Museum Core
เรียนรู้เรื่อง “ความยั่งยืน” จากศาลเจ้าอิเสะ
Museum Core
30 มิ.ย. 64 2K
ประเทศญี่ปุ่น

ผู้เขียน : สฤณี อาชวานันทกุล

 

สถานที่: ศาลเจ้าอิเสะ จังหวัดมิเอะ ญี่ปุ่น

 

          เชื่อว่าทุกคนที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก ศาลเจ้าอิเสะ-จิงกุ ในจังหวัดมิเอะ ศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาชินโต ศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากจะเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของญี่ปุ่น อายุกว่า 1,300 ปี (บางคนลือว่าอาจนานถึง 2,000 ปี) ยังเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในประเทศ เพราะเป็นที่ประดิษฐานของ "อามะเทระสึ โอมิคามิ" เทพแห่งดวงอาทิตย์ สัญลักษณ์กลางธงชาติญี่ปุ่น

 

          เทพแห่งดวงอาทิตย์เป็นเทพหลักของศาสนาชินโต และตำนานก็กล่าวว่าจักรพรรดิญี่ปุ่นสืบเชื้อสายมาจากเทพองค์นี้โดยตรง ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นและคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะตั้งใจว่า ก่อนตายจะต้องมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ให้ได้

 

ประตูทางเข้าศาลเจ้าอิเสะ

 

          บรรยากาศภายในศาลเจ้าอิเสะร่มรื่น ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนเขียวขจี พื้นที่ทั้งหมดแบ่งออกเป็นศาลเจ้าชั้นใน ที่ประทับของเทพอามะเทระสึ  ศาลเจ้าชั้นนอก ที่ประทับของเทพโทโยเกะ เทพแห่งการเกษตร เครื่องนุ่งห่ม และบ้านเรือน ไม่นับศาลเจ้าย่อยอีก 124 ศาล ศาลเจ้าหลักทั้งชั้นนอกชั้นในมีขนาดใหญ่ที่สุด สถาปัตยกรรมแบบ ชินเมซูกุริ เน้นความเรียบง่ายและอนุรักษ์แบบแผนจากโบราณ กลมกลืนกับธรรมชาติตามคติชินโต ศาลเจ้าย่อยนับร้อยหลังนั้นหากมองผ่านๆ อาจนึกว่าเป็นบ้านไม้ของคนธรรมดา หาใช่ที่อยู่ของทวยเทพ

 

          เหตุผลที่ฉันชอบศาลเจ้าอิเสะมาก นอกจากจะมีบรรยากาศขลังลึกลับ อบอวลด้วยกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ ผสมกับอากาศเย็นสบาย (โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง) ก็คือ “วิธีคิด” ในการอนุรักษ์ศาลเจ้าที่ไม่เหมือนใครในโลก แถมยังสอนหลักคิดเรื่อง การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ sustainable development ได้ดีมากด้วย

 

          ในฐานะที่สอนและทำวิจัยเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ธุรกิจที่ยั่งยืน ฉันใช้ศาลเจ้าอิเสะเป็นตัวอย่างอยู่เนืองๆ ในชั้นเรียนและงานวิจัย

 

          ใครที่มาเยือนศาลเจ้าอิเสะคงรู้สึกฉงนว่า คนญี่ปุ่นสามารถอนุรักษ์ศาลเจ้าได้พันกว่าปี โดยที่ยังคงสภาพสมบูรณ์สวยงามเหมือนเดิมได้อย่างไร แถมอาคารทั้งหมดยังใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก วัสดุที่ต่อให้ใช้พันธุ์ที่ทนทานขนาดไหนก็มีวันเสื่อม ทำไมไม้ในอาคารในศาลเจ้าอิเสะทั้งหมดถึงได้ดูใหม่ราวกับเพิ่งสร้างมาไม่นาน

 

         

          คำตอบก็คือ รัฐบาลญี่ปุ่นใช้เงินกว่า 15,000 ล้านบาท จากงบประมาณแผ่นดินและเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ทุก 20 ปี ในการรื้อศาลเจ้าทั้งหมดทิ้ง และสร้างขึ้นมาใหม่ตามแบบแผนและธรรมเนียมโบราณทุกกระเบียดนิ้ว

 

          ตั้งแต่แรกสร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 8 ศาลเจ้าอิเสะ-จิงกุ ถูกรื้อและสร้างใหม่ทุก 20 ปี มาแล้ว 62 ครั้ง โดยไม่มีขาดช่วง ศาลเจ้าอิเสะฉบับที่เราจะได้พบถ้าไปเยือนวันนี้ คือศาลเจ้าที่สร้างใหม่ในปี ค.ศ. 2013 ถ้าใครไปเยือนหลังปี ค.ศ. 2033 ก็จะได้พบกับศาลเจ้าอิเสะฉบับที่ 63

 

