Museum Core
The Old Operating Theatre Museum พิพิธภัณฑ์ลึกลับสุดแปลกในลอนดอน
Museum Core
30 เม.ย. 64 2K
ประเทศอังกฤษ

ผู้เขียน : ยุภาพร ธัญวิวัฒน์กุล

          หากใครได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวในดินแดนยุโรปแล้ว ย่อมมีชื่อ “ลอนดอน” เป็นเมืองในหมุดหมายที่อยากไปเยือนสักครั้งหนึ่ง เสน่ห์ของเมืองนี้น่าจะเป็นเมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานไม่แพ้เมืองอื่นและเป็นอีกเมืองหนึ่งที่คนชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ถูกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่นี่พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่รัฐสนับสนุนจะเปิดให้เข้าชม ฟรี! (นี่มันสวรรค์ชัดๆ)

 

          ลอนดอน เป็นที่ตั้งของบรรดาพิพิธภัณฑ์ชั้นนำขนาดใหญ่ที่ต่างสะสมชิ้นผลงานศิลปะ โบราณวัตถุระดับมาสเตอร์พีซของโลกจากทุกยุคทุกสมัยเอาไว้มากมาย รวมถึงความก้าวหน้าในศาสตร์ด้านพิพิธภัณฑ์ก็ไม่เป็นสองรองใคร หรือถ้าให้ถูกควรเรียกว่า “แถวหน้าของวงการพิพิธภัณฑ์โลก”  ฉะนั้น นอกจากความตื่นตาตื่นใจที่ได้จากการชื่นชมสมบัติวัตถุแห่งมนุษยชาติที่มีมากมายแล้ว เชื่อได้ว่าคนดูยังได้รับความรู้และความเพลิดเพลินที่ผ่านการตีความและเลือกสรรเทคนิคการจัดแสดงมาแล้วเป็นอย่างดี

 

          แต่มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แห่งหนึ่งที่แม้จะไม่ได้เปิดให้เข้าชมฟรี แถมยังซ่อนตัวมิดชิดในย่านคิงส์คอลเลจ (King's College London) ขนาดที่ว่าเดินตามกูเกิลแมปมาถึงแล้วก็ยังงงๆ ว่าทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ตรงไหน พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ คือ The Old Operating Theatre Museum ที่ตั้งอยู่ในโซนใต้หลังคา (garret) ที่เป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์โรงพยาบาลเซนต์โทมัสที่อายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในลอนดอน (ก่อตั้งปี ค.ศ.1106) โดยพื้นที่พิพิธภัณฑ์เป็นส่วนที่โรงพยาบาลสร้างขยายเพิ่มและเริ่มใช้งานในปี ค.ศ. 1822 ซึ่งแต่เดิมโรงพยาบาลใช้พื้นที่นี้เป็นสถานที่ปรุงยา เก็บสมุนไพรและวัตถุดิบยาที่มาจากธรรมชาติ รวมถึงเป็นที่ตากแห้งเมล็ดจากดอกฝิ่น โดยมีเภสัชกรเป็นผู้ที่รับผิดชอบดูแลใบสั่งยาสำหรับกรณีการผ่าตัดและยาสำหรับคนไข้ทั่วโรงพยาบาล

  

          ความประหลาดใจเริ่มขึ้นจากทางเข้าพิพิธภัณฑ์ที่คุณต้องพาตัวเองเดินขึ้นบันไดเวียนไม้จำนวน 52 ขั้น ที่ทั้งเล็ก ชัน และแคบมาก สามารถเดินขึ้น-ลงได้เพียงทีละคนเท่านั้น การค่อยๆ เหยียบย่างเท้าบนบันไดเก่าแก่อย่างเกรงใจทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในรูหนอนย้อนเวลาไปสู่อดีต เมื่อพ้นบันไดจะพบพื้นที่ขนาดเล็กเป็นเคาเตอร์เก็บค่าเข้าชมและวางขายของที่ระลึกเล็กน้อย แทบไม่มีการตกแต่งใดๆ เรียบสมถะแบบยุคเก่า

 

 

ภาพที่ 1 บันไดเวียนเก่าแก่ที่พาย้อนเวลาไป 200 ปีก่อน

 

          หลังผ่านประตูเข้าสู่พื้นที่นิทรรศการโซนแรก กลิ่นสมุนไพรฉุนอ่อนๆจะเป็นสิ่งปะทะแรกที่จมูกเพื่อกระตุ้นสมองให้รับรู้ว่าตอนนี้ยืนอยู่ไหน ภาพที่เห็นเป็นห้องโถงใต้หลังคากว้างขวางพอรับรองคนเข้าชมได้ไม่ควรเกิน 30 คน รอบๆ ห้องจัดแบ่งเป็นมุมต่างๆ มีตู้กระจกหลายใบจัดแสดงสิ่งละอันพันน้อยต่างๆ เป็นหมวดหมู่ละลานเต็มตู้

 

