ในจำนวนคนเชื้อสายจีนที่เป็นกลุ่มภาษาหลักห้ากลุ่ม (แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง ไหหลำ และ ฮกเกี้ยน) ของคนจีนในเมืองไทย ชาวจีนไหหลำเป็นกลุ่มที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศไทยในหลายภูมิภาค บางคนเมื่ออพยพมาอยู่เมืองไทยได้ประกอบอาชีพการงานจนประสบความสำเร็จในชีวิต และสร้างคุณประโยชน์แก่สังคมไทยไม่น้อย หนึ่งในผู้ประสบความสำเร็จเหล่านั้นมีชื่อ หลวงพัฒน์พงศ์พานิช คหบดีย่านถนนนเรศรวมอยู่ด้วย และราชทินนามของท่านได้กลายเป็นที่มาของชื่อ “ถนนพัฒน์พงศ์ ” ถนนสำคัญในย่านบันเทิงใจกลางกรุงเทพฯ ในภายหลังอีกด้วย
หลวงพัฒน์พงศ์พานิช เดิมชื่อนายตุ้น ผู้พัฒน์ (แซ่ผู่ – 符俊) และมีนามอันเป็นที่รู้จักกันในวงสังคมชาวจีนสมัยนั้นว่า นายฮูจิต้วน (สันนิษฐานว่าชื่ออาจเขียนเป็นตัวหนังสือจีนว่า 符志宣) ชาติกำเนิดของท่านเป็นชาวจีนไหหลำ มีบิดาชื่อนายหย่วน มารดาชื่อนางแจ แม้ข้อมูลหลายแหล่งระบุว่านายตุ้นเกิดที่เมืองจีนก่อนอพยพมายังเมืองไทย ทั้งนี้ จากข้อมูลในหนังสือที่ระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ ระบุเพียงว่าเขาเกิดวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2424 มีความรู้หนังสือไทยอ่านออกเขียนได้ มิได้ระบุสถานที่เกิดที่ชัดเจน และเมื่ออายุ 12 ปี ( พ.ศ.2436) ได้เป็นเด็กในอุปการะของคุณแม่แสง สาทรานนท์ คหบดีที่มีนิวาสสถานอยู่ในละแวกหัวลำโพง
ภาพที่ 1 : หลวงพัฒน์พงศ์พานิช ( ตุ้น ผู้พัฒน์ )
แหล่งที่มาภาพ : สุชีพ ปุญญานุภาพ, ชุมนุมบทความสั้น ๆ ภาค 1 รวม 15 เรื่อง.
กรุงเทพฯ : สุธรรม ลืออำรุง และภรรยา พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพัฒน์พงศ์พานิช
(ตุ้น ผู้พัฒน์) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม 27 พฤษภาคม 2494
คุณแม่แสง สาทรานนท์ เป็นเครือญาติคนหนึ่งในสกุลสาทรานนท์ที่มีกิจการเกี่ยวเนื่องกับการค้าข้าวมาเป็นเวลานาน มีกิจการฉางข้าวตามแนวริมทางรถไฟ และเป็นนายหน้าหาซื้อข้าวเปลือกให้กับโรงสีข้าวของชาวยุโรปในกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นนายตุ้นได้ทำงานเป็นผู้จัดการ ดูแลกิจการทั้งหลายของคุณแม่แสงจนเจริญก้าวหน้า จนกระทั่งปีพ.ศ. 2447 คุณแม่แสงถึงแก่กรรม นายตุ้นจึงแยกตัวออกมาทำกิจการเอง
ในระยะแรกนายตุ้นทำกิจการฉางข้าวเปลือกตามแนวเส้นทางรถไฟด้วยทุนของตนเอง หลังจากกิจการฉางข้าวเริ่มมีความเจริญรุ่งเรืองจึงได้เริ่มขยายกิจการอื่นๆ ทั้งโรงสีข้าว โรงเลื่อยจักร และซื้อต่อกิจการตลาดบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ซึ่งเจ้าของเดิมเป็นทายาทของคุณแม่แสง ด้วยเหตุนี้ครอบครัวของนายตุ้นจึงได้มาลงหลักปักฐานที่นี่ นิวาสสถานของตระกูลตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 177 มีบุตรบางคนเกิดที่บ้านนี้ และที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจของตระกูลในระยะหนึ่ง
นอกจากกิจการค้าข้าว นายตุ้นได้ประมูลสัมปทานเป็นตัวแทนทำเหมืองปูนขาวส่งให้โรงปูนซิเมนต์ของบริษัทปูนซิเมนต์สยาม ( Siam Cement Co. Ltd.) ในช่วงทศวรรษที่ 2460 กิจการปูนขาวนับเป็นธุรกิจหนึ่งที่สร้างความมั่งคั่งให้กับนายตุ้น ไม่น้อยไปกว่าการค้าข้าว (ผู้เขียนอนุมานว่าการทำเหมืองปูนขาวน่าจะเกิดขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2468 เนื่องด้วยนายคาร์สเตน ฟริซ แจสเพอร์เซน ( Mr. Carsten Friis Jespersen) วิศวกรชาวเดนมาร์คที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยเป็นผู้จัดการบริษัทปูนซิเมนต์สยาม รู้จักกับนายตุ้น ผู้เป็นเจ้าของเหมืองในช่วงนั้นหรือหลังจากนั้น)
นายตุ้นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนพัฒน์พงศ์พานิช” เนื่องจากมีความชอบที่ได้ทูลเกล้าฯถวายน้ำและอาหารแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สำหรับบำรุงกองเสือป่า เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาซ้อมรบที่ตำบลดอนพุด อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี และภายหลังได้เลื่อนขึ้นเป็นหลวงพัฒน์พงศ์พานิช นอกจากนี้ยังมีการกล่าวกันว่าหลวงพัฒน์พงศ์พานิช เป็นข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มาตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์สมบัติอีกด้วย
หลวงพัฒน์พงศ์พานิช ได้ขยายกิจการโรงสี โรงเลื่อย โรงน้ำแข็ง เพิ่มขึ้นตามแนวเส้นทางรถไฟตั้งแต่สระบุรี ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุดรธานี หนองคาย โดยมีนายทวี ผู้พัฒน์ ชาวจีนไหหลำแซ่เดียวกันเป็นกำลังสำคัญช่วยทำงานในตำแหน่งนายหน้าซื้อข้าวเปลือก จนกลายเป็นพ่อค้าข้าวรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในสมัยนั้น ในปีพ.ศ. 2471 หลวงพัฒน์พงศ์พานิชได้เข้าร่วมกับคณะพ่อค้าชาวจีนไหหลำและจีนอื่นอีกหลายคนก่อตั้งกิจการบริษัทอันฟองเหลาไมฮง (宴芳樓米行) และเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นประมาณ 120 หุ้น (ภายหลังนายทองอยู่ พัฒน์พงศ์พานิช ได้รับหุ้นเป็นมรดกหลังจากบิดาถึงแก่กรรมในปีพ.ศ. 2494)
กิจการต่างๆ ของหลวงพัฒน์พงศ์พานิชได้ดำเนินมาอย่างราบรื่น โดยมีนายทองอยู่ บุตรชายที่จบการศึกษาจากวิทยาลัยหวาหยั่น ( Wah Yan College - 香港華仁書院) ในฮ่องกงเมื่อปีพ.ศ. 2477 และสำเร็จการฝึกงานในบริษัทบอร์เนียว ปีพ.ศ. 2478 กลับมาช่วยดูแลธุรกิจอย่างเต็มตัว จนกระทั่งเมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาในปีพ.ศ. 2484 กิจการทุกอย่างต้องหยุดดำเนินการไประยะเวลาหนึ่ง
หลังสิ้นสงคราม หลวงพัฒน์พงศ์พานิช และครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่ถนนนเรศ กรุงเทพมหานครฯ พร้อมกับซื้อที่ดินไร่กล้วยรกร้างหลายร้อยไร่ในบริเวณนั้น ข้อมูลบางแหล่งกล่าวอ้างว่าหลวงพัฒน์พงศ์พานิชซื้อไร่กล้วย บ้างให้ข้อมูลว่าที่ดินผืนนี้เป็นมรดกทางภรรยา (สมบัติเดิมของนายชิ้น ชิ้นประยูร พ่อตา) ทั้งนี้ หลักฐานทุกฉบับต่างแสดงให้เห็นว่าหลวงพัฒน์พงศ์พาณิชเป็นเจ้าของที่ดินในละแวกพัฒน์พงศ์มาตั้งแต่ พ.ศ.2489 โดยมีการปลูกบ้านหลังใหญ่ของครอบครัวพัฒน์พงศ์พานิช และตัดถนน (ถนนพัฒน์พงศ์ในปัจจุบัน) พร้อมสร้างตึกแถวให้เช่าในบริเวณนี้ด้วย
ธุรกิจของตระกูลพัฒน์พงศ์พานิชเจริญเติบโตขึ้นเมื่อบริษัทอันฟองเหลาไมฮงได้กลายเป็น 1 ใน 5 เสือของวงการธุรกิจค้าข้าวในกรุงเทพมหานคร และเริ่มจัดตั้งกิจการบริษัทพัฒนาพานิช จำกัด และบริษัทพัฒน์พงศ์ เพื่อดูแลจัดการอสังหาริมทรัพย์บริเวณที่ดินของครอบครัวในย่านพัฒน์พงศ์ ซึ่งกลายเป็นย่านราตรีชื่อดังของกรุงเทพฯ ในภายหลัง
