Museum Core
สปาโบราณสมัยโรมัน
Museum Core
19 ก.ค. 65 784
ประเทศอังกฤษ

ผู้เขียน : ณัฐฐา สววิบูลย์

         The Roman Baths โรงอาบน้ำโรมัน หรือสปาขนาดใหญ่ในสมัยโบราณที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 2,000 ปี ณ ที่แห่งนี้ จะพาเราย้อนเวลาไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวโรมัน ความศรัทธา และความเชื่อที่มีต่อเทพเจ้า และสายน้ำ

 

         ที่เมืองบาธ ประเทศอังกฤษ เมืองมรดกโลกที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาริมแม่น้ำเอวอน (Avon) เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยน้ำแร่และน้ำพุร้อน ภายในน้ำประกอบด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับการบำบัด รักษาโรค ดังนั้นไฮไลท์อันดับหนึ่งของเมืองบาธ ก็คือ The Roman Baths ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและยังเป็นสถานที่อาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายและจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ รวมไปถึงการบำบัดโรคตามความเชื่อของชาวโรมัน

 

         ปัจจุบันโรงอาบน้ำโรมันได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีการบูรณะและสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม โดยยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมยุคสมัยโรมันไว้อย่างกลมกลืน จึงเป็นสถานที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนในท้องถิ่นโดยและเยาวชนคนรุ่นหลังได้มีส่วนร่วมและเล็งเห็นคุณค่าของเรื่องราวความเป็นมาที่ยาวนานเหล่านั้น

 

 

 ภาพที่ 1 โรงอาบน้ำโรมันปัจจุบัน

 

          โรงอาบน้ำโบราณอยู่ในระดับต่ำกว่าพื้นถนนในปัจจุบัน ภายในแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่

         1) บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Spring) 2) วิหารโรมัน (Roman Temple) 3) ห้องอาบน้ำของชาวโรมัน (Roman Bath House) และ 4) ส่วนเก็บรวบรวมโบราณวัตถุในสมัยโรมัน

         บริเวณโถงทางเข้า เป็นโซนประชาสัมพันธ์และจำหน่ายตั๋วที่มีการจัดระเบียบการเข้าชมไว้เป็นอย่างดี สามารถรับ audio guide เพื่อฟังการบรรยายได้ที่จุดนี้

 

          จากนั้นมีทางเดินที่นำไปสู่ด้านนอกอาคาร เป็นระเบียงกว้างที่มีรูปปั้นสมัยวิคตอเรียตั้งเรียงราย ในสมัยก่อนบริเวณนี้มีหลังคาสูงถึง 20 เมตร ปกคลุมโดยรอบ ซึ่งโครงสร้างหลังคานั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลา ทำให้เราสามารถมองเห็นอาคารได้โดยรอบเสมือนว่าเราได้หลุดเข้าไปในโลกอดีต ด้วยบรรยากาศที่มีมนต์ขลังท่ามกลางความสง่างามของสถาปัตยกรรม เช่น Bath Abbey มหาวิหารสถาปัตยกรรมโกธิค (Gothic architecture) ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และอาคารอื่นๆ ที่คงไว้ซึ่งรูปแบบของสถาปัตยกรรมจอร์เจียน (Georgian architecture) เมื่อมองลงมาจากระเบียงจะเห็น The Great Bath บ่อน้ำสีมรกตที่เต็มไปด้วยน้ำร้อนธรรมชาติไหลมาตามท่อเข้ามาสู่บ่อน้ำขนาดใหญ่นี้ ตัวบ่อมีความยาวประมาณ 40 เมตร ลึก 1.6 เมตร ใช้สำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนและจุดนัดพบของชาวโรมัน ซึ่งในปัจจุบันผู้คนก็มารวมตัวกันนั่งเรียงรายอยู่ตามทางเดินหินรอบบ่อน้ำ ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศไปอย่างช้าๆ  โดยมีเจ้าหน้าที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าตามแบบฉบับของชาวโรมัน มาคอยดูแลอำนวยความสะดวกตามจุดต่างๆ พูดคุย ถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเองอีกด้วย

 

ภาพที่ 2 ส่วนจัดแสดงที่เป็นโรงอาบน้ำกลางแจ้ง

 

         เมื่อกลับเข้ามาภายในตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ ส่วนแรกพบกับโมเดลภาพรวมของกลุ่มอาคาร ทำให้เห็นว่าถ้าหากโรงอาบน้ำและวิหารโบราณแห่งนี้มีความสมบูรณ์เหมือนอย่างในอดีตมีหน้าตาเป็นอย่างไร มีการให้ข้อมูลที่แสดงให้ถึงความสามารถในการก่อสร้างสถาปัตยกรรมที่ครอบอยู่บนพื้นที่ที่มีการวางระบบน้ำได้เป็นอย่างดี

