“ไอเขียนเลตเตอร์ ถึงเธอ เดียร์จอห์น
เขียนในแฟลตที่ยูเคยนอน จังหวัดอุดร ประเทศไทยแลนด์ ...”
ภาพที่ 1 : ภาพปกเพลงจดหมายรักจากเมียเช่า โดย Sudhep Records
แหล่งที่มาภาพ : https://youtu.be/WC3SdAmR7us
ย้อนกลับไปในทศวรรษ 2510 “จดหมายรักจากเมียเช่า” เพลงลูกกรุงซึ่งประพันธ์โดยอาจินต์ ปัญจพรรค์ ขับร้องโดยมาณี มณีวรรณ นับว่าเป็นสไตล์เพลงที่แปลกใหม่ในช่วงเวลานั้นด้วยการใช้ภาษาแบบไทยคำอังกฤษคำ เพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเมียเช่าชาวไทยที่พยายามเขียนจดหมายถึงทหารอเมริกันซึ่งเคยประจำอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีในช่วงสงครามเวียดนาม แต่ได้ถอนกำลังกลับประเทศไปเสียแล้ว เพียงเวลาไม่นาน เพลงนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายด้วยกลวิธีการแต่งและเนื้อหาที่ร่วมสมัย และประสบความสำเร็จอย่างมากหลังนำไปประกอบละครของวงดนตรีสุเทพโชว์ทางโทรทัศน์ช่อง 5 สนามเป้าในเวลาต่อมา
หากฟังจนจบแล้วอาจสังเกตได้ว่า นอกจากเรื่องราวระหว่างเมียเช่ากับทหารอเมริกันแล้ว เพลงจดหมายรักจากเมียเช่ายังแฝงกลิ่นอายและฉายสภาพสังคมของเมืองอุดรฯ ในห่วงเวลานั้นไว้ระหว่างบรรทัดด้วยเช่นกัน โดยหากเปรียบเทียบเรื่องราวในเพลงกับเหตุการณ์ร่วมสมัยจะพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ทหารอเมริกัน-เมียเช่าชาวไทย’ คล้ายคลึงกับความสัมพันธ์ของ ‘กองทัพสหรัฐฯ-เมืองอุดรฯ’ ในครั้งนั้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในแง่ของความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างฝ่ายที่เหนือกว่า-ด้อยกว่า กล่าวคือ กองทัพสหรัฐฯ อยู่ในสถานะที่สามารถกล้ำกรายพื้นที่ของเมืองอุดรฯ (และพื้นที่อื่นในประเทศไทย) ได้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังรัฐบาลของสองประเทศเป็นพันธมิตรร่วมในองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) และในทางเดียวกัน ทหารอเมริกันก็อยู่สถานะผู้ใช้บริการเมียเช่าชาวไทยหลังตกลงปลงใจกันแล้ว อาจกล่าวได้ว่า จดหมายรักจากเมียเช่าเปรียบเสมือนกรอบแว่นที่มองไปยังเมืองอุดรฯ ในอดีต โดยมีการตีความเป็นเลนส์ช่วยเสริมและปรับมุมมองแก่ผู้สวมใส่ให้เข้าถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในมิติที่ต่างออกไป
ในช่วงสงครามเวียดนาม จังหวัดอุดรธานีเป็น 1 ใน 7 พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศไทยที่กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาอาศัยเพื่อดำเนินปฏิบัติการต่อต้านคอมมิวนิสต์ (anti-communist) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลกเปลี่ยนกับการให้ความช่วยเหลือด้านงบประมาณในการพัฒนาประเทศ โดยการมาถึงของทหารอเมริกันกว่า 8,000 นายในทศวรรษ 2500-2520 ส่งผลให้เมืองอุดรฯ จำต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน หลายพื้นที่ถูกแปรสภาพเป็นฐานทัพที่ทันสมัย เช่น พื้นที่บริเวณค่ายรามสูรและกองบิน 23 ซึ่งขณะนั้นรวมเอาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเอาไว้เพื่อตรวจจับสัญญาณวิทยุและช่วยเหลือด้านการข่าวแก่ฐานทัพอื่นในประเทศไทย
ภาพที่ 2: An aerial photo of Ramasun Station, taken in 1973 by Phil Nickell of the 6924th
Security Squadron, USAF.