ภาพที่ 2 : หลวงพัฒน์พงศ์พานิชพร้อมด้วยภรรยาและบุตรหลาน ที่บ้านถนนนเรศ เมื่อปลาย พ.ศ.2494
ที่มาภาพ : อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพอายุส พัฒน์พงศ์พานิช. (2557)
ดังที่กล่าวไปแล้วว่าหลวงพัฒน์พงศ์พานิชได้ช่วยเหลือสังคมอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในอำเภอบ้านหมอ สระบุรี ได้แก่ การอุปถัมภ์กิจการต่างๆ ของชาวบ้าน การอุทิศที่ดินให้จัดตั้งโรงเรียนพัฒนราษฎร์ให้เป็นสถานศึกษาสมัยใหม่แทนการเรียนหนังสือในศาลาวัดตามแบบเดิม การจัดตั้งสถานีอนามัย การสร้างที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจภูธร รวมถึงยังมีส่วนร่วมในการเรี่ยไรเพื่อสาธารณประโยชน์อีกหลายครั้ง นับว่าท่านเป็นผู้ที่มีคุณูปการอย่างยิ่งต่ออำเภอบ้านหมอผู้หนึ่ง
ด้วยคุณงามความดีที่มีมากมาย ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 หลวงพัฒน์พงศ์พานิชจึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ในช่วงบั้นปลายชีวิตท่านล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร จนกระทั่งวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2493 หลวงพัฒน์พงศ์พานิชได้ถึงแก่กรรมที่บ้านถนนนเรศ ศพของท่านได้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านและได้รับพระราชทานเพลิงศพที่เมรุวัดมกุฎกษัตริยารามเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2494 หลังการนั้นทายาทได้สร้างตึกคนไข้พิเศษที่โรงพยาบาลพระพุทธบาท และตั้งชื่อตึกว่า “พัฒน์พงศ์” เพื่อเป็นอนุสรณ์
ในด้านชีวิตส่วนตัว หลวงพัฒน์พงศ์พานิชสมรสกับนางเพี้ยน พัฒน์พงศ์พานิช (ซิ้นประยูร) มีบุตรธิดารวมกันทั้งสิ้น 7 คน บุตรชายคนโต นายทองอยู่ พัฒน์พงศ์พานิช เป็นผู้ดูแลธุรกิจแทน และเป็นผู้มีบทบาททำคุณความดีต่อสังคมเช่นเดียวกับบิดาจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบญจมาภรณ์มงกุฎไทยเป็นเกียรติยศ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการพัฒนาท้องถิ่นของอำเภอบางรัก หาดแต่ล้มป่วยและถึงแก่กรรมก่อนได้ดำรงตำแหน่งใน พ.ศ.2502
บุตรชายของหลวงพัฒน์พงศ์พานิชอีกคนหนึ่ง คือ นายอุดม พัฒน์พงศ์พานิช จบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา นับเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญทำให้ย่านพัฒน์พงศ์มีความเปลี่ยนแปลง เขาเคยร่วมงานกับหน่วยงาน CIA ของสหรัฐอเมริกามาก่อน ภายหลังกลับมาประเทศไทยก็ได้ชักชวนเพื่อนชาวอเมริกันมาประกอบธุรกิจบริเวณย่านพัฒน์พงศ์ ทำให้อสังหาริมทรัพย์ของตระกูลพัฒน์พงศ์พานิชได้กลายเป็นพื้นที่ที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติจากสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง รวมถึงเป็นฐานลับของ CIA ในประเทศไทย และย่านบันเทิงยามราตรีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตั้งแต่ยุคพ.ศ. 2500 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดคือเรื่องราวของสุภาพบุรุษชาวจีนไหหลำคนหนึ่งที่มีบทบาทในเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นทั้งในกรุงเทพมหานครและบ้านหมอ สระบุรี ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน และที่มาของชื่อ “พัฒน์พงศ์” ย่านสถานบันเทิงยามราตรีในกรุงเทพมหานครที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
