Museum Core
โคลอสเซียมโภชนา: กลาดิเอเตอร์โรมันกินอะไรเป็นอาหารหลัก?
Museum Core
16 เม.ย. 64 21K
ประเทศอิตาลี

ผู้เขียน : Nerd With Me

  คุณสามารถที่จะดีไซน์อาหารให้ตอบจุดประสงค์สองข้อนี้ต่อไปนี้ได้ไหมครับ?

  1. มันต้องถูกที่สุด ไม่ใช่แค่สมราคานะครับ ราคาต้องถูกแบบต่ำแบบติดดินจริง ๆ ไปเลย
  2. อาหารที่ว่ามาต้องช่วยบำรุงร่างกายผู้กินให้เป็นนักฆ่ามือโปรที่เก่งที่สุดในโลกยุคโบราณ

          ยากใช่ไหม? แล้วนี่ถ้าเราทำมันออกมาไม่ดีเราไม่โดนคนทาน (มือสังหารที่ว่า) หักคอจิ้มซอสมะเขือเทศเรอะ? แต่ก็นั่นแหละครับ แม้จะฟังดูแปลก ๆ แต่นี่คือโจทย์ของคนครัวที่ทำอาหารให้เหล่ากลาดิเอเตอร์ในโลกโรมัน เหล่าบุคคลต้องโทษผู้มีหน้าที่ฟาดฟันกันและกันเพื่อความบันเทิงของประชาชี

 

เรื่องต้องดีต่อสุขภาพนี่คงไม่ต้องอธิบาย แล้วทำไมต้องถูกด้วยล่ะ?

 

         ถ้าให้ตอบในมุมมองของนักธุรกิน มันก็เพราะเหล่ากลาดิเอเตอร์จัดเป็นบุคลากรไม่พึงประสงค์ที่ไม่มีใครอยากลงทุนเกินความจำเป็นครับ หากเป็นประชากรโรมัน ว่าที่กลาดิเอเตอร์ทุกคนต้องเซ็นสัญญาขายตัวเองให้โรงฝึก ทำให้ตนมีสถานภาพไม่ต่างจากทาส ซึ่งโดยมากจะทำเพื่อยกเลิกหนี้สินติดตัวและ/หรือกะลุ้นสร้างชื่อเสียงเงินทองให้ตัวเองหากรอดไปได้ หากไม่ใช่ประชาชนโรมันทั่วไป กลาดิเอเตอร์ก็มักจะเป็นบุคคลที่เป็นศัตรูของสังคมอย่างเชลยศึกต่างชาติไม่ก็นักโทษที่โดนจับได้ นั่นแหละครับ เพราะที่มาที่แสนจะลบ แถมยังประกอบอาชีพเสี่ยงตายถึงขั้วถึงแก่นแบบนี้ โรงฝึกจึงไม่ค่อยมองเหล่านักเรียนเป็นทรัพย์สินระยะยาวเท่าไหร่ อาหารจึงต้องเห็นผล แต่ห้ามแพงเด็ดขาดและยังต้องเยอะเสียด้วย เพราะมันต้องให้พลังงานพอให้คนๆ หนึ่งออกกำลังอย่างหนักได้ทั้งวันโดยไม่สลบไปเสียก่อน

 

งั้นนักฆ่าดาราอาภัพของเราจะกินอะไรดีล่ะ?

 

 

ภาพที่ 1 โมเสกกลาดิเอเตอร์

แหล่งที่มาภาพ: Livius.org

 

เนื้อสัตว์ แต่นาน ๆ ๆ ๆ ที (ไม่กี่เดือนครั้ง)


          ก่อนอื่น เนื้อคงมีได้ไม่บ่อยแน่นอน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก เพราะในสมัยที่ไม่มีฟาร์มระดับอุตสาหกรรม การเลี้ยงสัตว์นั้นต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายที่สูง เนื้อจึงไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปจะได้กินบ่อยอยู่แล้ว (เว้นแต่จะอยู่ริมทะเลหรือแหล่งน้ำอื่นที่มีปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ) ด้วยหลักฐานทางโบราณคดีที่มี แหล่งเนื้อส่วนใหญ่ที่นักสู้ของเราจะได้กินนั้นจะเป็นพวกสัตว์ที่ตายในโคลอสเซียม เช่น ฮิปโป สิงโต หมาป่า ฯลฯ ที่ถูกนำมารีไซเคิลทางโภชนาการในโรงฝึกคนที่ฆ่าพวกมันนี่แหละ แต่เกมส์กลาดิเอเตอร์นั้นไม่ได้มีกันบ่อย ปีนึงนักรบคนนึงจะได้ลงไปสู้เพียงแค่ 3-5 ครั้งเท่านั้นเอง เนื้อสัตว์จากสนามก็เลยไม่ใช่แหล่งอาหารที่มาอย่างคงเส้นคงวา

 

