Museum Core
เตาแม่น้ำน้อย สิงห์บุรี
Museum Core
22 ธ.ค. 66 904

ผู้เขียน : ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ

               ข้อความใน ‘พระราชพงศาวดารเหนือ’ ซึ่งชำระขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แต่ต้นฉบับดั้งเดิมนั้นเก่าแก่ไปจนถึงรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีใจความตอนหนึ่งเล่าว่า ‘พระร่วง’ แห่งเมืองสวรรคโลก กับน้องชายคือ เจ้าฤทธิกุมาร ได้เสด็จไป ‘เมืองจีน’ เพราะโกรธที่กรุงจีนไม่มาช่วยพระองค์ทำพิธีลบศักราช ดังนั้นจึงตั้งใจไปเอาพระยากรุงจีนมาเป็นข้ารับใช้ตนเอง

               ทั้งคู่เสด็จไปทางเรือ เมื่อเดินทางถึงก็เกิดปาฏิหาริย์ มีหมอกลงหนาทึบจนทั่วทั้งกรุงจีนไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน พระยากรุงจีนคิดหาทางแก้ไข ทางหนึ่งจึงส่งคนไปดูที่มหาสมุทรแล้วพบว่า พระร่วงสองคนพี่น้องนั่งเรือเดินทางมา พระยากรุงจีนทราบเข้าก็นึกถึงคำพุทธทำนายของเมืองตนเองที่ว่าจะมีคนไทยสองพี่น้องเดินทางมาแสวงหาคู่ครอง คนหนึ่งได้เป็นเจ้าแห่งชมพูทวีปและจะลบศักราชพระพุทธเจ้า

               เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว พระยากรุงจีนจึงเชิญพระร่วงสองพี่น้องเข้ามาในวัง ให้พระร่วงนั่งบนบัลลังก์ แล้วตนเองถวายบังคมต่อพระร่วง จากนั้นยกพระราชธิดาให้ แถมยังเอาตรามังกร ผ่าออกเป็นสองซีก ซีกหางให้พระราชธิดานำกลับเมืองสวรรคโลก (นัยว่า พระธิดาองค์นี้เป็นคนสำคัญมาก) พร้อมกับพระร่วง แล้วแต่งสำเภาลำหนึ่ง มีเครื่องราชบรรณาการเต็มลำไปส่งพระร่วงกลับเมืองอีกด้วย

               แม้ว่านิทานเรื่องนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่กล่าวเกินจริงและไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่กลับมีส่วนที่สอดคล้องกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีกษัตริย์ที่มีเชื้อสายของวงศ์พระร่วง หรือวงศ์สุโขทัยเคยเสด็จไปเมืองจีน

               ‘พระร่วง’ ที่ถูกกล่าวถึงในพระราชพงศาวดารเหนือข้างต้นคือ ‘เจ้านครอินทร์’ หรือ ‘สมเด็จพระ
นครินทราธิราช’ กษัตริย์รัฐสุพรรณภูมิ (ครองเมืองสุพรรณบุรี พ.ศ. 1914-1929 ครองกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.
1952-1958) เป็นหลานของขุนหลวงพ่องั่ว หรือพระบรมราชาธิราชที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 1894-1916) และมีเชื้อสายราชวงศ์สุโขทัย (เกี่ยวดองกับราชวงศ์สุโขทัยผ่านทางพระราชมารดา) ถือเป็น
เชื้อสายพระร่วง

               เจ้านครอินทร์ เมื่อครั้งอยู่เมืองสุพรรณบุรีได้เคยเสด็จไปเมืองจีน แล้วจักรพรรดิจีนมอบช่างครื่องปั้นดินเผามาสอนทําสังคโลกที่เมืองสุโขทัย และที่ลุ่มน้ำน้อย (เขตจังหวัดสิงห์บุรี ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นพื้นที่ในปริมณฑลอำนาจของราชวงศ์สุพรรณภูมิของพระองค์