หนังสือ
กรมศิลปากร. คู่มือวรรณคดีสัญจร สู่พระพุทธบาท. สระบุรี: พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนายทวี ภู่พัฒน์ ณ เมรุวัดทองพุ่มพวง อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2509.
ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. ชื่อบ้านนามเมืองในกรุงเทพฯ, พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : มติชน, 2551
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา, ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 17 เรื่อง ตำนานการเลิกบ่อนเบี้ยและเลิกหวย. กรุงเทพฯ : พิมพ์ในงานฌาปนกิจศพ นายทองอยู่ พัฒน์พงศ์พานิช ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร พระนคร วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2503
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ( มหาชน). 100 คน ร้อยเรื่องราว 100 ปี เอสซีจี. กรุงเทพฯ : มติชน. ( 2556)
สุชีพ ปุญญานุภาพ. ชุมนุมบทความสั้น ๆ ภาค 1 รวม 15 เรื่อง. กรุงเทพฯ : สุธรรม ลืออำรุง และภรรยา พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงพัฒน์พงศ์พานิช (ตุ้น ผู้พัฒน์) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม 27 พฤษภาคม 2494.
อนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพนายวิจิตร พัฒน์พงศ์พานิช. กรุงเทพฯ: ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพนายวิจิตร พัฒน์พงศ์พานิช ณ เมรุวัดธาตุทอง เมื่อวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2508
อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพอายุส พัฒน์พงศ์พานิช. กรุงเทพฯ: ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพนายอายุส พัฒน์พงศ์พานิช ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2557.
บทความออนไลน์
วรนิษฐา จันทร์เอี่ยม. หลวงพัฒน์พงศ์พานิช. เข้าถึงได้จาก http://m-culture.in.th/album/134667/js/ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2567. (11 พฤษภาคม 2555).
Museum Minds. I like พัฒน์พงศ์: คุยกับ Michael Messner ชายผู้สั่งสมสิ่งของและเรื่องเล่าไม่ธรรมดาในพัฒน์พงศ์ ตั้งแต่ลูกค้าขาประจำที่เป็นทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนาม ไปจนถึงสายสืบ CIA และบรรจุไว้ในพัฒน์พงศ์มิวเซียม. เข้าถึงได้จาก https://readthecloud.co/patpong-museum-bangkok/ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2567. (4 มีนาคม 2563 ).
หลักฐานเอกสารอื่นๆ
กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ แฟ้มบริษัทอันฟองเหลาไมฮงจำกัด. แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ . ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 34 เล่ม 67 หน้า 2637-2639 , วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2493