ถั่ว

         จากข้อเมื่อครู่ ก็ในเมื่อไม่มีเนื้อสัตว์แล้ว ภาระทางโปรตีนของพวกเค้าจึงตกมาที่ถั่วอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งพืชจำพวกถั่วนั้นก็เป็นอะไรที่ทุกอารยธรรมโบราณต่างก็มี เป็นแหล่งแคลอรี่ราคาถูกที่ดีต่อสุขภาพ อยู่ท้อง แถมยังเหมาะกับคนที่ต้องการโปรตีนมาซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าจากการฝึกหนักทั้งวัน กลาดิเอเตอร์นั้นมักจะเจอถั่วในรูปแบบของส่วนผสมในข้ามต้นบาร์เล่ย์ที่เขากินกันทุกวัน

 

ผักผลไม้สด

         แม้จะไม่มีความรู้เรื่องวิตามินของการแพทย์สมัยใหม่ แต่แพทย์โรมันก็เข้าใจถึงจุดเชื่อมระหว่างการกินผักผลไม้กับการไม่ป่วยไข้ ซึ่งผักในโลกโรมันโบราณก็จะมีเห็ด หัวหอม กระเทียม ต้นหอม แตงกวา และพวกผักใบเขียว อย่างผักกาดและกะหล่ำ ส่วนผลไม้ก็จะมีพวกพีช พลัม และเชอร์รี่ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เน้นปริมาณเช่นกัน

 

ภาพที่ 2 เมล็ดบาร์เล่ย์

แหล่งที่มาภาพ: National Institute of Korean Language

 

ข้าวบาร์เล่ย์

         นี่แหละอาหารหลักของเหล่านักรบของเรา (ชาวโรมันถึงกับเรียกเหล่ากลาดิเอเตอร์ว่า ‘มนุษย์บาร์เล่ย์’ เลย) ซึ่งก็มักจะมาในรูปแบบข้าวต้มที่เตรียมให้คนเยอะๆ ได้เร็วและง่าย แต่ตัวเลือกนี้มันออกจะพิเศษหน่อยในบริบทของชาวโรมัน เพราะแม้มันจะเป็นพืชเศรษฐกิจของหลายอารยธรรมทั่วโลก แต่สำหรับชาวโรมันที่แล้วบาร์เล่ย์กลับถูกมองเป็นอาหารสัตว์ การที่กลาดิเอเตอร์ต้องกินไม่ต่างจากสัตว์ในไร่ก็คือคำเตือนพวกเขาว่ามีสถานะไม่เทียบเท่าประชากรกินข้าวสาลีคนนึง แต่จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ ธัญพืชชนิดนี้เป็นแหล่งวิตามินและสารอาหารที่อยู่ท้อง ดีต่อสุขภาพหัวใจและเหมาะกับคนที่ออกกำลังกายเยอะเป็นที่สุด

 

ผงกระดูกหรือขี้เถ้าจากเปลือกไม้

         สุดท้ายแต่พิสดารชิดซ้าย นี่คงจะเป็นตัวเลือกที่แปลกที่สุดแล้วแหละว่าเค้าจะกินกันไปทำไม แต่เชื่อหรือไม่ว่านี่แหละเป็นอาหารกลาดิเอเตอร์ที่สำคัญที่สุด เพราะในสังคมโรมันที่นมไม่เป็นที่นิยมแล้ว ปัญหากระดูกนั้นซีเรียสมากๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนแถวนี้ที่ต้องออกไปหาเรื่องบาดเจ็บกันเป็นอาชีพ ผงกระดูกกับขี้เถ้าเปลือกไม้นี่แหละที่เป็นแหล่งแคลเซี่ยมชั้นยอด โดยเหล่ากลาดิเอเตอร์จะกินมันกับข้าวต้มหรือดื่มคู่กับน้ำส้มสายชูครับ เหล่าแพทย์ประจำโรงฝึกเองก็สังเกตว่าพวกมันช่วยลดเคสกระดูกหักในนักเรียน จากการศึกษาสุสานโบราณ เหล่ากลาดิเอเตอร์ซดขี้เถ้าของพวกเราก็มีกระดูกที่แข็งแรงกว่าคนยุคเดียวกันจริงๆ ซะด้วย

         สรุปแล้ว ด้วยสถานะในสังคมที่ต่ำต้อยแต่อาชีพที่สุดแสนจะอันตราย อาหารของเหล่ากลาดิเอเตอร์จึงเป็นส่วนผสมของปริมาณ ประสิทธิภาพ และนัยยะทางสังคม กลายมาเป็นข้าวต้มบาร์เล่ย์กับถั่วโรยผงกระดูกเคียงด้วยผักผลไม้สด แปลกตา แปลกใจและแปลกลิ้นแน่นอนสำหรับคนสมัยเราที่มองย้อนกลับไปยังยุคเค้า

 

อ้างอิง


Gladiator: The Roman Fighter's [Unofficial] Manual by Philip Matyszak
https://www.amazon.com/dp/B00KIDR4YO/


The Gladiator Diet by Archaeology Magazine
https://archive.archaeology.org/0811/abstracts/gladiator.html


Dinner With the Gladiators: Beans and Ashes by National Geographic
https://www.nationalgeographic.com/culture/article/dinner-with-the-gladiators-beans-and-ashes


What did gladiator eat by Atlas Obscura
https://www.atlasobscura.com/articles/what-did-gladiators-eat

 

Nerd With Me

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