Museum Core
ชมงานศิลป์บนสถาปัตยกรรมปูนเปลือยที่ออกแบบโดย Tadao Ando
Museum Core
30 ม.ค. 67 784
ประเทศญี่ปุ่น

ผู้เขียน : วัชพล ตุลยวิไลกุล

               บ่ายวันหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วผู้เขียนได้อ่านบทความในนิตยสาร A Day เกี่ยวกับสถาปนิกระดับตำนานของประเทศญี่ปุ่นชื่อว่าทาดาโอะ อันโด (Tadao Ando) แล้วรู้สึกประทับใจมากทั้ง ๆ ที่ผู้เขียนไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับวงการสถาปัตยกรรม หลังจากผ่านพ้นระยะการระบาดของโรคโควิด-19 ผู้เขียนจึงได้โอกาสลุยเดี่ยวไปเดินชมสถาปัตยกรรมแบบที่ประทับใจ ไปยังสถานที่เล็ก ๆ ชื่อว่า “Garden of Fine Art Kyoto” หรือชื่อที่ถอดความอย่างงดงามว่า สวนวิจิตรศิลป์ เกียวโต

               สวนแห่งนี้ประหนึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะของเมือง (Public Space) ตั้งอยู่ริมถนนแบบไม่เรียกร้องความสนใจมากนัก สิ่งเดียวที่โดดเด่นคือ แนวทางเดินยาว ๆ ที่นำไปสู่งานชิ้นศิลปะทั้งหมดที่ทำจากเซรามิค และจัดแสดงแบบเปิดโล่งท้าทายแดดฝนอยู่บนผนังปูนเปลือยที่ลึกลงไปใต้ผิวดินถึง 3 ชั้น

 

ภาพที่ 1 (ซ้าย) ทางเดินจากสถานีรถประจำทางสู่จุดหมายปลายทาง

(กลาง) แนวทางเดินยาวเอกลักษณ์การออกแบบของสถาปนิก

(ขวา) ต้นกำเนิดเสียงน้ำตกทั่วบริเวณสวนศิลป์

 

 

               หลังพ้นผนังปูนเปลือยขนาดมหึมา งานศิลปะชิ้นแรกที่เผยโฉมให้เห็นอย่างตะลึงงันเป็นภาพกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ของลีโอนาร์โด ดา วินซี่ (Leonardo da Vinci) ซึ่งผู้เขียนเคยเห็นแต่ภาพขนาดเล็กในหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือหนังสือ พอได้เห็นงานขนาดเท่าของจริงแล้วถึงกับอ้าปากค้าง และเข้าใจความหมายของคำว่า “สุนทรียะ” จากความรู้สึกที่ต้องเกิดขึ้นกับตัวเอง

 

ภาพที่ 2 (ซ้าย) ผนังปูนเปลือยหนาหนัก อีกหนึ่งเอกลักษณ์งานออกแบบ
และ (ขวา) ตกตะลึง! กับขนาดของภาพที่เผยโฉมหลังพ้นกำแพง

 

               ภายในบริเวณพื้นที่นี้อื้ออึงด้วยเสียงของน้ำตก ทำให้รู้สึกเหมือนราวกับว่ายืนอยู่ใจกลางน้ำตกที่ล้อมด้วยแผ่นหินปูนเปลือยที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างประณีต เส้นทางเดินเรียบง่ายนำไปสู่ความรู้สึกที่ถูกกระชากเมื่อสายตาปะทะเข้ากับงานศิลปะที่ซ่อนอยู่หลังแผ่นหินที่ซ้อนกันเป็นระยะตลอดทั้ง 3 ชั้นใต้ดิน

               ยิ่งเมื่อได้เข้ามาอยู่ในอาคารได้ระยะหนึ่งผู้เขียนก็รับรู้ได้ถึงความเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ เข้าใจความหมายของมินิมอลลิซึม (Minimalism) ที่เรียกว่า เรียบง่าย ธรรมดา และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
ผ่านเงาแดดที่พาดผ่านผนังคอนกรีต และเสียงน้ำที่กังวานอยู่ทั่วบริเวณ

 

ภาพที่ 3 งานศิลปะจำลองด้วยเซรามิคสูง 3 ชั้น มีเฉลียงสำหรับพิจารณาภาพในระดับสายตาได้อย่างใกล้ชิด

 

