น้ำส้มสายชูมิซคัน (Mizkan) มีประวัติที่ยาวนานและมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับวัฒนธรรมการทำอาหารของญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่นิยมทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย น้ำส้มสายชูมิซคันมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร ตามไปดูที่พิพิธภัณฑ์มิซคันกันเลย
ภาพที่ 1 อาคารพิพิธภัณฑ์และอาคารโรงงานผลิตน้ำส้มสายชู ตั้งอยู่ริมคลองฮันดะ
พิพิธภัณฑ์มิซคัน หรือ MIM ตั้งอยู่ริมคลองในเมืองฮันดะ (Handa) จังหวัดไอจิ (Aichi) ประเทศญี่ปุ่น
ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมสีดำซึ่งถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับอาคารโรงงานผลิตน้ำส้มสายชูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในจัดแสดงนิทรรศการในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ (Interactive) เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การผลิตน้ำส้มสายชู วัฒนธรรมอาหาร ภูมิปัญญาด้านงานไม้ และเรื่องราวของกลุ่มธุรกิจมิซคัน (Mizkan Group) ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตในมิติทางวัฒนธรรม นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการส่งต่อเรื่องราวเหล่านี้ไปสู่คนรุ่นหลังในรูปแบบที่น่าสนใจ และทำให้อยากกลับมาเยี่ยมชมอีกครั้ง ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการ 5 โซนหลัก
โซนที่ 1 Room of Earth
บอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของน้ำส้มสายชูมิซคันที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1804 สมัยเอโดะ (Edo Period ค.ศ.1603-1868) โดยคุณนากาโนะ มาตาซาเอมอน (Nakano Matazaemon) จากนั้นภูมิปัญญาด้านการผลิตถูกส่งทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเหมาะสำหรับการทำอาหารหลากหลายประเภท ทำให้น้ำส้มสายชูมิซคันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
ภาพที่ 2 นิทรรศการจำลองกระบวนการผลิตน้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับส่วนผสมหลักที่ได้จากธัญพืชและผลไม้ โดยเริ่มต้นจากการผลิตสาเก และนำกากที่เหลือจากการผลิตมาทำน้ำส้มสายชู จากนั้นก็เป็นกระบวนการหมักแต่ละขั้นตอน ซึ่งผู้เข้าชมจะได้เห็นทั้งกรรมวิธีการผลิตในถังไม้แบบดั้งเดิม และวิธีการผลิตรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้แท็งก์สแตนเลส โดยเมื่อมองผ่านกระจกที่อยู่บริเวณพื้นตรงกลางห้องจัดแสดงลงไปก็มองเห็นโรงงานที่ตั้งอยู่ชั้นที่ 1 ซึ่งมิซคัน ยังคงใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมบางส่วนร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อผลิตน้ำส้มสายชูคุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่
ภาพที่ 3 ห้องปฏิบัติการของโรงงานผลิตน้ำส้มสายชูที่มองผ่านพื้นห้องนิทรรศการ
ระหว่างทางเดินเชื่อมไปยังโซนที่ 2 มีการจัดแสดงเรื่องราวของผู้คนที่ทำงานในโรงงานอย่างงานช่างไม้ที่ต้องใช้เครื่องมือต่างๆ ในการทำถังหมักและถังบรรจุน้ำส้มสายชู
โซนที่ 2 Gallery of the Wind
โซนนี้เป็นห้องที่รวบรวมภาพแห่งความทรงจำและความเจริญรุ่งเรืองของเมืองฮันดะและมิซคันที่อยู่คู่กันมานานกว่า 2 ศตวรรษ โดยจัดแสดงภาพถ่ายสถานที่สำคัญต่างๆทั้งภาพในอดีตและปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าถึงแม้บางสิ่งบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ร่องรอยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเมืองนั้นยังคงอยู่ดังเดิม เช่น ภาพริมคลองฮันดะที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะสำหรับการขนส่งสินค้าไปยังเมืองเอโดะและทั่วญี่ปุ่น ซึ่งสุดปลายทางเดินของโซนนี้เป็นกระจกใสบานใหญ่เผยให้เห็นวิวคลองฮันดะในปัจจุบันที่เชื่อมต่อไปสู่ทะเล
