Museum Core
พัฒน์พงศ์มิวเซียม : สถานที่ sex workers ไม่ใช่ชายขอบแต่เป็น main character
Museum Core
20 ก.ย. 65 3K
ประเทศไทย

ผู้เขียน : ภัททิยา สุวรรณภักดี นักศึกษาฝึกงาน ปี 2565

                ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีศาลาแดง และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสีลม ภายในพัฒน์พงษ์ ซอย 2 ที่บรรยากาศดูจะซบเซาลงด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เหล่าร้าน ภายในซอยทยอยปิดตัวลง แตกต่างจากบรรยากาศด้านนอกถนนใหญ่ที่เป็นทำเลใจกลางเมือง บนชั้น 2 ของตึกที่แลดูทรุดโทรมลงบ้างตามกาลเวลา มีพิพิธภัณฑ์เอกชนแห่งหนึ่งที่บรรจุประวัติศาสตร์ของพื้นที่พัฒน์พงศ์เอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องราวของผู้คนที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครในยุคสงครามเย็น กลุ่มคนเหล่านั้นคือ ผู้ให้บริการทางเพศ (Sex Workers)

                ก่อนจะรีวิวประสบการณ์การเข้าชมพิพิธภัณฑ์นั้น ผู้เขียนขอเล่าถึงสถานการณ์ของกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเป็นตัวเอกในเรื่องเล่าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผู้ให้บริการทางเพศเป็นกลุ่มคนที่นับว่ามีจำนวนมากในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่กระนั้นแล้ว แม้อุตสาหกรรมทางเพศในประเทศไทยจะมีชื่อเสียงโด่งดังในสายตาชาวโลกเพียงไหนก็ตาม แต่การค้าประเวณีในไทยก็ยังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้ให้บริการทางเพศถูกรัฐผลักไปอยู่ในพื้นที่ชายขอบของสังคม ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีสถานะเป็นแรงงานอย่างถูกกฎหมาย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงมีความน่าสนใจต่อผู้เขียนในฐานะที่เป็นพื้นที่ในการตั้งคำถามต่อสังคมถึงการ “หลับตาข้างเดียว” หรือแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ด้วยการจัดแสดงนิทรรศการให้เห็นว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีบทบาทในทางประวัติศาสตร์ ผ่านการเล่าทั้งประวัติศาสตร์เชิงพื้นที่ ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์การเมือง และการจัดแสดงโลกการทำงานของพวกเขา รวมถึงสร้างความร่วมมือกับชุมชนโดยรอบพิพิธภัณฑ์

ภาพที่ 1 ด้านหน้าทางเข้าห้องนิทรรศการแหล่งที่มาภาพ: www.museumthailand.com

                โซนแรกที่ได้ชมในพิพิธภัณฑ์เป็น ประวัติศาสตร์เชิงพื้นที่และประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของย่านพัฒน์พงศ์อันมีผู้ให้บริการทางเพศเป็นตัวละครหลัก ในฐานะ “อาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก” ว่าการเริ่มต้นธุรกิจทางเพศในสยามนั้นมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจอย่างไร และยุคไหนจัดเป็นยุคเฟื่องฟู รวมถึงการโยกย้ายศูนย์กลางทางการค้าบริการทางเพศในยุคต่าง ๆ จนถึงพื้นที่พัฒน์พงศ์แห่งนี้ ระหว่างการเดินชมเราจะได้เห็นภาพของผู้ให้บริการทางเพศทั้งคนไทยและคนจีนในอดีต ภายในห้องที่ตกแต่งสไตล์ย่านโคมแดงของจีน เนื่องด้วยยุคแรกเริ่มนั้น อุตสาหกรรมทางเพศในไทยเกิดขึ้นในบริบทของการอพยพมาสู่ประเทศไทยของชาวจีนโพ้นทะเล

ภาพที่ 2 บรรยากาศภายในโซนแรกของนิทรรศการ

แหล่งที่มาภาพ: www.museumthailand.com

 