 

ภาพที่ 3 โมเดลและแผนที่ที่ช่วยจำลองภาพอดีตของโรงอาบน้ำให้เข้าใจได้ง่าย

 

 

          ในโซนวิหารโรมัน จุดเด่นที่สำคัญคือ Temple pediment and Gorgon's head ยอดจั่วหลังคาและสัญลักษณ์ของเทพธิดาแห่งน้ำ Sulis Minerva ที่มีการใช้เทคนิค Projection Mapping ฉายภาพลงบนชิ้นส่วนของยอดจั่วที่ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ทำให้เราเห็นรายละเอียดของชิ้นส่วนที่หายไป ประกอบร่างขึ้นเป็นหน้าจั่วรูปสามเหลี่ยมที่สมบูรณ์

 

ภาพที่ 4 การจัดแสดงโซนวิหารโรมัน

 

          Temple Courtyard มีทางเดินเหล็กให้เราเดินผ่านร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ยังคงอยู่ แม้ว่าบางส่วนอาจเหลือเพียงฐานราก แต่จะมีการฉายภาพเคลื่อนไหวบนจอขนาดใหญ่อยู่เป็นระยะ ทำให้เราสามารถจินตนาการได้ถึงความรุ่งเรืองของสิ่งก่อสร้าง พิธีกรรม และวิถีของชาวโรมันในพื้นที่แห่งนี้

 

ภาพที่ 5 ทางเดินและส่วนจัดแสดง Temple Courtyard

 

          โซนห้องอาบน้ำของชาวโรมัน (Roman Bath House) ประกอบด้วย ห้องสปา ที่มีน้ำประกอบด้วยแร่ธาตุมากกว่า 40 ชนิด เหมาะสำหรับการบำบัดรักษาโรค ห้อง Heated Rooms and Plunge Pools เป็นบ่อน้ำเย็นทรงกลม ลึกประมาณ 1.6 เมตร และยังมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า รวมไปถึงห้องซาวน่าอีกด้วย

 

          การจัดแสดงทำได้น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีการบอกเล่าเรื่องราวลักษณะการใช้งานโรงอาบน้ำของผู้คนชาวโรมัน และรูปแบบของงานสถาปัตยกรรมภายใน ผ่านการฉายภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ ซ้อนทับกับสถานที่จริง เหมือนกับว่าเราได้ยืนอยู่ภายในสปาโบราณท่ามกลางบรรยากาศราวกับมีชีวิต ประสบการณ์เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบนี้ ก่อให้เกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ณ สถานที่แห่งนี้นั้นทรงพลังมากไปกว่าแค่การมาดูร่องรอยอารยธรรมแบบเดิม ๆ

 

ภาพที่ 6 โซนจัดแสดงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและบ่อน้ำ

 

         ใจกลาง The Roman Bath เป็นพื้นที่ของบ่อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Spring) โดยเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติ อุณหภูมิ 46 องศาเซลเซียล และมีน้ำกว่า 1,170,000 ลิตรต่อวัน ในส่วนนี้ นอกจากในเรื่องของความเชื่อในเทพเจ้า ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางวิศวกรรมของชาวโรมันในการสร้างระบบท่อส่งน้ำที่นำน้ำจากแหล่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้ในอาคารอีกด้วย

 

 

ภาพที่ 7 พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์

 

          โซนของพิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่เก็บรักษา โบราณวัตถุ ต่างๆ ในสมัยโรมันที่ถูกค้นพบ รวมถึง Minerva's head รูปปั้นศีรษะทองสัมฤทธิ์ของเทพธิดา Sulis Minerva ก่อนออกไปยังส่วนสุดท้ายของโรงอาบน้ำโบราณ ซึ่งก็คือร้านขายของ ที่มีสินค้าน่าสนใจหลายอย่างให้เราได้ซื้อติดมือกลับไปเพื่อระลึกถึงความทรงจำในการเดินทาง

 

           ปัจจุบัน สายน้ำแร่ธรรมชาติยังคงหล่อเลี้ยงภายในโรงอาบน้ำโบราณไม่เคยขาดสาย เชื่อมโยงผู้คน ทั้งในชุมชน และทั่วทุกมุมโลกมายังสถานที่ซึ่งทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ ผู้เขียนได้เคยไปที่ The Roman Baths และเมืองบาธ อยู่ 3 ครั้ง ด้วยความทึ่งในภูมิปัญญาของคนในสมัยโบราณ ความประทับใจกับสิ่งก่อสร้างและบรรยากาศโดยรอบที่ยังคงความสวยงามและมีหลายสิ่งหลายอย่างให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ หวังว่าในอนาคตคงได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.romanbaths.co.uk

 

ณัฐฐา สววิบูลย์

 

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