ท่ามกลางกลุ่มตึกเก่าแก่ใต้ไม้ใบร่มครึ้มของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนอังรีดูนังต์ ใครจะนึกว่ามี พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแต่น่าสนใจมากตั้งอยู่อย่างเงียบเชียบ นอกจากเป็น 1 ใน 5 พิพิธภัณฑ์ในเครือของภาควิชาชีววิทยาแล้วยังเป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ภาพที่ 1 ทางเข้าด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่บนตึกคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
แม้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อพ.ศ. 2530 เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ และฉลองการครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ความจริงตัวพิพิธภัณฑ์มีอายุเนิ่นนานกว่านั้นมาก สังเกตได้จากของจัดแสดงเก่าแก่บางชิ้น อาทิ ตู้ไม้ทรงคลาสสิกสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 คาดกันว่าตู้ไม้นี้ได้รับตกทอดมาจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ;รัชกาลที่ 4 ผู้ทรงริเริ่มการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ รวมถึงข้าวของแปลกๆ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศไว้ให้ราชอาคันตุกะชาวต่างประเทศได้เข้าชม
ภายในพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งได้รับการจัดเก็บรักษาในรูปแบบที่เหมาะสมกับลักษณะของสัตว์ประเภทนั้นๆ อย่างน่าสนใจ รวมทั้งจัดแสดงหินและสินแร่ต่างๆ ที่สำคัญ และตัวอย่างชีววิทยา อาทิ โครงกระดูกของสิ่งมีชีวิต ตัวอย่างเปลือกหอยต่างๆ ของไทย ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทย ชีววิทยาของผึ้ง ตัวอย่างปลาในวรรณคดีที่จัดแสดงตามกาพย์เห่เรือ ตัวอย่าง ตะพาบม่านลาย ซึ่งพบในประเทศไทยแห่งเดียวในโลก ปูเจ้าพ่อหลวง (Potamon Bhumibol) และปูน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นต้น
ถึงแม้ข้อมูลที่แสดงไว้ในตู้มีแค่พอสังเขป แต่ที่มาของสัตว์เหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นความสนใจในสิ่งมีชีวิตและโลกต่างถิ่นในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี แม้จุดประสงค์หลักเพื่อการเรียนการสอนของนิสิตในคณะวิทยาศาสตร์ โดยแทบทุกวิชาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต้องพามาเรียนที่นี่ แต่สำหรับบุคคลทั่วไปซึ่งสนใจใฝ่รู้ในเรื่องของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตในโลกสุดซับซ้อนใบนี้ ที่นี่คือขุมทรัพย์ล้ำค่า
บริเวณชั้นลอยมีมุมผลงานนักศึกษาจากโครงการติดตั้งโครงกระดูก นิสิตต้องเรียนรู้โครงสร้างของสัตว์แต่ละประเภทโดยการต่อโครงกระดูกเหล่านั้นขึ้นมาเอง แล้วจำแนกชื่อเรียกกระดูกส่วนต่างๆ ให้ได้อย่างแม่นยำ นอกจากกระดูกของสัตว์แล้ว ที่นี่ยังจัดแสดงกระดูกมนุษย์ด้วย อย่างโครงกระดูกมนุษย์ที่อยู่บริเวณทางเข้าพิพิธภัณฑ์นี้เป็นของศาสตราจารย์หลวงศรีสมรรถวิชากิจ (สิริ หัพนานนท์) อดีตอาจารย์สอนภาควิชาพฤกษศาสตร์ที่คณะวิทยาศาสตร์แห่งนี้
ภาพที่ 2 โครงกระดูกมนุษย์และส่วนจัดแสดง ณ ทางเข้าพิพิธภัณฑ์
แม้ว่าในพิพิธภัณฑ์มีแต่โครงกระดูกและอดีตสิ่งมีชีวิต บรรยากาศอาจทึบทึมไม่น่าเพลิน แต่ความจริงสองฝั่งของห้องเต็มไปด้วยบานหน้าต่างและช่องรับแสงที่เปิดโล่งรับสายลม แสงแดด ต้นไม้ใบหญ้าแสนสดใส ส่องประกายให้ห้องที่เหมือนน่ากลัวกลับมีชีวิตชีวาและเดินสนุก
ภาพที่ 3 แสงธรรมชาติลอดผ่านบานหน้าต่างและช่องรับแสงเปิดโล่ง
หากมีเวลาเหลือ อยากชวนให้เข้าห้องด้านข้างของพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เต่าและตะพาบ ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห้องเล็กๆ แต่มีรายละเอียดยิ่งใหญ่มาก จัดแสดงตัวอย่างและให้ข้อมูลเต่าบก เต่าทะเล เต่าน้ำจืด และตะพาบกว่า 30 ชนิด ครบทุกชนิดที่พบในประเทศไทย รวมถึงเต่าจากทั่วโลก ส่วนใหญ่จัดแสดงในรูปตัวอย่างสัตว์สตัฟฟ์ โครงกระดูก และไข่เต่า ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีความสวยงามและความพิเศษเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน หลายสายพันธุ์อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากการบุกรุกแหล่งอาศัยและพื้นที่วางไข่ และการบริโภคของมนุษย์
และถ้ายังพอมีเวลาอีกนิด เดินออกมาจากสองพิพิธภัณฑ์ เลี้ยวขวาไปตามระเบียงทางเดินไม่กี่สิบเมตร จะเจอป้าย พิพิธภัณฑ์แมลง ผลักประตูบานนี้เข้าไปแล้วเราจะพบกับโลกของแมลงที่จัดแสดงตัวอย่างแมลงและไรมากกว่า 5,000 ตัวอย่าง เช่น ด้วง ตัวต่อ ผีเสื้อ แมลงปอ แบ่งเนื้อหาเป็นแมลงหายาก แมลงที่เป็นอาหาร และแมลงอนุรักษ์ของประเทศไทย รวมถึงตัวอย่างผึ้ง ไรปรสิตของผึ้งทุกชนิดที่พบในประเทศไทย ลักษณะของรังผึ้งและชันโรงตามธรรมชาติ รวมถึงตัวอย่างอ้างอิงอีกมากกว่า 30,000 ตัวอย่าง
ภาพที่ 4 โลกของแมลงนับไม่ถ้วนในพิพิธภัณฑ์แมลง
ทั้งหมดจัดแสดงภายในตู้ แบ่งหมวดหมู่ตามประเภทของแมลง นอกจากนี้ ยังจำลองที่อยู่ของแมลงตามธรรมชาติ เพื่อให้คนที่เข้าชมเข้าใจการใช้ชีวิตของเหล่าแมลงได้ง่ายและเห็นภาพมากขึ้นด้วย
สามพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยากินพื้นที่บนชั้นสองของภาคชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่กี่ร้อยตารางเมตร แต่เราใช้เวลาเพลิดเพลินอยู่นานด้วยความตื่นตาตื่นใจอย่างมาก และอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาตื่นเต้นไปกับเราด้วย
พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา
ตึกชีววิทยา 1 ห้อง 230 ชั้น 2 ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เวลาทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-16.00 น. ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม ไม่เสียค่าเข้าชม
ทัศนีย์ ยาวะประภาษ