ใจกลางลอนดอนในย่านลินคอร์นอินน์ฟีลด์ (Lincoln’s Inn Fields) มีอาคารทาวเฮาส์ทรงสูงเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ที่มีผู้คนต่อแถวเข้าคิว ป้ายหน้าบ้านเล็กๆ ทำให้เรารู้ว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ มองภายนอกดูเรียบหรู คลาสสิค เหมือนบ้านทั่วไปในละแวกนั้น แต่เมื่อก้าวข้ามประตูเข้าไปก็หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น อยากขอให้จินตนาการตามถึงอีกโลกที่หลุดเข้าไปว่าเหมือนก้าวผ่านชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่แล้วไปเจอกับโลกเวทมนตร์
อาคารทาวเฮาส์นี้เจ้าของ คือ เซอร์ จอห์น โซน (Sir John Soane) สถาปนิกหัวก้าวหน้าชาวอังกฤษ (ถ้าในช่วงนั้น เขาอาจถูกจัดอยู่ในประเภทคนแปลก) ผู้มีสไตล์งานออกแบบเฉพาะตัวที่มุ่งเน้นนำเสนอฟังก์ชันของสถาปัตยกรรมกรีกและโรมัน (นีโอคลาสสิค) เขาได้เก็บรวบรวมคอลเล็กชันงานศิลปะและโบราณวัตถุในช่วงชีวิตไว้ที่บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับผู้มั่งคั่งและรอบรู้ในยุคที่อยากให้บ้านตัวเองเป็นแรงบันดาลใจให้แขกผู้มาเยี่ยมเยียน ด้วยการจัดเก็บและจัดแสดงสิ่งของต่างๆ ที่ได้มาจากประสบการณ์ สำหรับคอลเล็กชันส่วนใหญ่ที่เซอร์ จอห์น โซน ครอบครองนั้นได้มาจากช่วงปี ค.ศ.1780 ได้แก่ หนังสือ ผลงานภาพวาดและโมเดลทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนประดับประดาอาคาร โบราณวัตถุของชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเขาและครอบครัวที่อาศัยภายในบ้านหลังนี้ โดยยังคงรักษาไว้เหมือนตอนที่เขาเสียชีวิต หากใครเคยเข้าไปเดินในบริติชมิวเซียม หรือพิพิธภัณฑ์ในหมวดหมู่จัดเก็บสมบัติแห่งชาติ บ้านหลังนี้แทบจะมีทุกอย่างตามนั้นแต่ปรับสเกลอยู่ในขนาดกะทัดรัด ดังนั้นเวลาเดินแต่ละก้าวก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ตนเองไปเดินชนสมบัติเหล่านี้เข้า
ภาพที่ 1 ด้านนอกของอาคารบ้านเซอร์จอห์น
ขอกล่าวย้อนกลับไปในช่วงที่เจ้าของบ้านยังมีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจสิ่งแวดล้อมในชีวิต เซอร์ จอห์น โซน มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1753 - 1837 ซึ่งยุคที่เขารุ่งเรืองอยู่ในช่วงยุครีเจนซี เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ผสมผสานความคลาสสิคและความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน และทำให้เห็นถึงความรุ่มรวยของชีวิตชนชั้นสูงแบบอังกฤษ อาจเห็นภาพขึ้นมาหน่อยถ้าบอกว่าช่วงนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของดนตรีมีทั้งโมสาร์ตและบีโธเฟน ยุคงานเขียนวรรณกรรมรักสะท้อนสังคมชั้นสูงอย่าง เจน ออสเตน นอกจากนั้นยังเป็นช่วงที่เห็นความเหลื่อมล้ำของสังคมได้อย่างชัดเจนซึ่งก็มีงานเขียนและงานศิลปะที่วิจารณ์ความดิบของสังคมช่วงนั้นเช่นกัน เช่น งานเขียนโอลิเวอร์ ทวิสต์ของชาร์ลส์ ดิกเกนส์
ภาพที่ 2 แผนผังแสดงอาณาบริเวณห้องจัดแสดงภายในบ้าน
