เมืองโมริโอกะ (Morioka) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภูมิภาคโทโฮคุของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วโมงจากโตเกียวด้วยรถไฟหัวกระสุน (Shinkansen) เป็นเมืองที่ผู้เขียนผูกพัน มีเรื่องเล่ายาวนานและมากมายเป็นพิเศษ เพราะเมื่อราว 20 ปีมาแล้วเพื่อนชาวญี่ปุ่นผู้หนึ่งทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างสบายใจ และมีความสุขกับการเป็นคุณครูในเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ผ่อนคลายสบายตา
ด้วยเราเป็นเพื่อนกันมากว่าครึ่งชีวิต เมื่อแรกที่เขาย้ายไปทำงานในจังหวัดที่ห่างไกลก็ได้เชื้อเชิญให้ผู้เขียนเดินทางไปเยี่ยมเยียนยังเมืองที่เพื่อนอาศัยอยู่ โดยเพื่อนมารับผู้เขียนที่สถานีรถไฟโมริโอกะแล้ว ค่อย ๆ พากันเดินชมเมืองเล็ก ๆ ที่มองเห็นภูเขาอิวาเตะตระหง่านในวันฟ้ากระจ่าง ถนนที่ทอดยาวเลียบผ่านอาคารบ้านเรือนหลายแห่ง เมื่อลัดเลาะมาทางตะวันออกของสวนสาธารณะอิวาเตะก็สะดุดตากับตึกอิฐแดงโอ่อ่านามว่า “ธนาคารอิวาเตะ” ที่ตั้งอยู่เชิงสะพานนากาโนะบาชิที่ใช้ข้ามแม่น้ำนาคัตสึ ซึ่งตอนนั้นธนาคารยังเปิดทำการอยู่ และเราได้แต่เพียงชะเง้อมองเข้าไปด้านในเพราะไม่มีเหตุอันใดให้ต้องเข้าไปทำธุรกรรม เพื่อนญี่ปุ่นชี้ชวนและอธิบายให้ฟังว่าตึกนี้คือสัญลักษณ์หนึ่งของเมือง ของจังหวัด ใครไปใครมาก็ต้องหยุดชม
ภาพที่ 1 ตัวตึกอาคารอิฐแดง สถาปัตยกรรมตะวันตกสมัยเมจิของญี่ปุ่น
เวลาผ่านไปว่องไวราวติดปีก ช่วงระหว่างการเดินทางของวันเวลาตลอด 20 ปีนั้น ผู้เขียนก็ได้ไปเยือนเมืองต่าง ๆ ในจังหวัดอิวาเตะ ตามแต่เพื่อนคนนี้จะย้ายไปสอนโรงเรียนแห่งใด (คุณครูญี่ปุ่นจะย้ายการสอนในโรงเรียนทุกสามปี) เมื่อช่วงโรคโควิดระบาดเขาได้ย้ายกลับมาสอนที่โรงเรียนชานเมืองโมริโอกะ และปลายปีที่แล้วเริ่มเดินทางไปญี่ปุ่นได้สะดวก ผู้เขียนจึงสบโอกาสเดินทางไปหาเพื่อนคนดีที่เมืองเดิมอีกครั้ง
ภาพที่ 2 รับบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ สวยงาม เก็บสะสมเป็นที่ระลึกได้เลย
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี การมารับที่สถานีโมริโอกะแล้วพาเดินทอดน่องชมเมืองก็ยังเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ อาคารอิฐแดงที่เคยได้แต่ชมด้วยตา ตัวตึกได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้แล้ว และเพื่อนก็ถามว่าอยากเข้าไปดูข้างในหรือไม่
แน่นอนว่าผู้เขียนดีใจมาก ถามว่าเพื่อนเคยเข้าไปหรือยัง เขาบอกว่าเข้าพร้อมกับเราครั้งแรกนี่แหละ ไม่รู้ว่าแกล้งไหมเพราะเพื่อนคนนี้ชอบแกล้งทำหน้าตายเสมอ เมื่อได้อ่านประวัติก็พบว่าที่นี่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการเงินในจังหวัดอิวาเตะมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559
