ในยุคที่สยามยังไม่มีวิทยาการความรู้ทัดเทียมชาติตะวันตก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่รู้ถึงความก้าวหน้าของโลก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงตระหนักในข้อนี้ ทั้งยังเคยเสด็จประพาสต่างประเทศมามากหน จนต่อมาได้ตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษขึ้นในพระบรมมหาราชวัง สำหรับสอนพระราชวงศ์ชั้นสูงและมหาดเล็ก
สำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ นายฟรานซิส ยอร์ช แพตเตอร์สัน (Mr. Francis George Patterson) หรือ “ครูแพตเตอร์สัน” นอกจากสอนวิชาภาษาอังกฤษ ยังสอนวิชาสมัยใหม่ของประเทศตะวันตกในทุกเช้า นักเรียนรุ่นแรกมีประมาณ 50 คน
ภาพที่ 1 นายฟรานซิส ยอร์ช แพตเตอร์สัน หรือครูแพตเตอร์สัน ถ่ายภาพร่วมกับลูกศิษย์
แหล่งที่มาภาพ: https://www.unlockmen.com/prince-damrong-and-mr-patterson/
แต่คนไทยสมัยนั้น ไม่คุ้นเคยกับการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเป็นของใหม่และยาก นักเรียนจึงลดลงเรื่อย ๆ กระทั่งเหลือเพียง 4 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ (กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ) พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ และพระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
การศึกษากับครูแพตเตอร์สัน เป็นเหตุให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ (พระราชโอรสลำดับสุดท้าย ร่วมพระบรมราชชนนีเดียวกับรัชกาลที่ 5) ทรงทราบว่าต่างประเทศมีกิจการไปรษณีย์ เฉพาะอังกฤษนั้นเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2383 อีกทั้งยังทรงเห็นการติดต่อสื่อสารของครูชาวต่างชาติกับญาติมิตรในประเทศอังกฤษ จึงนับเป็นพื้นฐานความรู้ด้านการไปรษณีย์ของพระองค์มาแต่ครั้งนั้น
ภาพที่ 2 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
แหล่งที่มาภาพ: https://www.tnews.co.th/religion/399982/
ต่อมา ขณะมีพระชนมายุ 16 พรรษา สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯ พร้อมด้วยเจ้านาย 10 พระองค์ ทรงร่วมกันออกหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า COURT นับว่าเป็นหนังสือพิมพ์รายวันฉบับแรกของไทย โดยออกฉบับแรกวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2418 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่หอนิเพทพิทยา ในพระบรมมหาราชวัง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ประทับเดิมครั้งทรงพระเยาว์ของพระองค์อีกด้วย
สำหรับเจ้านายทั้ง 10 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร (กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์) พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ (กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์) พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ (กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ) พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ (กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ) พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ (กรมพระสมมตอมรพันธุ์)
พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล (กรมหลวงพิชิตปรีชากร) พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค (กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ) พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ (กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม) และพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) โดย 4 พระองค์หลังทรงช่วยในการนิพนธ์ด้วย
ภาพที่ 3 COURT ฉบับปฐมฤกษ์
แหล่งที่มาภาพ: https://www.gotoknow.org/posts/643908
ในชั้นต้น องค์คณะผู้ดำเนินการตั้งพระทัยจะทูลเกล้าฯ ถวายและแจกจ่ายในหมู่เจ้านาย แต่เมื่อฉบับแรกออกไปแล้ว มีผู้สนใจและทูลขอเป็นจำนวนมาก ในที่สุดต้องพิมพ์เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ จึงต้องคิดราคาพอให้คุ้มทุนที่ลงไป โดยการจำหน่ายในช่วงแรก ผู้รับหนังสือต้องมารับที่สำนักงานหอนิเพทพิทยา ต่อมาเกิดภาระการจัดเก็บ และผู้มารับหนังสือไม่พร้อม เกิดการเก็บหนังสือค้างมากขึ้นทุกวัน
ภาพที่ 4 หอนิเพทพิทยา ในพระบรมมหาราชวัง
แหล่งที่มาภาพ: http://oknation.nationtv.tv/blog/akemeepool/2009/01/10/entry-4
เบื้องต้น ได้แก้ปัญหาโดยให้เจ้าพนักงานจากโรงพิมพ์นำหนังสือไปส่ง และเรียกค่าปรับใบละเฟื้อง แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯ จึงโปรดให้มีบุรุษเดินหนังสือ หรือ โปศตแมน (Postman) แต่งกายด้วยเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้ม สะพายกระเป๋าผ้าใบบรรจุหนังสือพิมพ์ เพื่อนำส่งให้สมาชิกทุกเช้า คิดค่าบอกรับปีละ 10 บาท ค่านำส่งปีละ 2 บาท
พร้อมกันนั้นทรงจัดพิมพ์ ตั๋วแสตมป์ เพื่อใช้เป็นค่าบริการส่งหนังสือที่จำหน่ายแก่สมาชิก หากประสงค์ให้บุรุษเดินหนังสือเดินส่ง ให้ซื้อตั๋วแสตมป์ผนึกบนจดหมายของตน พร้อมทั้งเขียนชื่อตัวเองทับตั๋วแสตมป์เพื่อขีดฆ่าแทนการประทับตรา เป็นการแสดงว่าได้เสียเงินค่าส่งล่วงหน้าแล้วนั่นเอง ตั๋วแสตมป์เป็นพระรูปเหมือนสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯ จำหน่ายดวงละ 1 อัฐ สำหรับผู้รับภายในกำแพงพระนคร และ 2 อัฐ สำหรับผู้รับที่อยู่นอกกำแพงพระนคร
ภาพที่ 5 ตั๋วแสตมป์
แหล่งที่มาภาพ: https://www.gotoknow.org/posts/643908
นอกจากนี้ ผู้รับหนังสือพิมพ์ยังสามารถให้คนส่งหนังสือพิมพ์ช่วยส่งจดหมายไปยังผู้รับได้ด้วย เพียงผนึกตั๋วแสตมป์บนซองและขีดฆ่า ในอัตราเดียวกับค่าส่งหนังสือพิมพ์ เรียกว่าเป็นบริการเพิ่มเติม นั่นจึงเท่ากับว่า ตั๋วแสตมป์เป็นตราไปรษณียากรเฉพาะท้องถิ่น (Local Post) รุ่นแรกของสยาม ทั้งยังเป็นต้นทางให้เกิดการไปรษณีย์แห่งสยามประเทศในอีก 8 ปีต่อมา
ในปีต่อมา พ.ศ. 2419 COURT เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยว่า ข่าวราชการ และได้จัดพิมพ์เรื่อยมาจนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 จึงยกเลิกไป เนื่องจากแต่ละพระองค์ทรงประกอบราชกรณียกิจ ไม่มีเวลาที่จะนิพนธ์ได้
ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์ให้จัดตั้งกรมไปรษณีย์ จึงทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2424 ในขั้นเตรียมการ จนถึงวันที่การไปรษณีย์สยามถือกำเนิดในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ทรงดำรงตำแหน่งดังกล่าวจนถึงปี พ.ศ. 2433 เป็นต้นทางและรากฐานการไปรษณีย์ไทยมาตราบปัจจุบัน
ข้อมูลอ้างอิง
หนังสือ 125 ปี ไปรษณีย์ไทย
หนังสือที่ระลึก 130 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย
หนังสือ 130 ปี ตราไปรษณียากรไทย เล่ม 4
หนังสือตำนานแสตมป์ไทยสำหรับนักสะสม, พ.ต.อ.นายแพทย์พิพัฒน์ ชูวรเวช
ลมล่องข้าวเบา