ถ้าให้บอกเล่าว่าบ้านหลังนี้จัดหมวดหมู่คอลเล็กชันอย่างไร หรืออยากให้เล่าเรื่องราวแต่ละชิ้นที่เจออย่างละเอียด ต้องขอบอกว่าตอบไม่ได้ เพราะของทุกอย่างถูกจัดวางแบบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน สมบัติแต่ละชิ้นไม่มีแผ่นป้ายข้อมูลติดให้อ่านแบบในพิพิธภัณฑ์ การเข้าชมจึงต้องอาศัยไกด์คอยเล่า ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง เพราะระหว่างทางเดินก็มีสิ่งของที่หยุดความสนใจได้เป็นระยะ และก็จะว้าวเป็นชิ้น ๆ ไปในชื่อที่พอรู้จัก เนื่องจากไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอสิ่งของล้ำค่าขนาดนี้ได้ที่นี่ ว้าวแรกคือได้เห็นโลงศพหินโปร่งแสงขนาดใหญ่ของฟาโรห์เซติที่ 1 แห่งอียิปต์ เห็นรายละเอียดการสลักภาษาภาพเฮียโรกลิฟฟิกด้านข้างโลงศพในระยะประชิด พอจะเห็นภาพโลกเวทมนตร์ภายในบ้านหลังนี้และความร่ำรวย ความแปลกของเจ้าของบ้านไหมคะ... ก่อนเล่าถึงสมบัติชิ้นอื่นต้องบอกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เจ้าของบ้านได้ยกให้เป็นสาธารณะสมบัติของชาติ ที่นี่เข้าชมได้ฟรี แต่จำกัดรอบให้แต่ละชุดผู้ชมเดินได้ประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเดินในแต่ละรอบก็จำสมบัติแต่ละชิ้นไม่ได้อยู่ดี ถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวการใช้เวลาที่นี่จึงเหมือนการมาเดินชมของเก่าแก่และฟังก์ชันของบ้าน และเชื้อเชิญให้กลับมาที่บ้านหลังนี้ได้เรื่อย ๆ อิจฉาคนที่นี่เลยทีเดียว
ภาพที่ 3 ภาพลายเส้นแสดงห้องโถงของบ้านที่อัดแน่นเต็มไปด้วยโบราณวัตถุทุกตารางนิ้ว
ความกะทัดรัดของบ้านไม่ใช่อุปสรรคของการจัดเก็บคอลเล็กชันจำนวนมหาศาล การจัดการพื้นที่ภายในบ้านทำให้ได้เห็นสกิลและชั้นเชิงของสถาปนิกเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี และเห็นฟังก์ชันในงานสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่ใช้ประโยชน์จากส่วนประกอบเพื่อส่งเสริมอาคาร ในบริเวณโถงที่ตั้งโลงศพฟาโรห์ เมื่อมองขึ้นไปด้านบนจะเป็นโดมกระจกที่เปิดรับแสงอาทิตย์ช่วยทำให้บริเวณนั้นกว้างขวางขึ้น ซึ่งบริเวณนี้เจ้าของบ้านจะเก็บสมบัติชิ้นใหญ่ ทำให้รู้สึกเป็นส่วนทรงพลังของบ้าน และเป็นการต้อนรับผู้มาเยือนได้อย่างน่าเกรงขามและแสดงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ นอกจากร่องรอยอารยธรรมอียิปต์แล้วเราจะเห็นรูปปั้นเทพอะพอลโลตั้งตระหง่านในบริเวณเดียวกัน ขอบบันไดและทางเดินมีการจัดวางชิ้นส่วนใบหน้ารูปปั้นกรีกจำนวนมาก รวมถึงเครื่องปั้นเซรามิกที่พอแสงที่ลอดจากโดมเข้ามากระทบก็สร้างความมีชีวิตให้กับโซนนี้ได้ พอเดินไปห้องอื่น ๆ ก็เจอซอกเล็กซอกน้อยที่ถูกออกแบบมาให้ใช้สอยจัดเก็บสิ่งของได้ทั้งหมด มีอีกห้องที่สร้างความประทับใจไม่แพ้ส่วนโดมคือห้องแสดงภาพวาด (The Picture Room) ที่มีขนาดเพียง 13 x 12 ฟุต แต่สามารถจัดเก็บภาพเขียนได้ถึง 118 ภาพ ด้วยการสร้างบานหน้าต่างซ้อนกันเป็นชั้นบนผนัง (Picture Planes) สำหรับคนที่ศึกษางานศิลปะภาพวาดอังกฤษน่าจะตื่นตาตื่นใจกับการได้เห็นภาพวาด A Rake’s Progress ของวิลเลียม โฮการ์ธที่ล้อเลียนความมืดมนอย่างขาดสติของลอนดอนในยุคนั้นออกมาได้อย่างมีอรรถรส หรือภาพวาดกองทัพเรือชาวดัตช์ Admiral van Tromp's Barge at the entrance to the Texel ของศิลปินแสงสวยยุคโรแมนติก เจ.