          สิ่งจัดแสดงต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์เป็นของสะสมเก่าแก่จำพวกอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่เคยใช้งานจริงแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการวิทยาศาสตร์การแพทย์และการพยาบาล เช่น โครงกระดูกมนุษย์ในตู้ ใบเลื่อยที่ใช้ในการผ่าตัดกระดูก หัวนมปลอม ขาเทียม ขวดโหลแก้วใส่ยา เข็มฉีดยา มีดผ่าตัด เครื่องพ่นกรดคาร์บอลิคที่ใช้ในการผ่าตัด เป็นต้น

 

ภาพที่ 2 เลื่อยขนาดต่างๆ ที่เคยใช้ในการผ่าตัด

ที่มาภาพ: https://oldoperatingtheatre.com/

 

          แต่มุมที่ดึงดูดสายตาที่สุดเป็นโต๊ะปรุงยาขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ตาชั่ง โกร่งบดยา ตะกร้าเครื่องยาสมุนไพร และขื่อคานที่แขวนตากห้อยพืชสมุนไพรต่างๆ รูปแบบการจัดวางให้ดูไม่จงใจปนระเกะระกะและแสงสลัวกลับช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูเสมือนจริงสมยุควิกตอเรียน โดยพิพิธภัณฑ์เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สมมติเป็นเภสัชกรปรุงยาและผลิตเม็ดผงยาสมุนไพรด้วยเครื่องอัดเม็ดที่ใช้แรงมือคน เป็นกิจกรรมเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชอบ

 

ภาพที่ 3 พื้นที่ปรุงยาของเภสัชกร

 

         อีกมุมหนึ่งของโซนแรกที่น่าสนใจ เรียกว่า ‘Cabinet of Curiosities’  เป็นตู้และชั้นไม้เก่าที่จัดแสดงบรรดาสรรพสิ่งต่างๆ ไว้รวมกัน ทั้งเปลือกหอย ซากสัตว์สตัฟฟ์ รูปปั้น ซากปลาปักเป้าที่โป่งพอง เปลือกไข่นกกระจอกเทศ ขนนกยูง ใยบวบ โถกระเบื้องเคลือบ ฯลฯ หลายคนอาจคิดว่าทำไมไม่จัดให้เป็นระเบียบ “สุมกองไว้ดูรกๆ”  แต่นี่คือสไตล์ที่แท้จริงของตู้แห่งความใคร่รู้ ที่สืบทอดกันมาของชาวยุโรปตั้งแต่ยุคออกเดินเรือสำรวจโลก (Age of Discovery) ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ง่ายๆ คือ เก็บทุกอย่างที่แปลกประหลาดไม่เคยพบมาก่อนบนโลกใบนี้เอามาเพื่อศึกษา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของพิพิธภัณฑ์วิทยา (Museology) 

 

ภาพที่ 4 มุมจัดแสดง Cabinet of Curiosities 

 

          ต่อมาในโซนจัดแสดงที่สองที่เป็นไฮไลท์พิเศษของพิพิธภัณฑ์ คือ ห้องผ่าตัด (Operating Theatre) รูปแบบดั้งเดิมจากยุคศตวรรษที่ 19 ที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ หากใครพอทราบประวัติศาสตร์การแพทย์จะทราบว่านี่เป็นจุดแรกเริ่มของประวัติศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ที่แพทย์เรียนรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายและรักษาด้วยวิทยาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเป็นศาสตร์ที่ช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ไว้ได้เพิ่มขึ้นนอกจากการใช้ยารักษาเป็นหลัก

 

ภาพที่ 5 a. (ซ้าย) ภาพวาดแสดงวิธีการผ่าตัดในห้องผ่าตัดยุคที่ยังไม่มียาชา

และ b. (ขวา) โซน ห้องผ่าตัดที่เคยใช้งานจริงในยุคสมัยศตวรรษที่ 19

ที่มาภาพ: https://oldoperatingtheatre.com/

 

 

           ถ้าเดาความหมายจากชื่อแล้วจะฉงนเล็กน้อยว่า Theatre หรือโรงละครมาเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดได้ไง ในอดีตการเรียนรู้ของแพทย์จำเป็นต้องเรียนรู้จากเคสจริง จึงออกแบบสร้างห้องผ่าตัดในรูปแบบโรงละครโค้งมีสเต็ปลดหลั่น เพื่อให้นักเรียนแพทย์มองเห็นได้ทั่วถึง มีพื้นที่กลางห้องเป็นเสมือนเวทีแสดงการสาธิตวิธีการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดนั่นเอง โดยเป็นการผ่าตัดตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มียาชาและน้ำยาฆ่าเชื้อ

 

ภาพที่ 6 Museum trail และมุมกิจกรรมสนุกๆ ของพิพิธภัณฑ์

 

            แม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ มีเจ้าหน้าที่น้อยและงบที่จำกัด แต่พิพิธภัณฑ์ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการจัดโปรแกรมเรียนรู้สำหรับเด็ก สอดแทรกเกร็ดความรู้ผ่านใบคำถามนำทาง (Museum trail) ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามออกแบบให้เด็กๆ สนุกกับการค้นหาสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจในนิทรรศการ และทำได้ดีไม่แพ้พิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รู้สึกประทับใจจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่

 

ยุภาพร ธัญวิวัฒน์กุล

 

 

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