แหล่งที่มาภาพ: https://flic.kr/s/aHsiDoks5Y
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ส่งผลให้เกิดการกระจายตัวของเมืองอุดรฯ ไปตามถนนมิตรภาพซึ่งเป็นเส้นทางสู่ฐานทัพสหรัฐฯ เกิดกิจการภาคบริการอย่างโรงแรม บาร์ ไนต์คลับ บ้านเช่า บังกะโล ฯลฯ ขึ้นเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์นอกเวลางานแบบ R&R (Rest and Recuperation – การพักผ่อนหย่อนใจ) ของทหารอเมริกัน ทำให้มีหลายอาชีพเกิดขึ้นใหม่ทั้งในและนอกค่ายทหาร มีแรงงานต่างถิ่นจำนวนมากอพยพเข้ามาในพื้นที่ และเศรษฐกิจของจังหวัดขยายตัวขึ้นตามลำดับ (ศุภกร จันทร์ศรีสุริยะวงษ์. 2554: 31-37)
อาชีพ ‘เมียเช่า’ เป็นหนึ่งในอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ในขณะนั้น ซึ่งใกล้ชิดกับทหารอเมริกันเป็นอย่างมาก ทั้งยังปรากฏอยู่ในเพลงจดหมายรักจากเมียเช่าด้วยเช่นกัน
“... ไอบร็อคเก่นฮาร์ด ยูมัสต์อันเดอร์สแตนด์
จอห์นจ๋าจอห์น ดอลล่าห์ขาดแคลน
เมียเซคกั้นแฮนด์ ของยูยังคอย ...”
เมียเช่า หรือหญิงขายบริการบริเวณค่ายทหารสหรัฐฯ เป็นผู้ที่อพยพมาจากท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดและภูมิภาคใกล้เคียงเพื่อแสวงหาช่องทางทำมาหากินที่ให้ค่าตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น (พงษ์ศักดิ์ ปัตถา. 2558: 78-80) ด้วยเหตุนี้ในยามที่ทหารอเมริกันถอนกำลังกลับประเทศไป เมียเช่าชาวไทยจึงเป็นหนึ่งในกลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในทำนองเดียวกัน การที่ทหารอเมริกันอพยพออกจากพื้นที่ไปก็หมายถึงเม็ดเงินดอลล่าห์ที่เคยสะพัดอยู่กว่าทศวรรษได้หลุดหายไปจากระบบเศรษฐกิจของจังหวัดอุดรธานี เป็นเหตุให้กิจการภาคบริการซึ่งเคยเกิดขึ้นเพื่อรองรับทหารอเมริกันต้องปิดตัวลงไปตามๆ กันจากการขาดผู้ใช้บริการ แรงงานอพยพนับหมื่นถูกเลิกจ้าง พลอยซ้ำให้เศรษฐกิจของเมืองอุดรฯ ซบเซาลงอย่างน่าใจหาย
“… ยูทิ้งเมียเช่า หิ้วกระเป๋าโกโฮม
ทิ้งรอยจูบลูบโลม จนเชพไอโทรม เพราะยูเอ็นจอย …”
แม้ช่วงก่อนหน้า การประกอบอาชีพเมียเช่าจะให้ค่าตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงและผลกระทบในระยะยาวที่สูงไม่น้อยไปกว่ากันของตัวผู้ประกอบอาชีพเอง ตัวอย่างเช่น การทรุดโทรมของร่างกาย ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาท้องโดยไม่พร้อม ฯลฯ ซึ่งล้วนส่งผลโดยตรงต่อตัวเมียเช่าเองทั้งสิ้น
เช่นเดียวกัน แม้กองทัพสหรัฐฯ จะ “โกโฮม” ไปแล้ว แต่การเข้ามาอาศัยในพื้นที่กว่าทศวรรษได้เปลี่ยนแปลง สร้างผลกระทบ และหลงเหลือสิ่งตกค้างเอาไว้ในสังคมเมืองอุดรฯ อยู่ไม่น้อย อย่างที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงกลับได้ในทันที ตัวอย่างเช่น ค่านิยมการใช้ชีวิตแบบบริโภคนิยม การแพร่ระบาดของสิ่งเสพติด กรณีเด็กหัวแดงและเด็กกำพร้าจากการปัญหาการคุมกำเนิด การเสื่อมโทรมของวัฒนธรรมท้องถิ่น ปัญหาอาชญากรรม หรือกระทั่งภัยจากยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐฯ (พงษ์ศักดิ์ ปัตถา. 2558: 89-95)
“… ฟอร์เก็ตยัวไวฟ์ กลับไปอยู่อินลินอย
ไอเสียใจจนเป็นไทฟอยด์ เอาไทเกอร์ออยมาทากันตาย
โศกเศร้ากว่าแซดมูวี่ โอ้จอห์นยูเมคมีคราย
ไอโลนลีเสียจนผอมไป อยากตายวายยูทิ้งมี …”
