื้อหาไว้ในฉากจำลองสถานที่ต่างๆ ของเมืองด้วยวิธีการจัดแสดงที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้เรามองเห็นภาพการใช้ชีวิตและชะตากรรมที่บีบรัดชาวเมืองและชาวยิวในเก๊ตโตเข้ามาเรื่อยๆ จากที่มีความหวัง สู่ความน่าสะพรึงกลัวและสิ้นหวัง  จะดูผ่านเอาอารมณ์ความรู้สึกก็ได้ แต่ถ้าจะอ่านเนื้อหากันอย่างจริงจังก็มีรายละเอียดมากจนอาจต้องใช้เวลาเกินครึ่งวัน

 

 

 

Schindler’s List

          โปลเด๊ก ฟาเฟรแบร์ก (Poldek Pfefferberg) หนึ่งในยิวของชินด์เลอร์พยายามผลักดันให้มีการสร้างภาพยนตร์จากเรื่องของชินด์เลอร์มาหลายสิบปี จนกระทั่งโทมัส เคเนียลี (Thomas Keneally) ได้สัมภาษณ์เขาและเขียนหนังสือเรื่องเรือของชินด์เลอร์ (Schindler’s Ark ตั้งชื่อเลียนแบบเรือของโนอาห์ หรือ Noah’s Ark) บริษัท MCA (Music Corporation of America) ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้ไว้ในปี ค.ศ.1983 และขอให้สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) เป็นผู้สร้าง สปีลเบิร์กยังไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถสร้างเรื่องนี้ได้จึงเก็บเรื่องไว้จนถึงช่วงหลังจากการทลายกำแพงเบอร์ลิน (ค.ศ.1989) กระแสของกลุ่มนีโอนาซี และกลุ่มคนที่ไม่เชื่อว่าโฮโลคอสต์มีอยู่จริง (Holocaust deniers) เริ่มมีให้เห็นตามสื่อมากขึ้น  สปีลเบิร์กก็คิดได้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำ เพื่อย้ำเตือนให้ชาวโลกไม่ลืมเลือนเรื่องเลวร้ายนี้

 

          ช่วงเวลาของการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ส่วนใหญ่ใช้สถานที่จริงในคราคุฟ มีผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของสปีลเบิร์กและทีมงานสร้างเป็นอย่างมาก  หลังจากนั้นเขาได้ก่อตั้งมูลนิธิโชอา (Shoah Foundation) (Shoah เป็นภาษาฮีบรู ใช้ในความหมายถึงเหตุการณ์โฮโลคอสต์) เพื่อติดตามสัมภาษณ์พยานในเหตุการณ์โฮโลคอสต์และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อื่นๆ กว่า 50,000 คนทั่วโลก  จัดทำเป็นฐานข้อมูลให้สืบค้นและใช้ประโยชน์ในการเผยแพร่เพื่อการศึกษา และยังให้ทุนวิจัยที่เกี่ยวข้องอีกด้วย สืบค้นข้อมูลและกิจกรรมของมูลนิธิได้ที่เว็บไซต์ https://sfi.usc.edu/about

 

แหล่งที่มาของข้อมูล :

ออสการ์ ชินด์เลอร์
1. https://encyclopedia.ushmm.org/content/en/article/oskar-schindler


2. ออสการ์ ชินด์เลอร์ ได้เสี่ยงภัยช่วยเหลือชาวยิวมากกว่าที่เล่ามาและที่แสดงในภาพยนตร์
https://www.yadvashem.org/righteous/stories/schindler.html?gclid=EAIaIQobChMIwNCPz6iT6wIVUiUrCh1e7Qd7EAAYASAAEgJdSPD_BwE


3. ทำไมชินด์เลอร์ที่เป็นสมาชิกพรรคนาซี จึงช่วยชาวยิว https://medium.com/@HolocaustMuseum/oskar-schindlers-motivations-as-told-by-holocaust-survivors-601ea6630533


4. เพื่อนที่ชินด์เลอร์ไปอาศัยบ้านอยู่ในวาระสุดท้ายได้เก็บกระเป๋าเอกสารของเขาไว้ในห้องใต้หลังคา หลังจากเพื่อนคนนี้ตาย ลูกหลานได้มอบเอกสารให้แก่อนุสรณ์สถานโฮโลคอสต์ยาดวาเชม (Yad Vashem) ที่เยรูซาเล็ม ในนั้นมีคำกล่าวที่ชินด์เลอร์กล่าวลาคนงานชาวยิวก่อนที่กองทัพโซเวียตจะมาถึงเมืองบรินลิตซ์ ขอแนะนำให้อ่านของจริงซึ่งยาวกว่าในภาพยนตร์ บทพูดในภาพยนตร์เป็นการเรียบเรียงจากความทรงจำของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่าคำกล่าวสะท้อนถึงหลักการที่ชินด์เลอร์ยึดถือปฏิบัติซึ่งทำให้เรารู้จักตัวตนของเขาดีขึ้น อ่านคำกล่าวได้ตามลิงก์นี้ https://www.yadvashem.org/righteous/stories/schindler/schindler-speech.html?utm_source=ppc&utm_medium=google&utm_campaign=schindler.html&gclid=EAIaIQobChMIqsKTionf7QIVBB4rCh0jHgUkEAAYASABEgInP_D_BwE


ประวัติของโรงงาน
5. https://www.muzeumkrakowa.pl/branches/oskar-schindlers-factory/14


6. https://upadektechnikikrakowa.blogspot.com/2018/02/krakowski-przemys-elektrotechniczny.html


เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์
7. http://muzeumkrakowa.pl/en/branches/oskar-schindlers-enamel-factory


คราคุฟเก๊ตโต
8. https://www.inyourpocket.com/krakow/remembering-the-jewish-ghetto-in-krakow_73758f

 

 

กระต่ายหัวฟู

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