Museum Core
Stirling Castle แลนด์มาร์คสำคัญของสกอตแลนด์ที่หลายคนอาจมองข้าม
Museum Core
13 ธ.ค. 67 267
ประเทศสกอตแลนด์

ผู้เขียน : รหัท กิจจริยภูมิ

               เมืองสเตอร์ลิง (Stirling) เป็นเมืองทางตอนกลางของประเทศสกอตแลนด์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นประตูสู่เขตพื้นที่ไฮด์แลนด์ (Highlands) ห่างจากเมืองหลวงอย่างเอดินบะระราว 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ ในสมัยโบราณเคยเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของประเทศ รายล้อมไปด้วยพื้นที่เกษตรกรรมและเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของราชวงศ์สกอตแลนด์

               มีวลีหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หากผู้ใดสามารถยึดสเตอร์ลิงได้ก็เหมือนกับได้ยึดสกอตแลนด์” เมืองนี้จึงเป็นเป้าหมายโจมตีจากข้าศึกศัตรูจากต่างแดนโดนเฉพาะเพื่อนบ้านจากทางใต้อย่างอังกฤษ (ขณะนั้นสกอตแลนด์และอังกฤษยังไม่ได้รวมเป็นประเทศเดียวกัน) ดังนั้นปราสาทของเมืองจึงเป็นป้อมปราการสำคัญในการปกป้อง ซึ่งมีบทบาทสำคัญกับประวัติศาสตร์ประเทศสกอตแลนด์อยู่หลายเหตุการณ์ ปัจจุบันปราสาทกลายเป็นแหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมลำดับต้นๆ ของสกอตแลนด์ ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวสก็อตหลายคนพูดกันปากต่อปากว่า ปราสาทมีเรื่องราวน่าสนใจมากๆ แต่หลายอาจมองข้ามไป

 

ภาพที่ 1 พระราชวังหลวงในปราสาทสเตอร์ลิง

 

    ปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีจุดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม รวมถึงมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ประเทศสกอตแลนด์มาอย่างยาวนาน ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดหน้าผาหินสูงทั้ง 3 ด้าน ซึ่งเป็นชัยภูมิที่ดีในสมัยโบราณเพื่อใช้ป้องกันข้าศึกที่จะเข้ามารุกราน ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ (King Alexander I of Scotland) ในช่วงศตวรรษที่ 12 กษัตริย์และราชินีของสกอตแลนด์หลายพระองค์ได้รับการเข้าพิธีราชาภิเษกที่นี่ มีหลายพระองค์ก็ประสูติและสวรรคตในที่นี่ด้วยเช่นกัน

 

 

ภาพที่ 2 อนุสาวรีย์โรเบิร์ต เดอะ บรูซ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาท

 

 

               ในช่วงสงครามความขัดแย้งระหว่างสกอตแลนด์กับอังกฤษอุบัติขึ้น (ช่วงระหว่างค.ศ. 1296 - 1346) ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของทั้งสองฝ่ายโดยทันที ซึ่งถูกปิดล้อมอย่างน้อย 8 ครั้ง และถูกเปลี่ยนมือระหว่างชาวสก็อตและอังกฤษหลายครั้ง แม้ปราสาทสเตอร์ลิงจะเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในฐานะที่เป็นที่ประทับของราชวงศ์สกอตแลนด์ แต่ตัวปราสาทก็ถูกทำให้ได้รับความเสียหายหลายครั้งจากการสู้รบหรือตั้งใจทำให้เสียหายเอง โดยครั้งหนึ่ง โรเบิร์ต เดอะ บรูซ (Robert the Bruce) หรือพระเจ้าโรเบิร์ตที่ 1 กษัตริย์ของสกอตแลนด์ (King Robert I of Scotland)  พยายามขับไล่กองทัพอังกฤษออกจากปราสาท จึงตัดสินใจเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องและสั่งให้ทำลายปราสาททุกแห่งที่ยึดได้เพื่อไม่ให้ข้าศึกใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งปราสาทสเตอร์ลิงก็ถูกทำลายด้วยเช่นกันในปี ค.ศ. 1314 โดยหอคอยและจุดป้องกันหลายแห่งถูกรื้อถอน รวมถึงอาคารหลายแห่งในปราสาทก็ถูกเผาทำลายเช่นกัน ทำให้ตลอดระยะเวลา 50 ปีของปราสาทแห่งนี้จึงเต็มไปบาดแผลจากการรบราฆ่าฟันมาอย่างยาวนาน

 

ภาพที่ 3 ด้านนอกและด้านในของ The Great Hall

 

    ปราสาทสเตอร์ลิงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในสมัยราชวงศ์สจ๊วต (The House of Stuart) ที่ซ่อมแซมปราสาทและมีการปรับเปลี่ยนอย่างเรื่อยมาตามความประสงค์ของกษัตริย์แต่ละพระองค์ กำแพงและป้อมปราการถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและอำนาจอีกครั้งโดยครอบคลุมพื้นที่โดยรอบเป็นระยะทางหลายไมล์ และเห็นได้ชัดในรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่ 4 แห่งสกอตแลนด์ (James IV of Scotland) ได้นำศิลปวิทยาจากประเทศต่างๆ ในยุโรปเข้ามาสู่ประเทศ อุปถัมภ์งานศิลปะและสนับสนุนศิลปินมากมาย และโปรดให้สร้างห้องโถงใหญ่ (The Great Hall) ในปราสาทซึ่งได้รับอิทธิพลจากยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) ให้เป็นห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์ในขณะนั้น มีเตาผิงถึง 5 เตา และหน้าต่างด้านข้างบานใหญ่ที่ส่องแสงสว่างไปยังปลายแท่นซึ่งเป็นที่ประทับของกษัตริย์

