‘ท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อากิโน’ (Ninoy Aquino International Airport) ชื่อนี้ใครเคยไปประเทศฟิลิปปินส์อาจคุ้นหูบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเป็นสนามบินหลักของประเทศที่ให้บริการผู้โดยสารซึ่งเดินทางไปยังกรุงมะนิลา
เชื่อหรือไม่ ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งนี้แท้จริงแล้วมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับประวัติศาสตร์นองเลือดของประเทศภายใต้ยุคกฎอัยการศึก อีกทั้งยังเป็นมรดกของการต่อสู้แห่งปวงชนชาวฟิลิปปินส์ที่กำลังก้าวสู่สถานะอัน ‘อิหลักอิเหลื่อ’ ในปัจจุบัน
ภาพที่ 1 ท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อากิโน, กรุงมะนิลา, ประเทศฟิลิปปินส์
แหล่งที่มาภาพ: Patrickroque1. NAIA Complex from Air. (2023). [Online]. Accessed 2023 Jul. 31. Available from: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:NAIA_Complex_from_air_(Pasay;_01-09-2023).jpg
ในยุคที่ฟิลิปปินส์อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงอาจเป็นชื่อนาย เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส (Ferdinand Marcos) เผด็จการผู้ฉาวโฉ่ และภรรยาของเขา นางอิเมลดา มาร์กอส (Imelda Romualdez Marcos)
ผู้สะสมรองเท้าหรูหรานับพันคู่ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์อดอยาก ผลงานภายใต้รัฐบาลของมาร์กอสที่ผู้คนมักจดจำได้มีสองอย่าง คือ 1) การกู้เงินมาลงทุนสร้างสาธารณปูโภคจำนวนมากของรัฐบาล และ 2) การประกาศกฎอัยการศึกที่นำประเทศเข้าสู่ยุคเผด็จการ
ภายหลังชนะการเลือกตั้งในปีค.ศ. 1965 มาร์กอส ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่สิบของฟิลิปปินส์ สิ่งที่ทำหลังได้รับตำแหน่ง คือการกู้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างสาธารณูปโภคในประเทศ ทำให้เขาค่อนข้างเป็นที่นิยมของประชาชน ยุคสมัยของเขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘ยุคทอง’ ของฟิลิปปินส์ เพราะสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ต่อมาในปีค.ศ. 1969 เขาก็ได้รับการเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งเป็นสมัยที่สอง
ภายใต้ยุคสมัยแห่งเผด็จการนี้ ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่พวกเราอาจไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่ นั่นคือชื่อของนายเบนิกโน ‘นินอย’ อากิโน จูเนียร์ (Benigno Simeon "Ninoy" Aquino, Jr.,) นินอย อากิโน เป็นสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การกู้เงินของมาร์กอสอย่างโผงผางว่า สาธารณูปโภคที่รัฐบาลทุ่มทุนสร้างไม่ได้ให้ประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง อีกทั้งรัฐบาลยังเพิ่มงบประมาณติดอาวุธให้กับทหารอย่างผิดหูผิดตา ทำให้
นินอยเปรียบดั่งหนามยอกอกของมาร์กอส อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงของนักศึกษาและนักกิจกรรมที่โดนรัฐบาลปราบปรามอีกเป็นจำนวนมาก
ในปีค.ศ. 1972 ขณะที่วาระที่สองของมาร์กอสใกล้สิ้นสุด เขาได้ประกาศกฎอัยการศึก ทำให้สมัยที่สองของเขายืดออกไปอย่างไม่มีกำหนด นี่คือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายสำหรับบรรดานักการเมืองและนักกิจกรรมที่ต่อต้านมาร์กอส
นินอย อากิโน เป็นหนึ่งในศัตรูทางการเมืองที่ถูกรัฐบาลมาร์กอสควบคุมตัวทันทีภายหลังการประกาศกฎอัยการศึก เขาถูกคุมขังเป็นเวลากว่าแปดปี โดยตลอดเวลาที่นินอย อากิโนถูกขัง เขาก็ยังต่อสู้กับรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายเปิดผนึกวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาร์กอสกว่าสิบฉบับ หรืออดอาหารประท้วงการไต่สวนจากศาลทหารในข้อหาฆาตกรรมและซ่องสุมอาวุธ ต่อมาศาลทหารได้ตัดสินโทษ ‘ประหารชีวิต’ เขาภายใต้ข้อหาดังกล่าว แต่เคราะห์ดีที่สุดท้ายศาลทหารก็ไม่ได้ประหารชีวิตเนื่องจากแรงกดดันจากต่างประเทศ และในปีค.ศ. 1980 นินอย อากิโน ก็ได้รับการปล่อยตัวหลังมีภาวะหัวใจวายระหว่างถูกคุมขัง