               ต่อมาด้วยการอุดหนุนของจักรพรรดิจีนผ่านกองทัพเรือของเจิ้งเหอ (ซำปอกง) นายพลขันทีคนสำคัญของจักรพรรดิหย่งเล่อ เจ้านครอินทร์จึงยึดกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ และขึ้นครองราชย์เป็น ‘สมเด็จพระนครินทร์ราชา’ จึงทำให้ ‘เตาแม่น้ำน้อย’ กลายเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาของกรุงศรีอยุธยาไปด้วย

 

ภาพที่ 1 เตาแม่น้ำน้อย

 

ภาพที่ 2 ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาจากเตาแม่น้ำน้อย

 

               กรมศิลปากรได้เคยสรุปความสำคัญของเตาแม่น้ำน้อยในหนังสือ ‘เตาแม่น้ำน้อย’ ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2531 ผู้เขียนจึงได้ย่อยข้อความให้กระชับและสั้นลงอีกทอดหนึ่งแล้วยกมาให้อ่านกัน ดังนี้

               หลักฐานที่พบในการสำรวจและขุดค้นซากเรือสำเภาโบราณที่จมอยู่ในอ่าวไทย และในท้องทะเลต่างประเทศ มีผลิตภัณฑ์ประเภท “ไหสี่หู” ที่ผลิตจากแหล่งเตาแม่น้ำน้อยจํานวนมาก โดยแหล่งเรือต่างๆ เหล่านี้ มีระยะเวลาการอับปางอยู่ในช่วงตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่ 21 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 24

               ในการสำรวจและขุดค้นซากเรือสำเภาที่จมอยู่ในท้องทะเลอ่าวไทย และซากเรือเดินทะเลที่จมอยู่ในน่านน้ำต่างประเทศบนเส้นทางการเดินเรือค้าขายในสมัยโบราณ ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 20-24 เช่น แหล่งเรือคราม เรือพัทยา เรือกระตาด เรือสีชัง 1, 2 และ 3 เรือรางเกวียน แหล่งเรือสมุย และแหล่งเรือที่ดอนไห ปากน้ำคลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์ พบว่ามีไหสี่หูขนาดใหญ่ ไหสี่หูขนาดกลาง ขนาดเล็ก รวมถึงภาชนะดินเผา เนื้อแกร่งที่เป็นผลผลิตจากแหล่งเตาแม่น้ำน้อย จมอยู่ในซากเรือจำนวนมาก และในแหล่งเรือจมในต่างประเทศก็พบเศษไหสี่หูขนาดกลางที่ผลิตจากแหล่งเตาแม่น้ำน้อยด้วย ได้แก่

    1. เรือวิท เลียว (Witte Leeuw) ของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัทช์ จม อยู่นอกฝั่งเกาะเซนต์เฮเลนา (St. Helena) ในปี พ.ศ. 2156 (ค.ศ. 1613)
    2. แหล่งเรือที่เกาะซีแชลส์ (Seychelles Is.) ในมหาสมุทรอินเดียค่อนไปทางใต้ของทะเลอาหรับอับปางลงในห้วงกลางพุทธศตวรรษที่ 22
    3. แหล่งเรือชาติโปรตุเกสที่อาจจะชื่อ เซา เบนโต (Sao Bento) จมอยู่ที่ชายฝั่งปอนโดแลนด์ (Pondoland Coast) ของประเทศนาทาล (Natal) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา อับปางเมื่อ พ.ศ. 2099 (ค.ศ. 1556)
    4. แหล่งเรือสัญชาติดัทช์ ชื่อปัตตาเวีย (Battavia) จมอยู่ชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก เมื่อ พ.ศ. 2272 (ค.ศ. 1729)
    5. เรือแวร์กูลด์ แดร๊ค (Vergulde Draeck) อับปางเมื่อ พ.ศ. 2199 (ค.ศ. 1656) ที่ชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก
    6. เรือสัญชาติดัทช์ ชื่อริสดัม (Risdam) จมอยู่ที่ชายฝั่งมาเลเซีย เมื่อ พ.ศ. 2270 (ค.ศ. 1727)
    7. เรือที่อาจจะชื่อ เซา โจอาว (Sao Joao) จมอยู่ที่บริเวณปอร์ตเอ็ดวาร์ด ชายฝั่วประเทศนาทาล เมื่อ พ.ศ. 2094 (ค.ศ. 1552)
    8. เรือซานติเอโก (Santiago) จมอยู่ที่ชายฝั่งประเทศโมซัมบิค (Mozambique) เมื่อ พ.ศ. 2101 (ค.ศ. 1558)