ภาพที่ 4 เรื่องราวในอดีตและความทรงจำของโรงงานผลิตน้ำส้มสายชู
โซนที่ 3 Room of Time
ย่างก้าวเข้าสู่ห้องนิทรรศการท่ามกลางความมืดสนิท แค่ชั่วอึดใจเดียวแสงไฟภายในห้องก็ค่อยๆ สว่างขึ้นจนกระทั่งเห็นโมเดลจำลองเรือขนส่งสินค้าบีไซเซ็น (Bezaisen) ที่มีความยาว 20 เมตร ตั้งสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้า ซึ่งนับเป็นไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ บนดาดฟ้าเรือมีการฉายภาพยนตร์พร้อมแสงสีเสียงและเอฟเฟ็กต์สายลมพัดกระทบหน้าสร้างประสบการณ์เสมือนหนึ่งว่ากำลังล่องเรือออกจากเมืองฮันดะไปสู่เมืองเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ในระหว่างทางต้องฝ่าฟันกับคลื่นลมแรงและอุปสรรคต่างๆ มากมาย
ผนังห้องโดยรอบเป็นการบอกเล่าเรื่องราวมากกว่า 200 ปี ของมิซคันผ่านเส้นลำดับกาลเวลา ครอบคลุมในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมอาหาร นวัตกรรมการผลิต การก่อสร้างเรือ และการก้าวข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์มิซคันในปัจจุบันที่มีความหลากหลายเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ภาพที่ 5 โมเดลจำลองเรือขนส่งสินค้า และเรื่องราวต่างๆ ที่เล่าผ่านเส้นลำดับกาลเวลากว่าสองร้อยปี
โซนที่ 4 Water Theater
โซนนี้เป็นโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กที่ฉายเรื่องราวของอาหารที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ ท่ามกลางความสวยงามตามธรรมชาติใน 4 ฤดูกาล
โซนที่ 5 The Park of Light
เปิดประสบการณ์การเรียนรู้เรื่องราวอาหารแห่งอนาคตในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ผ่านสื่อจัดแสดงที่ใช้เทคโนโลยีและเทคนิคที่หลากหลาย เล่นสนุกได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ สร้างรอยยิ้มและและความทรงจำดีๆ ปิดท้ายโซนนิทรรศการได้อย่างน่าประทับใจ และถัดไปก็เป็นร้านขายของที่ระลึกและสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ
มิซคันให้ผู้เข้าชมได้เลือกซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน
ภาพที่ 6 โซนสนุกกับประสบการณ์เรียนรู้ที่หลากหลาย
เมื่อออกมาภายนอกอาคาร เรื่องราวและประสบการณ์ที่ได้จากการชมพิพิธภัณฑ์ทำให้การเดินทอดน่องไปตามทางเดินริมคลองฮันดะดูมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม ตลอดสองฝั่งคลองยังคงมองเห็นอาคารคลังสินค้าที่มีกำแพงสีดำแบบดั้งเดิมที่ผ่านการปรับปรุงและอนุรักษ์เป็นอย่างดี ก่อให้เกิดภูมิทัศน์ของเมืองที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งในบริเวณนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยามเย็นของคนในชุมชน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ยังคงดำเนินต่อไป ณ สถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมเศรษฐกิจของเมือง
ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์มิซคันจำเป็นต้องติดต่อจองล่วงหน้า โดยมีเจ้าหน้าที่บรรยายนำชมเป็นภาษาญี่ปุ่น และมีรอบการบรรยายนำชมเป็นภาษาอังกฤษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.mizkan.co.jp/mim
https://www.mizkan.co.jp