Museum Core
สิ่งล้ำค่าในสายตาและหัวใจ
Museum Core
02 มิ.ย. 64 917
ประเทศเวียดนาม

ผู้เขียน : กระต่ายหัวฟู

          จากเมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An) เดินเลียบแม่น้ำไปทางตะวันออกประมาณ 500 เมตร เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่า (Precious Heritage Museum) ซึ่งจัดแสดงภาพถ่ายและเครื่องแต่งกายของชนพื้นเมืองกว่า 50 กลุ่มจากทุกภาคของประเทศเวียดนาม  เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นด้วยความรักและผูกพันของชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่มีต่อชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศเวียดนาม

 

 

           เรอัน (Réhahn Croquevielle - เรอัน คร็อกกวิเยล) ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสเกิดที่เมืองบาเยอ (Bayeux) แคว้นนอร์มังดี (Normandy) เมื่อปี ค.ศ.1979  เรอันเป็นผู้ที่รักการเดินทางและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ เขาเดินทางไปเวียดนามเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.2007 เพื่อเป็นอาสาสมัครในโครงการช่วยเหลือเด็กๆ  ในตอนนั้นเขาไม่นึกเลยว่าประเทศเวียดนามจะเป็นที่ที่เขาค้นพบตัวตนและจุดมุ่งหมายในชีวิต

 

           หลังจากปี ค.ศ.2007 เรอันกลับไปเวียดนามทุกปีและในที่สุดย้ายไปอยู่ที่นั่นในปี ค.ศ.2011 จากนั้นเขาออกสำรวจและถ่ายภาพชนพื้นเมืองอย่างจริงจัง ในการถ่ายภาพบุคคล (portrait) และจะให้เวลานานมากในการทำความรู้จักคุ้นเคยกับคนๆ นั้น  โดยลักษณะการทำงานเช่นนี้เองเรอันถูกดึงดูดด้วยมนต์เสน่ห์ของเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าในหมู่บ้าน ชุดแต่งกายตามประเพณีอันงดงาม รอยยิ้ม และดวงตาที่เป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง  พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้เลือนหายไปอย่างรวดเร็วและอย่างไม่มีวันหวนคืน

 

          เรอันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณในความรักที่ผู้คนของประเทศเวียดนามมีให้ซึ่งได้เติมเต็มคุณค่าให้แก่ชีวิตของเขา จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะตอบแทนโดยเล่าเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้ผ่านภาพถ่าย เขาหวังว่าผู้ชมจะได้รู้จัก เข้าใจและชื่นชมสิ่งล้ำค่าเฉกเช่นที่เขาชื่นชม ภาพถ่ายของเขามิใช่เพียงภาพของคนกับเสื้อผ้าหลากสีเท่านั้น หากเป็นการจัดเก็บชั่วขณะของความเป็นมนุษย์อันงดงามควรค่าแก่การเฉลิมฉลองและจดจำ

 

 

           เรอันเปิดพิพิธภัณฑ์ ในปี ค.ศ.2017 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างการรับรู้ เก็บรักษา และเฉลิมฉลองคุณค่าของวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเวียดนามและแบ่งปันให้แก่โลก เมื่อย่างเท้าเข้าไปภายในและมองภาพรวมในครั้งแรก พิพิธภัณฑ์มีลักษณะเหมือนห้องจัดแสดงภาพ เป็นภาพบุคคลที่ขยายในขนาดใหญ่มาก ภาพอันสวยงามที่โดยตัวของมันเองสามารถดึงดูดสายตาและชวนให้พินิจพิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ข้างๆ ภาพจัดแสดงเครื่องแต่งกายพื้นเมืองที่เจ้าของบริจาคมาให้ เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นคำบรรยายภาพเป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับภาพแต่ละภาพ  เป็นส่วนที่ผู้เขียนชอบ เพราะมันไม่ใช่ข้อมูลทางวิชาการแต่เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ บางเรื่องก็แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม ความอบอุ่น ความฉงนสนเท่ห์ มันเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่ทำให้รูปนั้นดูมีชีวิตยิ่งขึ้น จนเมื่ออ่านจบแล้วต้องถอยหลังมาอีกสองสามก้าวเพื่อพินิจดูรูปใหม่อีกครั้งหนึ่ง