                นอกจากนี้ยังพบไหที่ผลิตจากเตาแม่น้ำน้อยตามเมืองท่าโบราณชายฝั่งคาบสมุทรไทย-มลายาด้านอ่าวไทย เช่น พัทลุง นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนในเกาะบอร์เนียว และประเทศบรูไนอีกด้วย

 

 

ภาพที่ 3 เครื่องปั้นดินเผาที่จมอยู่ใต้ทะเลพร้อมเรือสินค้า

 

ภาพที่ 4 ไหสี่หูที่กู้ขึ้นมาจากท้องทะเล

 

               ไหสี่หูเคลือบสีน้ำตาลแกมเขียวคล้ำที่พบในแหล่งเรือจมในอ่าวไทย บางใบบรรจุอาหารที่ทำจากปลาอย่างไหที่พบในเรือสีชัง 3 บ้างบรรจุยางสน หรือผงชัน มีหลายใบบรรจุไข่เป็ด จึงอาจกล่าวได้ว่า บรรดาผลิตภัณฑ์ประเภทไหสี่หูขนาดต่างๆ จากแหล่งเตาแม่น้ำน้อยที่พบในแหล่งเรือจมเหล่านี้ มีหน้าที่เป็นภาชนะบรรจุสินค้าที่เป็นผง, อาหาร หรือของเหลว ตัวภาชนะที่ผลิตจากเตาแม่น้ำน้อยที่พบในแหล่งเรือจมนั้น ไม่ได้เป็นตัวสินค้าแต่เป็นบรรจุภัณฑ์ต่างหาก

               อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงการจำหน่ายที่แหล่งผลิต คือ เตาแม่น้ำน้อยเองแล้ว ภาชนะเหล่านี้ก็กลายเป็น ‘สินค้า’ ที่ถูกพ่อค้าแม่ขายนำไปบรรจุสินค้าของตัวเองอีกทอดหนึ่ง

               นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ท่อน้ำดินเผาผลิตจากแหล่งเตาแม่น้ำน้อยในกิจการประปาหลวงและระบบระบายน้ำในเมืองลพบุรี จึงเชื่อว่าเริ่มมีขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2237) อีกทั้งพบในพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาบุรุษ (พระเพทราชา, กลางพุทธศตวรรษที่ 23) กับหมู่พระที่นั่งในเขตพระราชฐานชั้นในพระนครศรีอยุธยา รวมถึงพบกระเบื้องปูพื้นขนาด 30x30 เซนติเมตร ที่ใช้ปูพื้นทั่วไปในวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2172-2199)

               หลักฐานทั้งในแหล่งเรือจม และแหล่งอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์จากเตาแม่น้ำน้อยได้แพร่กระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่ช่วงราวพ.ศ. 2000 หรือหลังจากสมัยของสมเด็จพระนครินทราชาธิราช ‘พระร่วง’ ผู้เคยเสด็จไปเมืองจีนแล้วนั่นเอง

 

ภาพที่ 5: ประติมากรรมลอยตัว รูปสัตว์ผสมระหว่างสิงห์ ช้าง และมกร ผลิตจากเตาแม่น้ำน้อย
จัดอยู่แสดงที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี

 


ภาพที่ 6: ท่อน้ำดินเผา พบที่เตาแม่น้ำน้อย จัดอยู่แสดงที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