                โซนถัดมาว่าด้วยเรื่อง “ประวัติศาสตร์การเมือง” ย่านพัฒน์พงศ์มีความสำคัญต่อเหตุการณ์ทางการเมืองของโลกช่วงยุคสงครามเย็น ซึ่งประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของทหารและหน่วยสืบราชการลับอเมริกัน (CIA) ภายในห้องจัดแสดงนี้ นอกจากจะได้รับรู้ถึงสถานการณ์โดยรวมของสงครามเย็นแล้ว ยังมีคลิปวีดิโอสัมภาษณ์สายลับชาวอเมริกันโดยตรงถึงการจัดตั้งร้านค้าที่ย่านพัฒน์พงศ์ในสมัยสงครามเย็น รวมถึงภาพของทหารและสายลับชาวอเมริกันที่ใช้สถานบริการต่าง ๆ  ในพัฒน์พงศ์ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ กับสาวบริการชาวไทยที่ผู้เขียนเชื่อว่าพวกเธอสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทยในขณะนั้น

ภาพที่ 3 บรรยากาศห้องนิทรรศการโซนประวัติศาสตร์

แหล่งที่มาภาพ: www.museumthailand.com

 

                นอกจากสายลับและทหารแล้ว ในห้องจัดแสดงต่อไป เป็นห้องจัดแสดงที่ทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับนิทรรศการ ห้องนี้เป็นสถานที่จริงของบาร์ชื่อดังที่ไม่ว่าเดวิด โบวี่ (David Bowie) หรือเอลวิส เพรสลีย์  (Elvis Presley) และดาราดังในวงการฮอลลีวูดนับสิบคนเคยมาเยือนที่นี่ ภายในห้องมีส่วนที่เรียกว่า “Hall of Fame” จัดแสดงภาพเงาของดาราฮอลลีวูดที่เคยย่างกรายเข้ามาภายในบาร์แห่งนี้ โดยมีเครื่องแท็บเล็ตให้ผู้เข้าชมได้สแกนเพื่อเฉลยว่าเงาตรงหน้านั้นเป็นเงาของใคร ทั้งยังมีการจัดแสดงอาคารจำลองของย่านพัฒน์พงศ์ในยุคสมัยนั้น และมีสัญลักษณ์ QR code ให้ผู้เข้าชมสแกนเพื่อชมภาพบรรยากาศภายในตึกย่านพัฒน์พงศ์ผ่านโทรศัพท์ส่วนตัวของผู้เข้าชมด้วย ซึ่งการมีดาราดังมาเยือนมากมายเช่นนี้ทำให้ผู้เขียนได้ทราบว่าย่านนี้เป็นย่านความบันเทิงทางเพศชื่อดังระดับโลกในยุคทศวรรษ 80

 

ภาพที่ 4 โมเดลจำลองบรรยากาศพื้นที่ย่านพัฒน์พงศ์

แหล่งที่มาภาพ: www.patpongmuseum.com

 

                 อย่างไรก็ตาม ส่วนจัดแสดงที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดคือการจำลอง “โลกการทำงาน” ของผู้ให้บริการทางเพศในพัฒน์พงศ์ ผู้ชมจะได้เดินชมทางเข้าจำลองของ “เดอะ กรังปรีส์ บาร์” บาร์อะโกโก้แห่งแรกของเอเชีย หลังเปิดม่านที่มีคำว่า 18+ เดินเข้าไปเจออะโกโก้บาร์จำลองที่ตกแต่งอย่างสวยมากและมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิดให้เลือก ซึ่งเครื่องดื่มนี้ฟรี (น่าจะรวมราคาไว้ในตั๋วเข้าชมแล้ว) แต่ผู้เขียนและเพื่อนสวมชุดนักศึกษาจึงไม่เหมาะสมที่จะรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประสบการณ์นั่งในบาร์อะโกโก้จำลองจึงจบด้วยการนั่งชมคลิปวีดิโอสาวนักเต้นอะโกโก้ขนาดเท่าตัวจริงและคุยแลกเปลี่ยนกับผู้นำชมรวมถึงกับผู้เข้าชมคนอื่น ๆ แทน

