Museum Core
ประวัติศาสตร์บาดแผลที่เรือนจำซอแดมุน
Museum Core
22 ก.ย. 64 3K
ประเทศเกาหลีใต้

ผู้เขียน : กระต่ายหัวฟู

          เรือนจำซอแดมุน (Seodaemun Prison) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea หรือเกาหลีใต้) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1907 ในสมัยจักรวรรดิแทฮัน (Daehan Empire) โดยคำแนะนำจากญี่ปุ่นซึ่งในขณะนั้นได้ประกาศให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาแล้ว เรือนจำเริ่มเปิดใช้งานในปี ค.ศ.1908 และถือเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งแรกที่เป็นเครื่องมือของระบบการปกครองอาณานิคมของญี่ปุ่นในยุคใหม่

 

          เรือนจำเป็นที่คุมขังผู้ต่อต้านผู้ปกครองตลอดระยะเวลา 80 ปีของการใช้งาน ซึ่งอาจแบ่งอย่างกว้างๆ เป็นสองช่วงคือ

 

ปี ค.ศ.1910 – 1945

          เป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีเป็นอาณานิคม การยึดครองนี้กินเวลายาวนานผ่านสงครามโลกทั้งสองครั้ง เรือนจำซอแดมุนถูกใช้คุมขังชาวเกาหลีที่ต่อต้านการปกครองของญี่ปุ่น  นักโทษจำนวนมากถูกสังหารหรือไม่ก็ทรมานจนตายที่นี่ ญี่ปุ่นยังสร้างที่คุมขังเช่นเดียวกันนี้อีกหลายแห่งตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศเกาหลี

 

          ในปี ค.ศ. 1919 หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจบลง เกิดประเทศใหม่ๆ ที่ได้รับเอกราชจากเจ้าอาณานิคม กระแสตื่นตัวเรื่องชาตินิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ด้วยแรงบันดาลใจนี้ชาวเกาหลีได้จัดการชุมนุมขึ้นในกรุงโซลเมื่อวันที่ 1 มีนาคม (March First Movement ในปัจจุบันเกาหลีใต้ยกย่องวันนี้ให้เป็นวันแห่งอิสรภาพ) การชุมนุมยืดเยื้อไปหลายวันและญี่ปุ่นได้เข้าปราบปรามอย่างรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก และเรือนจำซอแดมุนก็ได้ขยายปริมาณการรับนักโทษเพิ่มจากห้าร้อยคนเป็นสามพันคนนับแต่นั้นมา

 

ภาพที่ 1 สภาพภายในของเรือนจำซอแดมุน

 

ปี ค.ศ. 1948 - 1987

          ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี ค.ศ.1948-1987 สาธารณรัฐเกาหลีถูกปกครองโดยเผด็จการในคราบรัฐบาลพลเรือนและรัฐบาลทหารอีกหลายชุดซึ่งทำการทุจริตกอบโกยความมั่งคั่งให้แก่ตนเองและพวกพ้องในขณะที่ประชาชนชาวเกาหลีส่วนใหญ่ยังคงยากจน  เรือนจำซอแดมุนจึงยังคงเล่นบทบาทที่โหดร้ายต่อมาอีกหลายสิบปีเพราะถูกใช้คุมขังประชาชนที่ออกมาประท้วงรัฐบาลเผด็จการด้วยข้อหาการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ จนในปี ค.ศ.1987 เมื่อสาธารณรัฐเกาหลีเริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย จึงได้มีการย้ายที่คุมขังนักโทษไปที่อื่นและเริ่มบูรณะปรับปรุงเรือนจำซอแดมุนให้เป็นหอประวัติศาสตร์

 

หอประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน

          ในปี ค.ศ.1992 รัฐบาลเกาหลีปรับปรุงบริเวณรอบๆ เรือนจำให้เป็นสวนอิสรภาพ (Seodaemun Independence Park) ส่วนหอประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน (Seodaemun Prison History Hall) เปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ.1998 บริเวณของเรือนจำมีพื้นที่เกือบสามหมื่นตารางเมตรหรือประมาณ 18 ไร่ มีอาคาร 15 หลัง หลายหลังจัดแสดงนิทรรศการอยู่ภายในและบางหลังก็จัดแสดงตัวของมันเอง เช่น อาคารหลังเล็กๆที่ใช้เป็นห้องสังหาร ห้องเก็บศพนักโทษ อุโมงค์ที่ใช้ลำเลียงศพออกไป เป็นต้น  สิ่งก่อสร้างบางหลังเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ตามแบบแปลนเดิม เช่น คอกสำหรับให้นักโทษออกกำลังกาย

