เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเอง หลังจากได้ไปชมงานนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ อย่างที่ทราบกันดีว่า ”พิพิธภัณฑ์” เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ โบราณวัตถุ เอกสารหายาก หรือสิ่งสะสมจากความสนใจในหลายด้าน ทำให้บ่อยครั้งเป้าหมายหลักของผู้เขียนที่ต้องการไปพิพิธภัณฑ์ก็เพื่อไปชมงานศิลปะหรือวัตถุโบราณอันมีคุณค่าและหาชมได้ยาก
แม้ไม่ได้ทำงานในแวดวงศิลปะและการออกแบบตามที่เคยร่ำเรียนถึง 4 ปีจากมหาวิทยาลัย แต่ผู้เขียนมีความชมชอบในงานศิลปะทุกแขนง ทั้งภาพจิตรกรรม ประติมากรรมร่วมสมัย ศิลปะบนสิ่งทอ แกะสลักลวดลายไทย จิตรกรรมฝาผนังทั้งแบบไทยและจีน งานแกะสลักหินศิลาในวัดวาอาราม รวมถึงบ้านโบราณของบุคคลต่างๆ ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวข้าวของเครื่องใช้ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ในมุมมองของผู้เขียนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ล้วนเป็นพิพิธภัณฑ์
การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ (จากสิ่งเก่าๆ) มักสร้างความประทับใจให้ผู้เขียน จึงนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบันหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กตามชุมชนในกรุงเทพมหานคร และในครั้งล่าสุดที่ผู้เขียนได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะและของสะสมที่ “333 Bababa Gallery” กลับมีความรู้สึกต่างออกไปจากทุกครั้ง สัมผัสได้ถึงแรงสั่นกระเพื่อมไหวบางอย่างเกิดขึ้นภายในใจ
ภาพที่ 1 ภาพเหมือนอาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์และผลงาน ตั้งวางอยู่ณ มุมต้อนรับของพิพิธภัณฑ์
วันนั้นเป็นวันเปิดงานนิทรรศการที่จัดแสดงผลงานงานศิลปะของอาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ (พ.ศ. 2453 - 2536) ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ. 2528 ซึ่งชิ้นงานที่จัดแสดงนี้เก็บรวบรวมไว้โดยนักสะสมท่านหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจในความพยายามติดตามค้นหาผลงานของอาจารย์เฟื้อเป็นจำนวนมากด้วยความทุ่มเทและวิริยะอุตสาหะ ทั้งยังเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดีและมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างเป็นระบบระเบียบ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ตนเองทำ
ภาพที่ 2 ผลงานของศิลปินที่ถูกจัดรวบรวมแสดงอยู่เต็มพื้นที่ ชั้น 2
นอกจากนี้ผู้เขียนยังมีโอกาสได้พบเจอผู้คนที่สนใจงานศิลปะและไปร่วมงานเดียวกันอย่างกระตือรือร้น บางคนพาลูกหลานมาร่วมงานด้วย เพื่อให้เด็กๆ ได้ทำความรู้จักกับรูปแบบงานศิลปะต่างๆ จากประสบการณ์ตรง สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาดูตื่นเต้นที่ได้ชมผลงานของศิลปินแห่งชาติท่านนี้ ไม่แสดงอาการงอแง ไม่มีทีท่าอิดออดคล้ายกับถูกบังคับพามา เห็นแต่รอยยิ้มและการพูดคุยเพียงเบาๆ พลางคิดในใจว่าเด็กอาจได้แรงบันดาลใจในการจัดเก็บผลงานศิลปะที่พวกเขาสร้างขึ้นมา จากการดูตัวอย่างงานศิลปะที่นำมาใส่กรอบแบบเรียบ ๆ ติดเรียงไว้เต็มฝาผนังในนิทรรศการที่ดูเท่ไม่หยอก การที่พ่อแม่พาเด็กๆ มาชมงานศิลปะเป็นการต่อยอดเพิ่มมุมมองทางด้านศิลปะนอกเหนือไปจากความสนใจวาดรูป หรือวาดรูปเก่งเท่านั้นก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
ภาพที่ 3 งานสเก็ตช์ภาพบุคคล เมื่อครั้งศิลปินอยู่ที่ประเทศอินเดีย