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตเพิ่มเติมว่า การปรากฏของวิถีแบบอเมริกันในที่นี้ มิได้จำกัดแต่ในเนื้อเพลงหรือบรรยากาศของเมืองอุดรฯ เพียงเท่านั้น ทว่าอยู่ในวัฒนธรรมกระแสหลักด้วยเช่นกัน ดังที่ผู้แต่งให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการข้างหลังเพลงทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (2558) ว่า เพลงจดหมายรักจากเมียเช่าเริ่มต้นจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันใน ‘ไนท์คลับ’ บนถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ซึ่งนับว่าเป็นถนนสายบันเทิงที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกและเคยเฟื่องฟูอย่างมากในทศวรรษไร่เรี่ยกัน
ภาพที่ 3 : ภาพปกอัลบั้ม Sad Movies
แหล่งที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=9pK97JS0ag4
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้แต่งยังกล่าวอีกว่า ในท่อน “โศกเศร้ากว่าแซดมูวี่ โอ้ จอห์นยูเมคมีคราย” ข้างต้น ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากเนื้อร้องและทำนองในท่อน “Sa-a-a-d movies always make me cry” หรือท่อนกลางของเพลงป๊อปปนเศร้า Sad Movies (Make Me Cry) ของนักร้องชาวอเมริกัน Sue Thompson ที่ “ดัง (จน) เข้าหู” ของผู้แต่งในขณะนั้น และได้พัฒนามาเป็นเพลงโศกๆ ที่หักอารมณ์ผู้ฟังในตอนท้าย ด้วยท่อนที่ร้องว่า
“… รอยน้ำตาหยด รดบนลายเซ็น
หาซองใส่จ่าหน้าไม่เป็น โธ่ เวรเอ๋ยเวร ฮูช่วยเขียนที
ฉีกทิ้งเลตเตอร์ หันไปเจอดีดีที
กู้ดบาย สวัสดี โกมีทกับมี ที่เมือง ดิเอนด์”
ตั้งแต่ต้นจนถึงกลางเพลง ผู้ฟังอาจสัมผัสได้ถึงอารมณ์ขันแบบขื่นๆ ที่แทรกออกมาจากการพรรณนาอย่างตรงไปตรงมาจนอาจถึงเกินจริง และจากการใช้ภาษาแบบไทยคำอังกฤษคำ ความรู้สึกแปลกใหม่ไม่คุ้นเคยที่ได้จากการฟังนี้ ผู้แต่งคงตรึงเอาความรู้สึกตื่นตาตื่นใจต่อบรรยากาศอันครึกครื่นในเวลานั้นมาไว้อยู่ไม่มากก็น้อย ราวกับว่าเพลงนี้กำลังมอบประสบการณ์เดียวกันให้แก่ผู้ฟังอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ทั้งนี้ นอกจากเรื่องอารมณ์ความรู้สึกแล้ว การประพันธ์โดยใช้ภาษาแบบไทยคำอังกฤษคำยังถ่ายทอดเอาความรู้สึกอึดอัดคับใจจากการไม่รู้ภาษา ซึ่งเป็นปัญหาในการสื่อสารหลักของเหล่าเมียเช่ากับทหารอเมริกันไปพร้อมๆ กัน
สุดท้ายนี้ หากลองถอยออกมาพิจารณาบทเพลงนี้อีกสักครั้ง อาจพบว่า “จดหมายรักจากเมียเช่า” เป็นได้มากกว่าเพียงจดหมายที่เขียนถึงทหารอเมริกัน แต่ยังเป็นจดหมายถึงผู้รับ(ฟัง) ที่บอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์และความรู้สึก โดยหวังให้เกิดการรับรู้และเข้าใจผ่านมุมมองที่แตกต่างออกไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
พงษ์ศักดิ์ ปัตถา. (2550). ผลกระทบของฐานทัพสหรัฐอเมริกาต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของเมืองอุดรธานี พ.ศ. 2505-2520. วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศึกษา ภาควิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม.
ศุภกร จันทร์ศรีสุริยะวงษ์. (2554). จังหวัดอุดรธานีในฐานะชุมทางยุทธศาสตร์และการค้าของภูมิภาคอินโดจีน (พ.ศ. 2507-ปัจจุบัน). ภาคนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.
สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส [Thai PBS]. (2558, 29 กรกฎาคม). ข้างหลังเพลง : เพลงจดหมายรักจากเมียเช่า
ดนุชเดช บุญน้อย