นินอย อากิโน และภรรยาได้ลี้ภัยไปรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างผู้ถูกเนรเทศไปโดยปริยาย หากกลับประเทศฟิลิปปินส์เมื่อไหร่ รัฐบาลมาร์กอสต้องจับกุมเขาแน่ ทว่า การคุมขังและการไต่สวนจากศาลทหารหยุดเขาไม่ได้อย่างไร สถานะเนรเทศโดยปริยายเช่นนี้ก็หยุดยั้งนินอย อากิโนไม่ได้ ในปีค.ศ. 1983 หลังพักรักษาตัวอยู่ที่สหรัฐฯ สามปี เขาก็ประกาศว่าจะเดินทางกลับประเทศไปเผชิญหน้ากับมาร์กอสอีกครั้ง
ผู้สนับสนุนจำนวนมากรีบออกมาเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจ ด้วยเชื่อว่าทันทีที่นินอย อากิโน กลับฟิลิปปินส์ รัฐบาลของมาร์กอสต้องหาทางเล่นงานเขาแน่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยืนกรานอย่างหนักแน่นในคำพูดของตัวเองที่เคยพูดไว้แต่ครั้งถูกไต่สวนโดยศาลทหารว่า “ผมขอตายอย่างมีเกียรติ ดีกว่ามีชีวิตอยู่โดยไร้ความหมาย”
ภาพที่ 2 นายนินอย อากิโน จูเนียร์ ขณะอยู่ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
แหล่งที่มาภาพ: Kashiwahara, Ken. Ninoy’s Final Journey. (n.d.). [Online]. Accessed 2023 Jul. 31. Available from: https://www.positivelyfilipino.com/magazine/ninoys-final-journey
การเดินทางกลับประเทศของนินอย อากิโนเป็นไปราวกับภาพยนตร์แอคชั่น รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ส่งสารเตือนสายการบินจำนวนมากเรื่องการนำผู้โดยสารที่ ‘ไม่มีเอกสารเดินทาง’ ขึ้นเครื่อง (หนังสือเดินทางของนินอย อากิโน ถูกรัฐบาลมาร์กอสยึดไว้) และ ‘คำเตือน’ เรื่องการลอบสังหารก็ปลิวว่อนไปทั่ว รวมไปถึงคำเตือนจากสถานกงสุลฟิลิปปินส์ในนครนิวยอร์กและถ้อยคำจากปากนายพลผู้เป็นสมุนมือขวาของมาร์กอสอีกด้วย แต่กระนั้นก็ไม่มีอะไรขวาง หรือหยุดนินอย อากิโน ไม่ให้กลับฟิลิปปินส์ได้ เขาต้องไปต่อเครื่องบินหลายครั้งในเกือบทุกประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต้องจองเที่ยวบินสับขาหลอกจำนวนมากไม่ให้ใครรู้ว่าเขาจะเดินทางด้วยเที่ยวบินไหน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมระหว่างทาง หรือถูกห้ามขึ้นเครื่องบิน
ในวันที่ 21 สิงหาคม ปีค.ศ. 1983 นินอย อากิโนก็ได้เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเจียงไคเช็ก (Chiang Kai-shek International Airport ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Taiwan Taoyuan International Airport) นครไทเป เกาะไต้หวัน ไปยัง ‘ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา’ ด้วยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 811 คนที่เดินทางไปพร้อมกับเขาคือนักข่าวจากหลายสำนัก ทั้งสำนักข่าว AP (Associate Press) สำนักข่าวเคียวโด (Kyodo News) สำนักข่าว TBS (Tokyo Broadcasting System) หรือสำนักข่าว ABC ทั้งนี้เพราะเขาเชื่อว่า มาร์กอสจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหากมีกล้องของสำนักข่าวต่างชาติอยู่เต็มไปหมด
ณ ‘ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา’ มีประชาชนผู้สนับสนุนเขามารอต้อนรับกว่า 20,000 คน โดยผู้คนจำนวนมากใส่เสื้อสีเหลืองและผูกริบบิ้นสีเหลือง ดั่งในเพลง ‘Tie a Yellow Ribbon ‘Round the Ole Oak Tree’ ที่กล่าวถึงการกลับบ้านของอดีตนักโทษ
นินอย อากิโน เดินทางกลับประเทศด้วยเสื้อสูทตัวเดียวกับที่เขาใส่เมื่อลี้ภัยไปประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อสามปีก่อน และก่อนเครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา เขาได้เข้าห้องน้ำของเครื่องบินเพื่อสวม ‘เสื้อเกราะกันกระสุน’
