Museum Core
The Burrell Collection มิวเซียมในสวนที่ใหญ่ที่สุดของกลาสโกว์
Museum Core
24 ก.ย. 67 677
ประเทศสกอตแลนด์

ผู้เขียน : รหัท กิจจริยภูมิ

               คงไม่มีใครคาดคิดว่าสวนสาธารณะที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว ทั้งยังเป็นพื้นที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองจะมีพิพิธภัณฑ์ที่มีงานศิลปะและสมบัติล้ำค่ามากมายซ่อนตัวอยู่ เดอะ เบอร์เรลคอลเล็กชัน (The Burrell Collection) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในพอลล็อกคันทรี่พาร์ค (Pollok Country Park) สวนสาธารณะใหญ่ที่สุดในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.1983 แต่ปิดปรับปรุงเป็นเวลา 6 ปี และพึ่งกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อปี ค.ศ.2022 โดยความพิเศษของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือการจัดแสดงงานศิลปะมากมายกว่า 9,000 ชิ้นโดยนักสะสมเพียงคนเดียว ดังเห็นได้ชัดเจนจากชื่อพิพิธภัณฑ์ที่เป็นชื่อเดียวกันกับผู้บริจาคคอลเล็กชัน คือ เซอร์วิลเลียม เบอร์เรล (Sir William Burrell) คหบดีผู้ร่ำรวยของเมืองกลาสโกว์ และเป็นนักสะสมผลงานศิลปะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผู้เข้าชมกว่า 1 ล้านครั้งตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัว ทั้งยังได้รับรางวัลมากมายในวงการพิพิธภัณฑ์ของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

 

ภาพที่ 1 ด้านหน้าทางเข้าอาคารพิพิธภัณฑ์

 

               ตามประวัติ เซอร์วิลเลียม เบอร์เรลมีความสนใจในงานศิลปะตั้งแต่เด็ก และประสบความสำเร็จด้านธุรกิจจึงมีทุนทรัพย์เพียงพอในการรวบรวมชิ้นงานศิลปะเพื่อสะสมไว้เป็นสมบัติส่วนตัวที่ใช้เวลากว่า 70 ปี กล่าวกันว่า ในเวลานั้นคงไม่มีผู้ใดที่มีความทะเยอทะยานในการเก็บสะสมงานศิลปะเท่าเซอร์วิลเลียมอีกแล้ว โดยเขามุ่งเน้นสะสมผลงานศิลปะแค่เพียงบางกลุ่มโดยเฉพาะศิลปะโกธิก จิตรกรรมยุโรปสมัยใหม่ และศิลปะจีน ซึ่งนับได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองงานศิลปะจีนที่มีความสำคัญและจำนวนมากที่สุดในทวีปยุโรปเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสะสมงานศิลปะฝรั่งเศสช่วงปลายศตวรรษที่ 19 รวมไปถึงวัตถุโบราณจากสมัยยุคกลาง อาทิ กระจกสี
ชุดเกราะและอาวุธโบราณ ผ้าทอกว่า 200 ชิ้นที่ได้รับการยอมรับและถูกอันดับให้อยู่ในกลุ่มดีที่สุดในโลก 

               ตลอดชีวิตของการเป็นนักสะสมงานศิลปะ เซอร์วิลเลียมได้อนุญาตให้ยืมผลงานหลายชิ้นในคอลเล็กชันไปจัดนิทรรศการพิเศษ หรือจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และสถานที่อื่นอีกมากมายทั่วประเทศ นอกจากนี้เขายังมีความเชื่อว่าทุกคนควรได้รับการศึกษาฟรี และต้องการให้ผู้คนในเมืองสามารถเข้าถึงงานศิลปะจากคอลเล็กชันที่สะสมไว้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอุทิศคอลเล็กชันให้กับสาธารณะ หลังจากใช้เวลาในการหาบ้านให้กับคอลเล็กชันหลายพันชิ้น ในที่สุด เขาก็ได้มอบให้กับทางการเมืองกลาสโกว์เป็นผู้ดูแลต่อไป พร้อมมอบเงินสดจำนวน 450,000 ปอนด์ เพื่อให้สร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นโดยเฉพาะ

 

ภาพที่ 2 โซนแกลลอรี่ด้านทิศเหนือ จัดแสดงงานประติมากรรมและมัณฑนศิลป์สมัยโบราณจากทั่วโลก

เช่น กรีก โรมัน อียิปต์ ยุโรปยุคกลาง และจีน

 

               โปรเจคในการสร้างพิพิธภัณฑ์ใช้เวลานานกว่า 17 ปี ด้วยสาเหตุจากการหาสถานที่ที่เหมาะสมและ การออกแบบ ถึงขนาดกับจัดการแข่งขันการออกแบบระดับนานาชาติเพื่อคัดเลือกเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อได้เห็นอาคารที่ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วก็เข้าใจได้ถึงความคุ้มค่าสมกับการรอคอยที่ยาวนานอย่างแท้จริง ตัวอาคารได้รับอิทธิพลการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน โดยมีแบร์รี แกซซัน (Barry Gasson) เป็นผู้ออกแบบ รูปแบบสถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับเป็นตัวอย่างที่สำคัญของรูปแบบสถาปัตยกรรมอังกฤษที่มีคุณค่าทั้งในด้านประวัติศาสตร์และรูปแบบสมัยใหม่ 

