Museum Core
พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Museum Core
31 ต.ค. 66 3K
ประเทศไทย

ผู้เขียน : งามวาด ดำคำ นักศึกษาฝึกงาน ปี 2566

               สมัยเด็ก หากเราอยากรู้ว่าอวัยวะร่างกายมนุษย์เป็นอย่างไร คุณครูคงบอกให้เปิดดูรูปภาพในหนังสือเรียน บางภาพมีสีบ้าง ขาวดำบ้าง หรืออาจได้ดูรูปสวยๆ จากหนังสือเรียนต่างประเทศ เขยิบเข้ามาใกล้ยุคอินเทอร์เน็ตโลกไร้พรมแดน เราสามารถเรียนรู้จากวิดีโอ หรือหารูปค้นคว้าเพิ่มเติมได้มากขึ้น

               แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราได้เห็นอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์แบบสามมิติด้วยตาเราเอง แถมยังไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย

               ภายในคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์ จัดแสดงระบบอวัยวะ และร่างกายของมนุษย์ เปิดโอกาสในผู้เข้าชมได้รู้จักร่างกายของมนุษย์ได้อย่างลุ่มลึกยิ่งขึ้น ความพิเศษของผลงานที่จัดแสดง คือ ร่างกายมนุษย์ที่ถูกรักษาสภาพด้วยเทคโนโลยีพลาสติเนชัน (The Plastination Process) ที่ใช้สารพลาสติกเหลวพิเศษแทนที่ของเหลวในร่างกายมนุษย์ ทำให้อวัยวะร่างกายคงความสมบูรณ์ได้นานยิ่งขึ้นและไม่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็น 1 ใน 11 พิพิธภัณฑ์ทั่วโลกที่จัดแสดงร่างกายมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีนี้ เช่นเดียวกับชุดนิทรรศการสัญจร BODY WORLDS ที่เคลื่อนย้ายไปจัดแสดงในหลายประเทศทั่วโลก และมีนิทรรศการถาวรในหลายเมือง ได้แก่ เบอร์ลิน อัมสเตอร์ดัม ไฮเดลเบิร์ก กูเบน และซานโจเซ รวมถึงเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

               ในประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงร่างกายมนุษย์ไม่มากนัก เช่นกรณีพิพิธภัณฑ์ในโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งใช้วิธีนำเสนอที่ต่างกันออกไป หากมองในมุมกว้าง พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาให้ทัดเทียมระดับสากลได้ ซึ่งเป็นคุณูปการต่อยอดให้เข้าใจร่างกายอย่างเห็นภาพยิ่งขึ้นจากสมัยแรกที่ต้องศึกษาอวัยะภายในร่างกายของมนุษย์ด้วยการผ่านร่างของอาจารย์ใหญ่

               แม้ว่าการศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่นั้นช่วยให้นักศึกษา และแพทย์ได้พัฒนาศักยภาพได้เต็มที่ แต่ร่างของอาจารย์ใหญ่นั้นมาจากการอุทิศร่างของผู้วายชนม์เพื่อการศึกษา ซึ่งการบริจาคไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำและสม่ำเสมอ ทำให้นิสิตนักศึกษาอาจพลาดโอกาสและประสบการณ์เรียนรู้จากของจริง การศึกษาร่าง “อาจารย์ใหญ่” ซึ่งผ่านกระบวนการพลาสติเนชันรักษาสภาพร่างกาย และอวัยวะให้ไม่เน่าเปื่อยไปตามเวลา และจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นั้นก็ช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนร่างอาจารย์ใหญ่ได้ไม่น้อย

               บางคนได้ยินผ่านๆ อาจคิดว่าพิพิธภัณฑ์แนวนี้คงเหมาะสำหรับเด็กเนิร์ดสายวิทย์ หรือคนที่ชอบศึกษาชีววิทยา แต่ในทางกลับกัน ยิ่งใครไม่ชอบเรียนวิทย์ ที่แห่งนี้อาจเหมาะสำหรับคุณมากทีเดียว

               พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ชั้น 9 อาคารทันตแพทยศาสตร์เฉลิมนวมราช 80 พื้นที่จัดแสดงไม่กว้างมากนัก แบ่งออกเป็น 2 ห้อง แต่ความรู้และคุณภาพอัดแน่นในพื้นที่ขนาดเล็กนั้น เมื่อคุณเปิดประตูเข้าห้องมา สิ่งแรกที่ต้อนรับคุณคือภาพแสดงเส้นเลือดของมนุษย์ที่วาดโดย แอนเดรียส เวซาเลียส (Andreas Vesalius) แพทย์สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ผู้ปฏิวัติวงการชีววิทยา และแพทยศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นผู้เขียนตำราร่างกายของมนุษย์ที่ครอบคลุมที่สุดเล่มแรก และได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งกายวิภาคศาสตร์สมัยใหม่ (Father of Modern Anatomy) ส่วนร่างกายและอวัยวะต่างๆ ที่จัดแสดงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับบริจาคมาจากบริษัท M.D. Softhouse ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ได้ขอความร่วมมือห้ามผู้เข้าชมถ่ายรูปพื้นที่จัดแสดง

 

ภาพที่ 1 ภาพวาดแสดงเส้นเลือดของมนุษย์

แหล่งที่มาภาพจาก: https://wellcomecollection.org/works/apv7y9eh

 

               ถัดไปเล็กน้อย เริ่มเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ที่เหมือนจิ๊กซอว์ประสานกันอย่างลงตัว หน้าที่ของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ระบบไหลเวียนโลหิต ชิ้นส่วนสมอง และคำอธิบายขั้นตอนของเทคโนโลยี
พลาสติเนชัน ร่างจัดแสดง หรืออาจารย์ใหญ่ไม่ได้จัดวางท่านิ่งๆ ยืนตัวตรงเหมือนที่เราเห็นตามงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์สมัยเรียน แต่จัดวางในอิริยาบถต่างๆ เช่น ท่ายิงธนู ท่ากำลังก้าวเดินไปข้างหน้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงการใช้งานกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ได้ชัดยิ่งขึ้น ร่างกายมนุษย์แบบเต็มร่างมีทั้งหมด 13 ชุด หากนับรวมอวัยวะทั้งหมดที่จัดแสดงก็มีมากถึง 131 ชิ้นเลยทีเดียว

               ระหว่างเดินชมนิทรรศการ คุณอาจตั้งคำถามกับมุมมองของตัวเองได้ว่า ร่างกายที่จัดแสดงนั้นเป็นอะไรสำหรับเรา ก้อนเนื้อ? เป็นผู้คนที่เคยมีลมหายใจ? เป็นศพ? เป็นผลงานวิชาการ? เป็นงานศิลปะ? หรือเป็นอาจารย์ใหญ่?

 

ภาพที่ 2 โครงสร้างและอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์ที่ผ่าตามแนวขวาง

แหล่งที่มาภาพจาก: http://www.dent.chula.ac.th/museums/museum-of-human-body/

 

               พิพิธภัณฑ์ไม่ได้จัดแบ่งแยกโซนอย่างชัดเจนนัก แต่มีการจัดแบ่งหมวดระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ระบบประสาท โครงสร้างกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ ทางเดินอาหาร และระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น อีกทั้งยังจัดแสดงอวัยวะภายในร่างกายของมนุษย์ที่ผ่าตามแนวนอน และแนวขวาง เมื่อเดินชมไปเรื่อย ๆ ผู้ชมก็ยิ่งตื่นตากับความซับซ้อนของร่างกายมนุษย์และได้เรียนรู้ถึงความเชื่อมโยงของระบบอวัยวะภายในร่างกาย โดยเฉพาะการจัดแสดงเรื่องระบบหายใจ แสดงการเปรียบเทียบลักษณะปอดของคนปกติคู่กับคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ชิ้นงานนี้อาจกระตุ้นให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพได้อีกด้วย