 

ภาพที่ 2:  ห้องขังเดี่ยวใช้ในการทรมาน ที่ทำให้เตี้ยจนยืนยืดตัวตรงไม่ได้ แต่ก็แคบเกินกว่าที่จะนั่งลง

คนเรายืนย่อๆขาอยู่ได้นานเท่าไหร่กว่าข้อต่อต่างๆจะปวดจนแทบหลุดออกจากกัน?

 

 

          นิทรรศการในส่วนแรกเล่าเรื่องประวัติของเรือนจำ จัดแสดงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในเรือนจำ ห้องทรมานและเครื่องมือทรมานต่างๆ รวมถึงมีภาพจำลองของการทรมานนักโทษ  ในห้องโถงถัดมาเล่าถึงเหตุการณ์การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นและการลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของสาธารณรัฐเกาหลีครั้งสำคัญๆ ซึ่งนำพาผู้ต่อต้านมาเป็นนักโทษที่นี่  ส่วนที่สามเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงบรรดาผู้ถูกคุมขัง หลายคนมีประวัติและเรื่องเล่า แต่ส่วนใหญ่มีเพียงชื่อและรูปถ่าย

 

          อาคารยาวๆ สามหลังที่วางตัวเป็นรูปพัดคืออาคารที่ใช้คุมขังนักโทษ มีการนำมาจัดแสดงสองหลัง นอกจากจะแสดงสภาพภายในห้องขังแล้ว ด้านหน้าห้องขังแต่ละห้องยังจัดแสดงเรื่องราวของผู้ที่เคยถูกคุมขังไว้ที่นี่ ทำให้เมื่อผู้ชมเดินไปตามทางเดินยาวที่มีห้องขังอยู่ทั้งสองด้าน จึงรู้สึกเหมือนทุกห้องขังต่างเปล่งเสียงเล่าเรื่องราวของตนเองออกมา

 

 ภาพที่ 3 การจัดแสดงของนิทรรศการที่ให้ข้อมูลและบรรยากาศของเรือนจำ

 

          ด้วยประวัติการใช้งาน 80 ปี เรือนจำซอแดมุนยังคงเป็นที่จดจำและเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงที่หลอกหลอนอยู่ในจิตใจของชาวเกาหลีใต้ ในขณะเดียวกันก็มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะมันได้ต้อนรับวีรชนของชาติรุ่นแล้วรุ่นเล่า การเล่าเรื่องของนิทรรศการไม่ได้ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกว่าพวกเขาตกเป็นเหยื่อที่น่าสงสาร ตรงกันข้ามพวกเขาได้ลิขิตชีวิตตนเองอย่างกล้าหาญ สถานที่แห่งนี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งโรงเรียนทุกแห่งจะต้องพานักเรียนมาทัศนศึกษาเพื่อทำความเข้าใจประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชาติ  นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักการเมืองและนักบวช ต่างก็มาเยี่ยมเยือนที่นี่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2015 อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฮาโทยามะ ยูกิโอะ (Hatoyama Yukio) ได้มาเยือนซอแดมุนและได้คุกเข่าต่อหน้าศิลาอนุสรณ์เพื่อแสดงการขอโทษต่ออาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง

 

         สาธารณรัฐเกาหลีได้เปลี่ยนสถานที่ซึ่งเป็นบาดแผลในประวัติศาสตร์ให้เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ  หอประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ผู้เขียนอยากจะชวนผู้ที่ไปเที่ยวกรุงโซลให้มาชมเพื่อทำความรู้จักกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีที่ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน

 

แหล่งอ้างอิง

http://www.sscmc.or.kr/foreign/eng/introduction.html

https://www.theseoulguide.com/seodaemun-prison-history-hall/

Hyun Kyung Lee, “'Difficult Heritage' in Nation Building: South Korea and Post-Conflict Japanese Colonial Occupation Architecture”, 2019.

 

กระต่ายหัวฟู

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