ชื่อเต็มของอาคารอิฐแดงในภาษาญี่ปุ่น คือ Iwate Ginkō Aka-Renga kan ที่มีความโดดเด่นจนใครเห็นก็เป็นต้องหยุดมอง ด้วยตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกสมัยเมจิของญี่ปุ่นตั้งอยู่ ท่ามกลางบรรดาตึกรามบ้านช่องที่ก่อด้วยปูนเป็นทรงกล่องที่รายล้อมรอบด้าน แถมยังอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยมอย่างเชิงสะพานข้ามแม่น้ำคัตสึ ซึ่งในวันที่อากาศดีจะมองเห็นภูเขาอิวาเตะทั้งลูกจากจุดนี้ได้เลย
ภาพที่ 3 ภายในตัวอาคารออกแบบให้เพดานเปิดโล่ง โปร่งสบาย
อาคารอิฐแดงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2451-2454 หรือ 112 ปีมาแล้ว เพื่อเป็นสำนักงานใหญ่ของธนาคาร
โมริโอกะ ต่อมาปิดกิจการในปี พ.ศ. 2476 ธนาคารอิวาเตะ โชคุซัน ซื้ออาคารนี้ในปี พ.ศ. 2479 ปรับปรุงให้เป็นสำนักงานใหญ่ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารแห่งอิวาเตะในปีพ.ศ. 2503 และยังคงใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของธนาคารจนกระทั่งอาคารใหม่สร้างเสร็จในปีพ.ศ. 2526 ถึงแม้จะมีธนาคารอิวาเตะแห่งใหม่แล้ว ที่นี่ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของธนาคาร และได้รับการยกย่องให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
สิ่งที่ทำให้อาคารอิฐแดงอยู่ในหัวใจชาวโมริโอกะและตราตรึงอยู่ในใจผู้เขียนตั้งแต่แรกพบนั้น นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวไกล และการออกแบบที่ดูมีความร่วมสมัยแม้จะกลับมาดูอีกครั้งในหลายสิบปีต่อมาก็ยังน่าทึ่งอยู่ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้แก่สถาปนิกหลัก คือ ทัตสึโนะ คินโกะ (Tatsuno Kingo) ผู้ออกแบบสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นในโตเกียว และสถานีรถไฟโตเกียว ตึกหลังนี้จึงเป็นผลงานเพียงชิ้นเดียวของเขาในภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่คนเห็นภาพตึกอิฐแดงแล้วรู้สึกว่ามีความคล้ายกันเหลือเกินกับสถานีรถไฟโตเกียวก็เพราะเป็นผลงานของสถาปนิกผู้ออกแบบคนเดียวกันนั่นเอง
ภาพที่ 4 หอคอยทรงโดมตามมุมต่าง ๆ ของอาคารภายนอก
ลักษณะเฉพาะของอาคารหลังนี้ คือ มีหอคอยทรงโดมแปดเหลี่ยมที่มุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ หอคอยสี่เหลี่ยมที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ และหลังคาหน้าจั่วสไตล์ญี่ปุ่นแบบอิริโมยะ- ซุคุริ (Irimoya - zukuri) ที่ยื่นออกมาจากด้านข้าง ผนังด้านนอกก่อด้วยอิฐแดงและแกรนิตโต้ลายขาว (stripes of white granite) ภายในมีทางเดินชั้น 2 ล้อมรอบแนวเสาชั้น 1 ใช้อิฐประมาณ 910,000 ก้อนจากจังหวัดอิวาเตะเป็นวัสดุก่อสร้าง และใช้ไม้ไซเปรส
อาโอโมริฮิบะ (Aomori Hiba cypress wood) สำหรับการตกแต่งภายใน แม้ว่าตัวอาคารจะโดดเด่นด้วยการใช้อิฐแดง แต่เคยทาสีขาวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 ถึง พ.ศ. 2501 และถูกเรียกว่า "เมจิกังสีขาว" (White Meijikan)
ภาพที่ 5 ภายในมีทางเดินชั้นสอง ล้อมรอบแนวเสาชั้นหนึ่ง