 

           ผู้เขียนได้เคยไปชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชนพื้นเมืองของเวียดนามที่มีขนาดใหญ่กว่านี้มาก แต่พิพิธภัณฑ์เล็กๆ แห่งนี้ถ่ายทอดทุกสิ่งออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวาโดยเหมือนจะไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายนัก และเรายังสัมผัสได้ว่าเจ้าของทำมันขึ้นมาด้วยความรักจริงๆ ผู้เขียนเชื่อว่าเรอันทำสำเร็จในการทำให้ผู้ชมได้รู้จักผู้คนเหล่านี้อย่างมนุษย์ที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบเดียวกันกับเรา

 

 

การให้กลับคืน (Giving back project)

          เมื่ออ่านข้อเขียนของเรอันที่จัดแสดงไว้ในมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ เราสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นเรอันที่ทำให้พิพิธภัณฑ์นี้ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่มีสิ่งต่างๆ เพียงเพื่อให้เป็นไปตามหน้าที่ที่พิพิธภัณฑ์ควรมีหรือควรทำ เพราะสิ่งจัดแสดงนั้นมีที่มาที่ไปอันเกิดจากการที่เรอันสนทนากับบุคคลในภาพ ในขณะเดียวกันก็สนทนากับเสียงภายในหัวใจของเขา และซื่อสัตย์ต่อการสนทนาทั้งคู่  “การให้กลับคืน” จึงไม่ได้เป็นเพียงการเติมเต็มวัฏจักรแห่งกรรม (การกระทำ) ที่เขากล่าวถึงมันอย่างเรียบง่าย ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความรับผิดชอบตามหลักจริยธรรมที่เขียนไว้ในคู่มือ แต่เป็นผลจากความสัมพันธ์อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันของผู้จัดแสดงและสิ่งจัดแสดง เรอันเชื่อว่าภาพถ่ายเป็นการทำงานร่วมกันของช่างภาพและสิ่งที่ถูกถ่ายภาพ (ซึ่งอาจเป็นคนหรือสิ่งของหรือทิวทัศน์) “การให้กลับคืน” จึงเป็นการแสดงความขอบคุณบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่เป็นมาและจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ใช่ “การตอบแทน” เพื่อให้งานจบสิ้นไปเพียงเท่านั้น

 

          เรอันเป็นผู้จัดแสดงที่มีความนอบน้อมถ่อมตนและผู้ชมจะรู้สึกถึงสิ่งนั้นได้แม้จะโดยผิวเผิน สิ่งจัดแสดงจึงดูเปล่งประกายและอยากจะสนทนากับผู้ชม นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนมากมายชอบพิพิธภัณฑ์แห่งนี้  เมื่อพวกเขากลับออกไปแล้วและมีเวลาที่จะเรียนรู้ลึกลงไปเช่นที่ผู้เขียนทำก็จะสามารถค้นพบสิ่งที่งดงามยิ่งกว่า

 

          พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม ผู้ชมอาจจะได้พบและพูดคุยกับเรอัน ในส่วนที่เป็นร้านกาแฟมีรูปภาพ ของที่ระลึก ผ้าพื้นเมือง และงานหัตถกรรมที่ชาวพื้นเมืองส่งมาให้จัดจำหน่าย รายได้จะกลับไปช่วยเหลือตามความต้องการของชาวพื้นเมือง ถ้าอยากหาความรู้เพิ่มเติมก็มีหนังสือจำหน่ายด้วย

 

เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ http://preciousheritageproject.com/

เว็บไซต์ของเรอัน

 

กระต่ายหัวฟู

 

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