            งานศิลปะที่ไม่อาจละเลยไปได้เป็นงานจำลองภาพเขียนขนาดมหึมาของไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) ที่ชื่อว่าภาพคำพิพากษาครั้งสุดท้าย (The Last Judgement) ซึ่งผู้เขียนไม่เคยเห็น หรือรู้จักงานศิลปะชิ้นนี้มาก่อนทั้ง ๆ ที่เป็นงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซ งานชิ้นนี้เป็นศิลปะที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังที่พุ่งออกมา จนไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนยกย่องให้เป็นหนึ่งในผลงานศิลปะชิ้นเอกของโลก นอกจากนี้ การออกแบบอาคารที่เปิดให้คนชื่นชมงานศิลปะได้จากเฉลียงทั้ง 3 ชั้น ทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย ใกล้ชิดและน่าสนใจมากขึ้น

 

ภาพที่ 4 ความประทับสุดท้ายกับ 3 ผลงานในยุคอิมเพรสชันนิซึม (Impressionism) ที่โด่งดัง

และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

 

               ไม่จบเพียงเท่านี้ ก่อนเดินออกจากอาคารด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ ยังมีงานศิลปะซ่อนไว้หลังกำแพงคอนกรีตอีก 3 ภาพ ได้แก่ ภาพถนนที่มีต้นไซเปรสและดวงดาว (Road with Cypress and Star) ของวินเซนต์
แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) ภาพสองพี่น้อง (Two Sister On the Terrace) ของปีแยร์-ออกุสต์ เรอนัว (Pierre-Auguste Renoir) และ ภาพบ่ายวันอาทิตย์บนเกาะลากร็องด์ฌัต (A Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte) ของฌอร์ฌ เซอรา (Georges Seurat) 

               หนึ่งชั่วโมงในพื้นที่แห่งนี้ได้สร้างประสบการณ์ใหม่กับงานสถาปัตยกรรมให้กับผู้เขียน ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลาย เชื่อมโยงอารมณ์กับธรรมชาติ และได้ชมงานศิลปะด้วยความรู้สึกชื่นชม สัมผัสถึงพลังของศิลปะที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้อย่างงดงามดังเช่นงานศิลปะต่าง ๆ และสถาปัตยกรรมล้ำค่านี้

              งานศิลปะระดับโลกที่รวมไว้ที่นี่หากไม่มีโอกาสได้ไปดูในสถานที่จริงก็อาจไม่ได้รับรู้ถึงพลังความรู้สึกที่ศิลปินได้สร้างสรรค์ทิ้งไว้ให้กับมวลมนุษยชาติ ชาวญี่ปุ่นโชคดีที่มีผู้ให้ความสำคัญกับงานศิลปะและรวบรวมมาจำลองตั้งไว้ให้ผู้คนได้ศึกษาและเป็นแรงบันดาลใจที่เกียวโตมานานกว่า 30 ปีแล้ว

              การสร้างให้ผู้คนอ่อนโยน ละเอียดอ่อน ประณีต สงบ และมีสุข นับเป็นงานที่ยากและต้องร่วมมือกันในการสร้างสรรค์บรรยากาศ องค์ความรู้ และสถานที่ให้อำนวยผู้คนได้เข้าถึงความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้น ผู้เขียนคิดว่าสถานที่แห่งนี้สามารถทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี จึงหวังว่าใครที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน ถ้ามีโอกาสลองมาเยือนสถานที่นี่สักครั้ง และผู้เขียนเชื่อว่าการอ่าน ฟัง ดู หรือได้ยินถึงสถานที่ใดก็ตามที่รู้สึกประทับใจมากก็อาจเป็นแรงบันดาลใจในวันหนึ่งให้อยากไปเยือนสถานที่นั้นๆ เสมอ

               สุดท้าย หลังจากเสพงานศิลป์อย่างอิ่มเอมใจแล้วหากใครที่ยังพอมีเวลาสามารถไปสัมผัสธรรมชาติอันหลากหลายที่รวบรวมไว้ในสวนพฤกษศาสตร์ (เกียวโต Kyoto Botanical Gardens) ที่อยู่ใกล้ๆ ในระยะเดินเท้า
แค่ 5 นาที

 

ภาพที่ 5 ส่วนหนึ่งของพืชพรรณธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นที่ได้รับการรวบรวม

จัดบริเวณ และดูแลรักษาอย่างดี

 

 

ข้อมูลการเข้าชม
Garden of Fine Art Kyoto, Shimogamo Hangicho, Sakyo Ward, Kyoto, Japan 
ข้างสถานีรถไฟใต้ดิน Kitayama  เปิดทุกวัน 09.00 – 17.00 น.  ค่าเข้าชม 100 เยน 
 
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://architectuul.com/architecture/garden-of-fine-arts
https://kiji.life/kyotogarden-finearts/
http://gotarch.com/blog/?p=3090

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