                  การจำลองโลกการทำงานของผู้ให้บริการทางเพศย่านพัฒน์พงศ์ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ถัดจากโซนอะโกโก้บาร์เป็นนิทรรศการและกิจกรรมที่ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมได้(ตามความสมัครใจ) เช่น การรับลูกปิงปองจาก “ปิงปองโชว์” ทดลองขึ้นไปยืนบนเวที “Pole dance” หรือ รับบทเป็น M แล้วถูกขังกรงอย่างใน “BDSM bar” ทั้งหมดนี้ทำให้ได้เห็นมุมมองทั้งของผู้ที่ทำงานบริการและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการบาร์ต่าง ๆ ในย่านพัฒน์พงศ์ นอกจากกิจกรรมลักษณะนี้แล้ว ยังมีวิดีโอโชว์แสดงการเป่าเทียน เปิดฝาขวดด้วยอวัยวะเพศ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก 

                  ทั้งหมดนี้บรรยายโดยผู้นำชมหนุ่มอารมณ์ดีที่มักแทรกมุกตลกให้ได้ขำเป็นระยะๆ ตลอดการบรรยาย นับเป็นอีกหนึ่งความประทับใจในการเข้าเยี่ยมชมนอกเหนือจากวิธีการเล่าเรื่อง การบรรยายของผู้นำชมผ่านมุมมองที่ให้คุณค่ากับงานของเหล่าผู้ให้บริการทางเพศไม่ว่าจะเป็นการเต้นอะโกโก้ ปิงปองโชว์  การเต้นรูดเสา หรือการแสดงพลังของอวัยวะเพศนั้น เป็นทักษะพิเศษที่ต้องผ่านการฝึกฝนเพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ ไม่ใช่สิ่งอนาจาร

                 นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญต่อชุมชนพัฒน์พงศ์และกลุ่มผู้ให้บริการทางเพศ ในการช่วยผลักดันให้การค้าบริการทางเพศในประเทศไทยเป็นสิ่งถูกกฎหมาย รวมถึงช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในชุมชนและส่งเสริมอาชีพให้เหล่าผู้ให้บริการทางเพศ ได้แก่ การแจกคูปองส่วนลดเที่ยวคลับต่าง ๆ ให้แก่ผู้เข้าชม หรือการขายภาพจากศิลปินเพื่อสนับสนุนผู้ให้บริการทางเพศ ตลอดจนการจัดกิจกรรมเวิร์คชอปทุกสัปดาห์ เช่น การสอนมัดเชือกชิบาริ และเชิญผู้ให้บริการทางเพศมาพูดคุยแลกเปลี่ยนและตอบคำถามกับผู้เข้าชม

                  ผู้เขียนเชื่อว่าการเข้าชมพัฒน์พงษ์มิวเซียม น่าจะทำให้ผู้ชมตกตะกอนความคิดบางอย่างกลับไปด้วย ไม่ว่าจะตั้งใจมาเรียนรู้  มาด้วยความบังเอิญ หรือมาด้วยความอยากรู้อยากลอง ด้วยพิพิธภัณฑ์เปิดพื้นที่และให้ความสำคัญกับการอธิบายถึงผู้ให้บริการทางเพศในฐานะ “ตัวหลักของเส้นเรื่อง” ซึ่งท้าทายการพยายามลบตัวตนของคนกลุ่มนี้โดยรัฐผ่านการกีดกันทางกฎหมาย จึงยิ่งเน้นย้ำให้ผู้เข้าชมจำได้ว่ามีคนเหล่านี้อยู่ในสังคมไทยที่มีเรื่องราวความเป็นมา และเป็นแรงงานที่มีทักษะ และสร้างชื่อเสียงได้

                   ผู้ที่สนใจเข้าชมพัฒพงษ์มิวเซียม สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่เวลา12:00 น. - 21:00 น. ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไป 350 บาท นักศึกษา 250 บาท รับประกันว่าประสบการณ์ที่ได้รับนั้นคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน

 

ภัททิยา สุวรรณภักดี

 

 

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