 

ภาพที่ 3 การจัดแสดงผลงานควบคู่กับการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเล่าเรื่องราวของงานศิลปะแต่ละชิ้น

 

               ภายในพิพิธภัณฑ์หลังการปรับปรุงใหม่ แต่ละโซนของคอลเล็กชันได้รับการออกแบบและถูกจัดวางได้อย่างสร้างสรรค์ ดูมีชีวิตชีวา เป็นมิตรกับผู้คนมากขึ้น รวมถึงเชื่อมโยงพิพิธภัณฑ์เข้ากับพื้นที่สวนพอลล็อกที่ล้อมรอบ สร้างความสัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างลงตัวราวกับเดินชมศิลปะท่ามกลางสวน ยิ่งไปกว่านั้น พิพิธภัณฑ์ยังนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจ เข้าถึงคอลเล็กชันและเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้ ซึ่งการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในพิพิธภัณฑ์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังสามารถเพิ่มมีส่วนร่วมของผู้ชมกับสิ่งของจัดแสดงเป็นอย่างมาก หนึ่งในตัวอย่างที่น่าประทับใจและแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นๆ เป็นการฉายภาพตัวละครและสภาพแวดล้อมในอดีตพร้อมเนื้อหาบนหน้าจอ มีภาพยนตร์สั้น และเกมส์แบบโต้ตอบควบคู่ไปกับโมเดลจำลองที่มีป้ายกำกับว่าให้ลองสัมผัส เพื่อให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ตรงผ่านการจับสัมผัสสิ่งที่คล้ายกับวัตถุโบราณในคอลเล็กชันมากที่สุด

 

ภาพที่ 4 พื้นที่ส่วนกลางสาธารณะที่เปิดให้ผู้ชมได้ใช้งาน 

 

               นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ยังมีการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชมที่เป็นผู้พิการอย่างเต็มรูปแบบ มีภาษามือและบริการเครื่องแปลภาษาที่รองรับได้มากถึง 10 ภาษา รวมถึงการเพิ่มเติมพื้นที่บริการสาธารณะส่วนอื่น เช่นอัฒจันทร์ พื้นที่การเรียนรู้ใหม่ พื้นที่นิทรรศการพิเศษ ร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึก เพื่อตอบโจทย์ผู้คนยุคใหม่ที่ไม่ได้มาพิพิธภัณฑ์เพื่อมาชมนิทรรศการเพียงอย่างเดียว ซึ่งนับว่าพิพิธภัณฑ์ยังคงรักษาเจตนารมย์ของเซอร์วิลเลียม เบอร์เรลที่ต้องการให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพื้นที่เรียนรู้ของทุกคนไว้ได้เป็นอย่างดี

               หลังเดินชมคอลเล็กชันในพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว ใครที่ยังไม่รีบกลับพื้นที่ด้านนอกมีสนามเด็กเล่นและลานกว้างเปิดให้สามารถนั่งปิกนิก หรือออกกำลังกายในบรรยากาศที่ร่มรื่นของสวนพอลล็อก นอกจากได้มาชมงานศิลปะและสูดอากาศบริสุทธ์ของเมืองกลาสโกว์แล้วอาจได้เจอกับวัวพันธุ์ไฮแลนด์ที่แสนน่ารัก (วัวทุกตัวอยู่ในพื้นที่ถูกแบ่งโซนไว้เฉพาะ ไม่เดินป้วนเปี้ยนในพื้นที่ที่คนเดิน) เดอะ เบอร์เรลคอลเล็กชันจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากใครมีโอกาสได้มาเยือนเมืองกลาสโกว์

 

ภาพที่ 5 คอกวัวพันธุ์ไฮแลนด์ที่อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์

 

สถานที่ตั้ง

Pollok Country Park, 2060 Pollokshaws Rd, Bellahouston, Glasgow G43 1AT, UK

 

การเดินทาง

สามารถนั่งจากสถานีรถไฟ Glasgow Central Station ลงสถานี Pollokshaws West

เมื่อออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน Pollokshaws จะเห็นทางเข้าสวน Pollok Country Park

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Art Fund. (2022). The story behind Glasgow’s Burrell Collection. Art Fund. https://www.artfund.org/explore/get-inspired/features/the-story-behind-the-burrell-collection

Books From Scotland. (n.d.). William Burrell: A Collector’s Life. Books from Scotland. https://booksfromscotland.com/2022/03/william-burrell-a-collectors-life/

Scottish Design Awards . (2023). The Burrell Collection. Scottish Design Awards . https://www.scottishdesignawards.com/2023/experiential-design/the-burrell-collection-3/

The Burrell Collection. (n.d.). The Burrell Collection Top 30 Highlights. The Burrell Collection. https://burrellcollection.com/collection-highlights/

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