 

 

 

ภาพที่ 4 สเตอร์ลิงเฮดส์ (Stirling Heads)

 

               ไม่เพียงเท่านั้น ในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 5 แห่งสกอตแลนด์ (James V of Scotland) ยังโปรดให้สร้างพระราชวังหลวง (Royal Palace) ทางด้านซ้ายของประตูเมืองด้วยสไตล์แบบราชสำนักในยุโรป โดยมีรูปปั้นเทพเจ้ากรีก-โรมันแกะสลักไว้ และนับเป็นตัวอย่างอันดับต้นๆ ของสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ในสกอตแลนด์ ด้านในมีจัดแสดงห้องนอนของกษัตริย์และราชินี รวมถึงห้องรับแขก ซึ่งแต่ละห้องมีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น เพดานในห้องนอนของกษัตริย์ตกแต่งด้วยชุดไม้โอ๊กแกะสลักรูปทรงกลมเรียกว่า “สเตอร์ลิงเฮดส์” (Stirling Heads) โดยช่างฝีมือและช่างแกะสลักชาวฝรั่งเศส ในรูปแกะสลักนั้นมีรูปของกษัตริย์ ราชินี ข้าราชบริพาร และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณหรือในพระคัมภีร์ไบเบิล

 

ภาพที่ 5 โซนมิวเซียมเล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตของทหารที่เคยประจำการอยู่ที่ปราสาทสเตอร์ลิง

 

               อย่างไรก็ตาม ปราสาทสเตอร์ลิงกลับไปสู่จุดตกต่ำอีกครั้งเมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ (James VI of Scotland) ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ จากการรวมราชบัลลังก์แห่งสกอตแลนด์และอังกฤษไว้ภายใต้การปกครอง พระองค์ย้ายไปประทับที่ลอนดอนตั้งแต่นั้นมา และกลับมาสกอตแลนด์อีกเพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้ปราสาทสเตอร์ลิงถูกลดความสำคัญลงและปล่อยให้ทรุดโทรมตามกาลเวลาที่ร่วงโรยไป

               จากปราสาทที่ประทับของกษัตริย์ถูกเปลี่ยนไปเป็นกองบัญชาการกองทัพและค่ายทหารตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 พื้นที่หลายส่วนถูกปรับเปลี่ยนเพื่อใช้ในการทหาร เช่น ห้องโถงใหญ่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พัก โบสถ์น้อยกลายเป็นห้องบรรยายและห้องอาหาร ที่ประทับของกษัตริย์หลังเก่ากลายเป็นห้องพยาบาล ขณะที่พระราชวังหลวงกลายเป็นห้องทานอาหารและสังสรรค์ของเจ้าหน้าที่ทหาร ปราสาทแห่งนี้ยังใช้เป็นค่ายทหารจนถึงปี ค.ศ. 1964 ปัจจุบันยังคงมีกองบัญชาการของกองร้อยทหารราบเบาอาร์กายและซูเธอร์แลนด์ไฮแลนเดอร์ส (The Argyll and Sutherland Highlanders) ประจำการอยู่

               ปราสาทสเตอร์ลิงได้รับการดูแลโดยหน่วยงานบริหารจัดการและปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของสกอตแลนด์ (Historic Environment Scotland) และได้รับการบูรณะ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกระตุ้นการท่องเที่ยวของเมืองสเตอร์ลิงและเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ นอกจากชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในปราสาทเมื่อครั้งอดีต ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงใหญ่ โบสถ์น้อย ห้องทอผ้าห้องครัว มิวเซียมเกี่ยวกับกองทัพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำแต่ละโซนสวมชุดย้อนยุคเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและสร้างบรรยากาศสมจริง ผู้ชมยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมมากมายที่มักจัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และเทศกาลอย่างการเดินทัวร์ชมปราสาท และพร้อมปิดท้ายด้วยการชมวิวอันงดงามของเมืองสเตอร์ลิงจากกำแพงปราสาทอีกด้วย

 

ภาพที่ 6 บรรยากาศระหว่างเดินชมในปราสาท มีเจ้าหน้าที่แต่งกายด้วยชุดในยุคสมัยก่อนเป็นผู้บรรยาย

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

 

Cartwright, M. (2021). Stirling Castle. World History Encyclopedia. https://www.worldhistory.org/Stirling_Castle/

 

Ruggeri, A. (2022). The last castle of Scotland. BBC. https://www.bbc.com/travel/article/20170524-stirling-castle-the-last-stronghold-of-scotland

 

Wee Walking Tours. (2020). Stirling Castle: From Medieval Fortress to Renaissance Palace. Wee Walking Tours. https://www.weewalkingtours.com/post/stirling-castle-from-medieval-fortress-to-renaissance-palace

 

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