ระหว่างชมนิทรรศการ ผู้เขียนสังเกตบรรยากาศโดยรอบก็เห็นว่าทุกคนล้วนชมงานศิลปะกันอย่างตั้งใจเช่นเดียวกับที่ผู้เขียนก็ไม่อาจละสายตาไปจากชิ้นงานศิลปะแต่ละชิ้นที่เรียงรายอยู่บนผนังทุกด้านที่ล้วนเป็นผลงานศิลปะชั้นครู บางชิ้นงานก็ทำให้รู้สึกขนลุกเบาๆ ด้วยรูปนั้นสะท้อนเรื่องราวเหตุการณ์และสถานที่ที่ศิลปินใช้เป็นแบบวาดภาพ ได้แก่ ภาพลายเส้นนายแบบ-นางแบบคนพื้นเมืองอินเดียสวมใส่ส่าหรีที่เป็นผลงานเมื่อครั้งศิลปินไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย หรือผลงานบางส่วนที่เป็นการคัดลอกลายศิลปะจิตรกรรมฝาผนัง (เพื่อเหตุผลในการอนุรักษ์) รวมถึงภาพสเก็ตช์ลายเส้นสิ่งปลูกสร้างในวัด เช่น เจดีย์และปรางค์ต่างๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีวัสดุอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่ศิลปินเคยใช้ทำงานศิลปะในยามขาดแคลน ทั้งหมดนี้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีและนำมาจัดแสดงจนสัมผัสได้ถึงมวลพลังงาน “ความรัก” ในสถานที่นี้ที่มีต่อศิลปะ
ภาพที่ 4 ภาพสเก็ตช์งานโครงสร้างสถาปัตยกรรมไทยต่างๆ ชิ้นเล็กๆ แขวนอยู่เต็มผนัง
ในขณะที่ฟังผู้บรรยายเล่าถึงอัตชีวประวัติของศิลปินช่วงที่ประสบความลำบาก อัตคัดอุปกรณ์ทำงานและสถานที่ไม่อำนวย แต่ศิลปินก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้จำนวนมากด้วยความพากเพียรที่ต้องการทำงานศิลปะ เช่น ช่วงหลังสงครามกระดาษวาดภาพขาดแคลนอย่างหนัก ศิลปินก็คิดทำกระดาษขึ้นเองโดยนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาแช่น้ำแล้วปะติดกันหลายๆ ชั้นด้วยแป้งเปียก แล้วทาพื้นด้วยสีขาว ทำเป็นกระดาษวาดรูปแล้วสร้างสรรค์เป็นผลงาน และได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองประเภทจิตรกรรม
แม้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้จัดแสดงผลงานชิ้นเอกที่ได้รับรางวัลระดับชาติ หรือผลงานที่เกิดจากการคลี่คลายกระบวนการทางความคิดของศิลปินแห่งชาติท่านนี้ แต่สิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้จากผลงานในระยะฝึกหัดของศิลปินเป็นพลังใจและพลังงานอันล้นเหลือในการทำสิ่งใดๆ ก็ตามด้วยความรัก มุ่งมั่น ไม่หยุดพัฒนาและมีความภาคภูมิใจในผลงานทุกชิ้นของตนเอง
การได้ชมผลงานนับร้อยภาพในระยะแรกเริ่มฝึกหัดของศิลปิน ยิ่งเมื่อได้เห็นความโค้ง ลายเส้น เทคนิค หรือ น้ำหนักมือบางอย่างในภาพ มือที่มีความคุ้นเคยกับเส้นร่างคล้าย ๆ กันของผู้เขียนก็เหมือนจะขยับตามในฉับพลัน ทำให้ผู้เขียนย้อนคิดถึงตัวเองในสมัยเรียนศิลปะในมหาวิทยาลัยที่แทบไม่ได้เก็บรักษาผลงานของตัวเองไว้เลย คงมีเพียงผลงานตอนใกล้จบการศึกษาที่ยังเก็บรักษาไว้ สะกิดใจให้เกิดความรู้สึกคันไม้คันมืออยากวาดอยากเขียนอะไรบางอย่าง และผุดความคิดขึ้นว่าจะลองกลับมาหยิบจับดินสอวาดอะไรในตอนอายุเท่านี้ดี หลังจากไม่ได้วาดอะไรมานานกว่า 20 ปีแล้ว และในคราวนี้แม้ว่าผลงานจะไม่สวยก็จะไม่ทิ้งไป จะเก็บมันไว้!
ทุกการเรียนรู้ และทุกบทสนทนาที่เปี่ยมพลังในวันนั้นช่วยสร้างแรงผลักดันให้ผู้เขียนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็นก็รีบหยิบสีเทียนกล่องเล็ก 12 สี (แบบที่เด็กๆ นิยมใช้) กับสมุดโน้ตไม่มีเส้นเล่มเล็กออกมาราวกับสมองสั่งการเองโดยอัตโนมัติ ด้วยความรู้สึกอยากลองวาดอะไรซักอย่างแต่ยังไม่รู้จะวาดอะไร! หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งโดยมีสีเทียนและสมุดโน้ตวางอยู่บนตัก เจ้าแมวที่เลี้ยงไว้ก็เดินมาหาและนั่งลงข้างตัวเพื่อให้กำลังใจ ผู้เขียนตัดสินใจวาดรูปใบหน้าแมวลงบนสมุดจนเสร็จ ท้ายที่สุดผู้เขียนรู้สึกโล่งใจที่ตัวเองยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของผลงานได้ และขอบคุณการไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ที่ทำให้ไม่กลัวการวาดรูปอีกต่อไป
ภาพที่ 5 ภาพวาดรูปแมว ผลงานของผู้เขียน ใช้เทคนิคสีเทียน