ภายนอกอาคารดูภูมิฐานด้วยอิฐสีแดงที่สง่างาม เมื่อเข้ามาภายในก็ตื่นตากับการออกแบบให้เพดานสูง ทำให้รู้สึกโล่ง โปร่ง การตกแต่งภายในได้รับการซ่อมแซมและบูรณะให้เหมือนสมัยเมจิ แบ่งการเข้าชมเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนธนาคารอิวาเตะที่เข้าฟรี และโซนธนาคารโมริโอกะที่ต้องเสียค่าเข้าชม ผู้เขียนกับเพื่อนรับบัตรเข้าพิพิธภัณฑ์ซึ่งทำเป็นบัตรสะสมสวยงามแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับผู้เข้าชมจำนวนกำลังเดินสบาย
ภาพที่ 6 เมื่อเดินเข้ามาจะมีช่องกระจกให้เรามองเห็นฐานโครงสร้างดั้งเดิมด้านล่าง
โซนธนาคารอิวาเตะประกอบด้วยโถงอเนกประสงค์ ห้องธุรกรรมที่ได้รับการตกแต่งใหม่ รวมถึงห้องสมุดที่นำเสนอประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมและการค้าในโมริโอกะ ด้านโซนธนาคารโมริโอกะจัดแสดงห้องรับรองและห้องนิรภัยที่ใช้มาตั้งแต่ธนาคารเปิดทำการ นอกจากนี้ยังมีมุมแนะนำประวัติความเป็นมาและโครงสร้างของอาคารให้รับชม รวมถึงแนะนำประวัติศาสตร์ทางการเงินของจังหวัดอิวาเตะและโรงละคร
ภาพที่ 7 จัดแสดงภาพเก่าเล่าเรื่องธนาคารยุคแรกเริ่ม
การจัดแสดงโดยรวมในพิพิธภัณฑ์อาจไม่หวือหวา มีลูกเล่นหรือกิจกรรมให้ร่วมทำมากนัก แต่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะช่องกระจกบนพื้นให้มองเห็นโครงสร้างดั้งเดิมของตัวอาคาร ภาพเก่าเล่าเรื่องร้อยปีก่อนที่น่าทึ่งว่ารูปภาพในอดีตนั้นคมชัด สวยงาม เมื่อนำมาจัดวางให้เห็นรายละเอียดยิบย่อยที่ซุกซ่อนอยู่ในภาพนั้น เช่น การใช้ชีวิต การแต่งตัว การเดินทาง ตึกรามบ้านช่อง สถานที่ที่เรายืนอยู่วันนี้ในอดีตหน้าตาเป็นเช่นไรและเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
วันที่ผู้เขียนไปเข้าชมมีการจัดแสดงภาพวาดเล่าเรื่องเมืองอิวาเตะโดยเด็กนักเรียนให้ชมในห้องโถงของพิพิธภัณฑ์ด้วย ผู้เข้าชมจึงขยายกลุ่มไปถึงบรรดาคุณแม่และครอบครัวที่มาดูผลงานบุตรหลานตัวเอง ช่วยเสริมเติมแต่งให้อาคารอิฐแดงอายุร้อยปีแห่งนี้มีสีสันเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ที่นี่อาจเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดกลาง ไม่มีแสงสีเสียงวูบวาบตื่นตาเร้าใจ ทว่า กลับหลอมรวมเรื่องราวนับร้อยปีของเมืองโมริโอกะเอาไว้ ไม่ไช่แค่เรื่องของการเงินการธนาคาร แต่มีชีวิตที่ยังโลดแล่นและมีลมหายใจอยู่ในนั้น เฉกเช่นเดียวกับมิตรภาพระหว่างผู้เขียนและเพื่อนญี่ปุ่นชาวอิวาเตะ (ผู้มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดจิบะ แต่ได้กลายเป็นชาวเมืองนี้ไปนานแล้ว) ที่ยั่งยืนยาวนานร่วมสามสิบปีและกำลังไล่หลังตามอายุของอาคารอิฐแดงไปเรื่อย ๆ ตราบสิ้นลมหายใจ
พิพิธภัณฑ์ธนาคารอิวาเตะ
เปิด : ตั้งแต่ 10:00 น. - 17:00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร
ค่าเข้าชม : บุคคลทั่วไป (โซนธนาคารโมริโอกะ) 300 เยน (ราว 75 บาท) นักเรียนประถมและมัธยม 100 เยน (ราว 25 บาท) เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ เข้าชมฟรี
การเดินทาง : เดิน 15-20 นาที จากสถานีรถไฟโมริโอกะ