 

ภาพที่ 3 ภาพแสดงโครงสร้างของมัดกล้ามเนื้อเมื่อยกแขน    

แหล่งที่มาภาพจาก: http://www.dent.chula.ac.th/museums/museum-of-human-body/

 

               กลุ่มผู้เข้าชมของพิพิธภัณฑ์นั้นค่อนข้างหลากหลาย ไม่ได้มีแค่นักเรียน และนิสิตคนไทย แต่ยังมีครอบครัว ชาวต่างชาติ คนทุกเพศทุกวัย วันที่ผู้เขียนไปชมพิพิธภัณฑ์เป็นวันที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน มีครอบครัวพ่อแม่ลูก และนักท่องเที่ยวต่างชาติประปราย จึงได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับนิทรรศการ ไม่ต้องยืนเบียดเสียดกับใคร โซนจัดแสดงที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในวันนั้น คือ ร่างกายมนุษย์ที่ยืนในอิริยาบถต่างๆ และพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจัดแสดงเฉพาะพัฒนาการตัวอ่อน แต่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้พิเศษกว่าที่อื่นตรงที่ได้นำ “รก” (Placenta) ซึ่งเป็นอวัยะที่ไม่ค่อยมีที่ใดจัดแสดงมาวางเคียงคู่กับตัวอ่อนด้วย ขณะที่ผู้เขียนกำลังยืนพินิจชิ้นส่วนของปอดก็ได้ยินเสียงคุณแม่คุยกับลูกชายวัยเตาะแตะที่ตู้จัดแสดงด้านข้างว่า

               “ตอนอยู่ในท้องมี๊ ลูกก็ตัวเท่านี้มาก่อน” แม่ชี้ไปที่ตัวอ่อนทารก

               เด็กผู้ชายชะโงกหน้าไปมอง ตกใจ และพูดแบบไม่เชื่อว่า “จำไม่เห็นได้เลย มี๊โกหก”

 

               ขณะเดินชมตู้จัดแสดงอื่นๆ ไปเรื่อย เด็กผู้ชายคนนั้นก็มักหันไปสะกิดถามแม่ตลอดเวลา พิพิธภัณฑ์นี้จึงเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้ปกครองสามารถพาเด็กมาหาความรู้ และเปิดประสบการณ์ได้เช่นกัน นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ยังได้จัดมุม Let’s Lift up BRAIN มุมนี้เป็นกิจกรรมจับสัมผัสได้ มีสมองของมนุษย์จำลองจัดวางไว้ เพื่อให้ผู้เข้าชมสัมผัสเรียนรู้ขนาดและน้ำหนักของสมองด้วยมือตนเอง

 

ภาพที่ 4 กิจกรรมท้าให้ลองจับสัมผัสสมอง

แหล่งที่มาภาพจาก: http://www.dent.chula.ac.th/museums/museum-of-human-body/

 

                พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์แห่งนี้นับได้ว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์ชั้นเลิศในวงการแพทยศาสตร์ และอาจทำให้ผู้ที่ไม่ใคร่เรียนวิทยาศาสตร์ด้วยรู้สึกว่ายาก กลับมาสนใจความน่าอัศจรรย์เหล่านี้ได้ เพราะชิ้นส่วนที่นำมา
จัดแสดงแต่ละชุดอาจทำให้คุณหลงใหล และอยากเรียนรู้ต่อ นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเดินทางสะดวก อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม และศูนย์หนังสือจุฬาฯ เปิดทำการวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 9.00-16.00 น. เข้าฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

 

แหล่งค้นคว้าอ้างอิง

Martinez, Britta, "Gunther von Hagens' Plastination Technique". Embryo Project Encyclopedia (2012-10-24). ISSN: 1940-5030 http://embryo.asu.edu/handle/10776/3947.

Thainess TV. (21 มีนาคม 2564). สารคดี ของดีประเทศไทย ตอนพิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์ [วีดิโอ]. สืบค้นจาก https://youtu.be/jy9vflCpcDs

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