          การรื้อสร้างศาลเจ้าอิเสะแต่ละครั้งไม่ได้รื้อเฉพาะศาลเจ้าหลักสองหลังเท่านั้น แต่รื้อและสร้างศาลเจ้าย่อยอีก 124 หลังในบริเวณด้วย แน่นอนว่าการรื้อและสร้างศาลเจ้าขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลาหลายเดือน ศาลเจ้าอิเสะมีคนเดินทางมาสักการะอย่างไม่ขาดสาย แปลว่าถ้าจะสร้างในตำแหน่งเดิม ก็ต้องประกาศปิดศาลเจ้าหลายเดือนในปีที่จะทำการรื้อสร้าง

 

          แต่ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ต้องปิด เพราะการรื้อสร้างทุก 20 ปี ไม่ได้สร้างในตำแหน่งเดิม แต่สร้างในแปลงใหม่ ทุกครั้งที่มีการสร้างศาลเจ้าอิเสะฉบับใหม่สำเร็จ ที่ดินแปลงติดกันเรียกว่า โคเดนชิ ก็จะถูกระบุทันทีว่าจะเป็นตำแหน่งของศาลเจ้าฉบับต่อไปในอีก 20 ปี ทางการจะระบุพิกัดอย่างชัดเจนด้วยการสร้างกระท่อมหลังเล็กๆ และปักไม้ไผ่ยาวไว้เป็นหมุดหมาย พอช่วงเวลา 20 ปีใกล้จะสิ้นสุดลง ศาลเจ้าแห่งใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นรอบๆ ไม้ไผ่นี้ ระหว่างที่เริ่มรื้อศาลเจ้าเก่า

 

          แบบแผนการสร้างศาลเจ้าใหม่ในแปลงใหม่ สลับกับการรื้อศาลเจ้าเก่าในแปลงเก่า แปลว่าบางช่วง ศาลเจ้าอิเสะจะมีตัวตนในสองสถานที่ในคราวเดียว

 

          ศาลเจ้าอิเสะฉบับใหม่จะถูกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรม ชินเม-ซูกุริ ดั้งเดิมทุกกระเบียดนิ้ว และใช้ภูมิปัญญาการก่อสร้างแบบดั้งเดิมเช่นกัน การที่ต้องรื้อสร้างทุก 20 ปี เท่ากับการันตีว่าภูมิปัญญาของช่างฝีมือโบราณจะได้รับการถ่ายทอดมายังช่างรุ่นใหม่อย่างไม่ขาดช่วง

 

 

          นอกจากนี้ การที่ศาลเจ้าทั้งหมดสร้างจาก “ไม้” โดยเฉพาะไม้สนพันธุ์ฮิโนกิ (ไม้สนไซเปรสชนิดหนึ่ง) ก็แปลว่าบริเวณโดยรอบจะต้องมีป่าไม้สนที่อุดมสมบูรณ์ จะได้ตัดมาสร้างศาลเจ้าฉบับใหม่ได้ทุก 20 ปี

 

         พิธีสร้างศาลเจ้าอิเสะใหม่ทุก 20 ปี เรียกว่า พิธี ชิกิเนน เซงโก เป็นพิธีระดับชาติ ใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้านานถึงแปดปี เฉพาะขั้นตอนการเลื่อยไม้สนเป็นไม้ซุงและแผ่นไม้สำหรับการก่อสร้างศาลเจ้าก็ใช้เวลานานถึงสี่ปี

 

         ในพิธี เชงโก ชาวจังหวัดมิเอะเข้าร่วมขบวนพาเหรด แห่ไม้ฮิโนกิและหินสีขาวที่เตรียมไว้สำหรับสร้างศาลฉบับใหม่ นำมาวางในจุดศักดิ์สิทธิ์รอบศาล แบบเดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำสืบเนื่องกันมานับพันปี ชาวบ้านที่อายุยืนจะได้มีส่วนร่วมในพิธีเชงโก หลายครั้ง เช่น ถ้าอายุเกิน 80 ปี ก็อาจจะเคยมีส่วนร่วมในพิธีนี้ไม่น้อยกว่าสี่ครั้ง (80 หารด้วย 20) และหันมาบอกลูกหลานว่า ครั้งต่อไปจะเป็นหน้าที่ของพวกเธอแล้วนะ

 

          การจะรื้อสร้างศาลเจ้าอิเสะ-จิงกุได้ จึงต้องเข้าใจทั้งความสำคัญของการอนุรักษ์ และแก่นสารของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน”

 

          กระบวนการรื้อสร้างศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อในศาสนาชินโต ว่าด้วยสังสารวัฏ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนในธรรมชาติ และการเกิดใหม่ของธรรมชาติ

 

          สิ่งต่างๆ ที่มนุษย์สร้างนั้นจะยั่งยืนสถาพรได้ ไม่ใช่เพราะความคงทนหรือความแข็งแกร่งของวัสดุที่ใช้

 

          หากอยู่ที่ความสามารถในการอนุรักษ์ธรรมชาติ การสืบสานภูมิปัญญา และการมีวิสัยทัศน์ยาวไกลไปถึงรุ่นลูกหลาน

 

สฤณี  อาชวานันทกุล

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