ในเวลาบ่ายโมงสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 811 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา เคน คาชิวะฮาระ (Ken Kashiwahara) น้องเขยของนินอยที่เดินทางไปด้วยสังเกตเห็นว่ามีรถตู้ทหารมารอที่หลุมจอดอยู่แล้ว เมื่อเครื่องมาถึงที่หลุมจอด A นายทหาร 3 นายขึ้นมาคุมตัวนินอย อากิโน ลงจากเครื่อง กล้องวีดิโอของสำนักข่าวต่างประเทศบันทึกภาพเหตุการณ์นี้ไว้ตลอดเวลา โดยนินอย อากิโน เคยกล่าวกับสำนักข่าวญี่ปุ่นระหว่างรอต่อเครื่องมาฟิลิปปินส์ว่า “พวกคุณถือกล้องไว้ให้ดีเลยนะ เรื่องนี้อาจเกิดขึ้นเร็วมาก ในเวลาสามหรือสี่นาทีทุกอย่างอาจจบลงแล้ว และผมอาจไม่มีวันได้คุยกับพวกคุณอีก” และน่าเศร้าที่คำพูดของเขาเป็นจริง ไม่ถึงนาทีหลังนินอย อากิโนก้าวออกจากประตูเครื่องบิน เขาก็ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอยเสียชีวิต แม้ไม่มีภาพของวินาทีที่เขาถูกสังหาร แต่ภาพร่างไร้ชีวิตที่นอนจมกองเลือดอยู่บนหลุมจอด A ก็ถูกบันทึกโดยนักข่าวต่างประเทศจำนวนมาก
การลอบสังหารนินอย อากิโนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้คนมาเคารพศพของเขา (ซึ่งยังอยู่ในเสื้อโชกเลือดตัวเดิมที่เขาใส่ตอนถูกสังหาร) กว่าหนึ่งพันคน และขบวนแห่ศพของเขากินเวลายาวนานกว่าสิบชั่วโมง และมีประชาชนมาแสดงความไว้อาลัยมากกว่าหนึ่งล้านคน
แน่นอนว่ารัฐบาลของมาร์กอสไม่ได้ล่มสลายในชั่วข้ามคืน แต่การลอบสังหารนินอย อากิโนก็เป็นประกายไฟสำคัญสำหรับการต่อสู้ของประชาชนชาวฟิลิปปินส์ จนนำไปสู่การปฏิวัติ ‘พลังประชาชน’ (People’s Power Revolution) ในปีค.ศ. 1986 มีการบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีและตระกูลมาร์กอสต้องหลบหนีไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในที่สุด
ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1986 นางคอราซอน ‘คอรี่’ อากิโน (Maria Corazon "Cory" Sumulong Cojuangco Aquino) ภรรยาของนินอย อากิโนก็ชนะการเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 11 และประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศฟิลิปปินส์ได้สำเร็จ ภายใต้รัฐบาลของเธอ ‘ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา’ ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘ท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อากิโน’ ในปีค.ศ. 1987 เพื่อเป็นเกียรติแก่
นินอย อากิโน ผู้ถูกสังหาร ณ หลุมจอด A คงหาได้ยากที่ชื่อสนามบินที่ไหนในโลกจะมีที่มาอย่างลึกซึ้งและเกี่ยวพันกับการต่อสู้ของประชาชนขนาดนี้
ปัจจุบันมรดกของนินอย อากิโนและการปฏิวัติพลังประชาชนในปีค.ศ. 1986 อาจกำลังมาถึงทางแยก เมื่อตระกูล ‘มาร์กอส’ หวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ.2022 นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส
จูเนียร์ หรือรู้จักกันในชื่อ ‘บงบง มาร์กอส’ (Ferdinand "Bongbong" Romualdez Marcos Jr.) บุตรชายคนเดียวของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 17 ของประเทศฟิลิปปินส์ หลังคว้าชัยชนะด้วยคะแนน 31,629,783 เสียง คิดเป็น 58.7% ของคะแนนเสียงทั้งหมด
นอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความโปร่งใสของการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้ว นักวิเคราะห์บางส่วนยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์แคมเปญ ‘โฆษณาชวนเชื่อ’ ของบงบงมาร์กอสที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีก่อนการเลือกตั้ง โดยมีเป้าหมายทั้งเพื่อลบล้างชื่อเสียให้ตระกูล เปลี่ยนภาพจำที่ประชาชนมีต่อยุคมาร์กอสผู้พ่อให้เป็น ‘ยุคทอง’ ของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ (ซึ่งมีนักวิชาการออกมาตีแผ่แล้วว่า ‘ไม่เป็นจริง’ อีกทั้งรัฐบาลของมาร์กอสผู้พ่อยังก่อหนี้ไว้มหาศาลอีกด้วย) หรือกระทั่งการพยายามตัดขาด ‘บาป’ ของพ่อจากมาร์กอสผู้ลูก
วิชาประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่นักวิชาการให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากในวิชาประวัติศาสตร์กล่าวถึงยุคสมัยของมาร์กอสผู้พ่อแต่เพียงผิวเผินหรือคลุมเครือ ทำให้ผู้คนมีความทรงจำต่อยุคสมัยของมาร์กอสที่แตกต่างกัน บางคนที่ไม่เคยเผชิญความโหดร้ายของรัฐบาลมาร์กอสมองว่ารัฐบาลมาร์กอสไม่ได้แย่ บางคนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจของมาร์กอสก็มองว่ายุคสมัยนั้นเป็น ‘ยุคทอง’ ของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ และแน่นอนว่าครอบครัวที่สมาชิกถูกจับกุม หรือต้องลี้ภัยไปต่างแดนเพราะการปราบปรามของรัฐบาลย่อมจดจำความโหดร้ายภายใต้กฎอัยการศึกไม่เคยลืม เมื่อประชาชนมีภาพจำต่อยุคสมัยของมาร์กอสผู้พ่อแตกต่างกันยิ่งเป็นโอกาสให้มาร์กอสผู้ลูกเผยแพร่ข้อมูลที่ช่วยล้างภาพไม่ดีของตระกูลในอดีต แล้วยิ่งโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในประเทศฟิลิปปินส์ เขาก็ยิ่งมีช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลมากขึ้น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์อีกส่วนยังมองว่าแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อเพียงอย่างเดียวไม่น่าเพียงพอให้
บงบง มาร์กอสล้างชื่อของครอบครัวและชนะการเลือกตั้งได้ แต่อาจเป็นเพราะความผิดหวังของชาวฟิลิปปินส์ต่อระบอบ ‘ประชาธิปไตย’ ของประเทศด้วย เพราะแม้กำจัดตระกูลมาร์กอสแล้วกลับมาดำเนินการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยได้ แต่ชีวิตคนฟิลิปปินส์ก็ยังไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด การฉ้อโกงของนักการเมืองก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปหมด ประชาชนฟิลิปปินส์อาจ ‘หมดศรัทธา’ ต่อระบอบประชาธิปไตย และต้องการผู้นำที่บริหารบ้านเมืองด้วย ‘กำปั้นเหล็ก’ อย่างที่เห็นได้จากชัยชนะของโรดริโก ดูแตร์เต (Rodrigo Roa Duterte) ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า
ดังนั้น สถานะของท่าอากาศยานนานาชาติ ‘นินอย อากิโน’ ที่เป็นหลักฐานของความโหดร้ายแห่งยุค ‘มาร์กอสผู้พ่อ’ จะดำรงคงอยู่อย่างไรในยุคสมัยของ ‘มาร์กอสผู้ลูก’ ที่ต้องการล้าง ‘ชื่อเสีย’ ให้ครอบครัว
และในอนาคตชาวฟิลิปปินส์จะมีความทรงจำอย่างไรต่อมรดกการต่อสู้ของปวงชนแห่งนี้?
ภาพที่ 3 นินอย อากิโน ให้สัมภาษณ์กับจิม ลอรี่ นักข่าวจาก ABC News บนเที่ยวบิน
มุ่งหน้ากลับประเทศฟิลิปปินส์
แหล่งที่มาภาพ: Laurie, Jim. Full Airplane interview from August 21. (2014). [Online]. Accessed 2023 Jul. 31. Available from: https://www.youtube.com/watch?v=eBD4vJS0dPk
เอกสารอ้างอิง
AFP. (2022, May 8). 'Golden age': Marcos myths on Philippine social media. Retrieved from France 24: https://www.france24.com/en/live-news/20220508-golden-age-marcos-myths-on-philippine-social-media
Gavilan, J. (2016, August 20). LOOK BACK: The Aquino Assassination. Retrieved from Rappler: https://www.rappler.com/newsbreak/iq/143594-look-back-ninoy-aquino-assassination/
Kashiwahara, K. (1983, October 16). Aquino's Final Journey. The New York Times, p. 41.
Martial Law Museum. (n.d.). From Senator to Prisoner: The Story of Ninoy Aquino. Retrieved from Martial Law Museum: https://martiallawmuseum.ph/magaral/from-senator-to-prisoner-the-story-of-ninoy-aquino/
Punongbayan, J. (2023, February 24). [ANALYSIS] Undoing ‘false nostalgia’ about the Marcos years. Retrieved from Rappler: https://www.rappler.com/voices/thought-leaders/analysis-undoing-false-nostalgia-marcos-dictatorship/
Tatler Philippines. (2021, August 20). Ninoy Aquino Day: Remembering The Icon As A Catalyst For Democracy. Retrieved from Tatler Asia: https://www.tatlerasia.com/power-purpose/ideas-education/remembering-ninoy-aquino