เอ็ม.ดับเบิลยู. เทอร์เนอร์ ก็ถูกแขวนอยู่ภายในบ้านหลังนี้
นอกจากเซอร์ จอห์น โซนจะเป็นสถาปนิกแล้วเขายังเป็นอาจารย์ที่สนับสนุนให้นักเรียนเข้าใจงานออกแบบผ่านการสร้างโมเดล ภายในบ้านมีห้องเก็บโมเดล (The Model Room) สถาปัตยกรรมกรีกและโรมันที่มีชื่อเสียงของโลกเหล่านั้น โมเดลต่าง ๆ ถูกหล่อขึ้นมาจากปูนปลาสเตอร์ที่จับส่วนโค้งและความสะอาดขาวของสถาปัตยกรรมจริงได้ดี และการสลักไม้ก๊อกที่นำเสนอภาพความผุพังของสถานที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น โมเดลของเมืองปอมเปอี ห้องนี้สถาปนิกและผู้ชื่นชอบงานโมเดลน่าจะประทับใจและดื่มด่ำในรายละเอียดของชิ้นงาน
อาคารหลังนี้ของเซอร์ จอห์น โซน ได้ถ่ายทอดเสน่ห์ของพิพิธภัณฑ์เฉพาะทางในลักษณะบ้าน คือ การนำเสนอความสนใจของเจ้าของผ่านสมบัติและของสะสม ผู้ชมสามารถเข้าใจสิ่งที่หล่อหลอมความคิด รสนิยม รูปแบบงาน รวมถึงที่มาที่ไปในเนื้องานของเขาได้ สิ่งต่าง ๆ ทำให้เห็นว่าเขามีทัศนคติอย่างไรต่องานแบบคลาสสิค และความพยายามผลักดันทัศนคติให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยมุมมองใหม่ ถือว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้สนใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบเฉพาะทาง และต้องการรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของชีวิตผ่านชีวิตของผู้ที่อยู่ในช่วงเวลาเหล่านั้น สำหรับฉัน ผู้ไม่เคยรู้จักชื่อ เซอร์ จอห์น โซน มาก่อน แต่หลังจากออกจากบ้านก็ถูกกระตุ้นให้อยากรู้จักรูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคที่เป็นแก่นความคิดของเจ้าของบ้าน และหากใครอยากเข้าสู่โลกเวทมนตร์ในเบื้องต้นก็สามารถเข้าผ่านเว็บไซต์ ซึ่งจะพาเราเข้าไปดูบางจุดของพิพิธภัณฑ์แบบเวอร์ชวล (Virtual) http://explore.soane.org
ทางออกของพิพิธภัณฑ์จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ฉันหยิบหนังสือนิทานภาพมาหนึ่งเล่ม ชื่อ The Journal of Mrs. Soane’s Dog Fanny by Herself ที่เล่าชีวิตภายในบ้านหลังนี้ของสุนัขที่ชื่อแฟนนี่อ่านแล้วก็เห็นมุมมองต่อบ้านอีกแบบที่เจ้าของบ้านได้เขียนเล่าผ่านความซุกซน และอายุของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก (ภายในบ้านมีโลงศพของแฟนนี่ที่เซอร์ จอห์น โซน ออกแบบเองด้วยค่ะ)
หมายเหตุ
- บทความนี้เขียนจากความทรงจำและประสบการณ์ตอนไปเที่ยวอังกฤษช่วงปี ค.ศ. 2018
- พิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหรือสเก็ตซ์ ซึ่งดีและปลอดภัยต่อการรักษาสภาพสมบัติภายในบ้านมาก