Museum Core
ดื่มด่ำงานศิลป์ ชมสวน แช่ออนเซนเท้าที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะ
Museum Core
23 ธ.ค. 67 166
ประเทศญี่ปุ่น

ผู้เขียน : ทัศนีย์ ยาวะประภาษ

               พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะ (Okada Museum of Art) น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวสำหรับผู้เขียนที่ไม่ได้ถ่ายภาพด้านในอาคารเลยแม้แต่ภาพเดียว นับแต่ก้าวเท้าเข้าประตูก็ถูกร้องขอให้เก็บสัมภาระทั้งหมดไว้ในตู้ล็อกเกอร์ ยกเว้นกระเป๋าสตางค์ใบเล็ก ทำให้การเดินชมพิพิธภัณฑ์อันโอ่โถงทั้ง 5 ชั้นของผู้เขียนจึงจดจ่ออยู่กับการชื่นชมงานศิลปะมากมายในแต่ละห้อง แม้มีผู้เข้าชมพอสมควรแต่ทุกคนช่วยกันรักษามารยาท และความสงบของสถานที่ได้อย่างน่าชื่นชม

               อาจมีคนสงสัยว่าทำไมผู้เขียนจึงดั้นด้นมายังพิพิธภัณฑ์ที่แทบไม่มีภาพด้านในเผยแพร่สู่สาธารณะเลย? เหตุตั้งต้นมาจากปลายพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ผู้เขียนมีแผนเดินทางไปพักผ่อนที่เมืองฮาโกเน่ จังหวัดคานากาวะ ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์และสวนสวยงามมากมาย จึงอยากเสาะหาพิพิธภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อนตามประสาคนรักพิพิธภัณฑ์

 

ภาพที่ 1 ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะ ด้านหน้ามีป้ายบอกว่ากำลัง

จัดนิทรรศการพิเศษ “อุตามาโระและโฮคุไซ-ผู้สร้างยุคสมัย”

 

               เมื่อหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ผู้เขียนก็พบว่ามีพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะซ่อนตัวอยู่ในสวนญี่ปุ่นที่กลมกลืนกับธรรมชาติ มีร้านอาหารให้บริการมื้อกลางวันพร้อมกับเป็นร้านน้ำชายามบ่ายที่ออกแบบได้อบอุ่นอ่อนโยน และที่สำคัญคือที่นี่มีบริการบ่อออนเซนแช่เท้าจากน้ำพุร้อนให้ผู้มาเยือนได้นั่งผ่อนคลายพลางจิบกาแฟไปด้วย ซึ่งนับเป็นความแปลกใหม่ ทำให้ผู้เขียนมุ่งมั่นอยากไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้ได้

               ในวันที่เดินทางไปพิพิธภัณฑ์เป็นฤดูใบไม้ร่วงมีแสงแดดส่องสว่างไสว ผู้เขียนใช้เวลาราว 45 นาที เดินทางด้วยรถบัสจากสถานีโอดาวาระไปยังป้ายโควาคิเอน (Kowakien) เต็มไปวิวทิวทัศน์ที่เจิดจรัสของแมกไม้กำลังเปลี่ยนสีตลอดสองฝั่งเลียบแม่น้ำท่ามกลางหุบเขา สร้างความเบิกบานใจให้ผู้เขียนตั้งแต่ยังไม่ถึงพิพิธภัณฑ์

 

ภาพที่ 2 ร้านไคคะเทอิกลางแมกไม้และสีสันของฤดูใบไม้ร่วง

 

               หลังรถบัสจอดส่งผู้โดยสารแล้ว เพียงข้ามถนนก็มาถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ผู้เขียนเดินทางมาถึงในเวลาใกล้เที่ยงวันแล้วจึงตัดสินใจแวะทานอาหารมื้อเช้าควบกลางวันที่ร้านไคคะเทอิ (Kaikatei) เสียก่อน ที่นี่เป็นร้านอาหารของพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในตัวบ้านญี่ปุ่นสมัยกลางศตวรรษที่ 20 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้สะดวกสบาย ทันสมัย โอบล้อมด้วยสวนญี่ปุ่นขนาดเล็ก ด้านหนึ่งของประตูกระจกบานใหญ่มองผ่านออกไปเห็นบ่อปลาคาร์ฟและหมู่ต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีจัดจ้านตามช่วงเวลาใบไม้ร่วง พร้อมกับมีน้ำตกเล็ก ๆ เป็นฉากหลัง

 

ภาพที่ 3 ภายในร้านไคคะเทอิแสนอบอุ่น

 

               อาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะและสิ่งรายรอบสร้างขึ้นบนที่ตั้งดั้งเดิมของโรงแรมไคคะเทอิในสมัยเมจิ (พ.ศ. 2411-2455) มีพื้นที่ใช้สอย 7,700 ตารางเมตร เฉพาะบริเวณนิทรรศการมีประมาณ 5,000 ตารางเมตร เริ่มเปิดให้เข้าชมในเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงผลงานศิลปะญี่ปุ่นและเอเชียในสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการชม ตลอดจนดูแลผลงานเหล่านี้เพื่อสามารถส่งต่อให้กับรุ่นต่อไป รวมทั้งเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสและเพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์ศิลปะอันโดดเด่นของญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียได้

 

ภาพที่ 4 อีกมุมหนึ่งของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ มองเห็นร้านจำหน่ายของที่ระลึก

 

               ในช่วงที่ผู้เขียนมาเยี่ยมชมมีการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับ “อุตามาโระและโฮคุไซ-ผู้สร้างยุคสมัย” ในวาระพิพิธภัณฑ์ครบรอบ 10 ปี ซึ่งคิตาคาวะ อุตามาโระ (Kitagawa Utamaro) และคัตสึชิกะ โฮคุไซ (Katsushika Hokusai) เป็นปรมาจารย์ภาพไม้ยูกิโยเอะ(Ukiyo-e) ผู้บุกเบิกสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบใหม่ที่มีความละเอียดสวยงาม และสร้างความประทับใจให้กับคนทั่วไป อุตามาโระได้รับความนิยมจากผลงานภาพผู้หญิงงาม (Bijin-ga) ขณะที่โฮคุไซทำงานในรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ ภาพวาดแนวทิวทัศน์ นก ดอกไม้ และมุชะเอะ (ภาพนักรบ) อีกด้วย

               นิทรรศการนี้เน้นผลงานวาดด้วยมือจำนวนสามชิ้นของอุตามาโระ และสิบชิ้นของโฮคุไซ ร่วมกับผลงานการพิมพ์บล็อกอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง 36 วิวของภูเขาไฟฟูจิ (Thirty-six Views of Mt. Fuji) และผลงานชิ้นเอกอย่าง นามิ จิโดริ (“Plovers Above the Waves”) รวมถึงผลงานของศิลปินร่วมสมัย ศิลปินรุ่นก่อนและหลังยุคของพวกเขาด้วย

               ผู้เขียนเป็นแฟนคลับผลงานยูกิโยเอะของโฮคุไซ ปลาบปลื้ม 36 วิวของภูเขาไฟฟูจิเป็นยิ่งนัก และเมื่อเข้ามาในห้องนิทรรศการแต่ละชั้นของพิพิธภัณฑ์โอคาดะก็พลันเข้าใจว่า “ชมอย่างเพลิดเพลินในสิ่งแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม” หมายความว่าอย่างไร ด้วยวิธีจัดแสดง เล่าเรื่อง การนำสายตาผู้ชมให้ไล่เรียงไปแต่ละจุด การตั้งเบาะนั่ง มุมมองในการยืนและเดิน ล้วนแต่ถูกคิดอย่างละเอียดถ้วนถี่ สร้างประสบการณ์ให้ผู้เขียนเพลิดเพลินและจมจ่อมอยู่ในนิทรรศการแต่ละห้องโดยไม่สนใจเวลาที่ผ่านไปบนหน้าปัดนาฬิกาเลย

 

 

ภาพที่ 5 ภาพวาดเทพเจ้าแห่งลมและสายฟ้าของจิตรกรฟุคุอิ โคทาโระ ด้านหน้าอาคาร

 

               นอกจากนี้ผู้เขียนประทับใจนิทรรศการเรื่อง “Wucai : Jingdezhen and Other Porcelain” อู่ไฉ (Wucai) เป็นเครื่องเคลือบ 5 สี รูปแบบสุดท้ายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เครื่องเคลือบของจีน โดยวาดภาพด้วยสีแดง เขียว และเหลืองบนเครื่องเคลือบสีขาว เคลือบที่อุณหภูมิต่ำ กลายเป็นเครื่องเคลือบดินเผาที่โดดเด่นในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงช่วงศตวรรษที่ 13 ถึง 19 ตั้งแต่เครื่องเคลือบโซอาเกะ (เครื่องเคลือบสีแดงของราชวงศ์จิ้น) เครื่องเคลือบโทนสีฟ้าของราชวงศ์ชิงตอนปลาย รวมถึงผลงานจากยุคว่านหลี่ของราชวงศ์หมิง ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดของศิลปะเครื่องเคลือบอู่ไฉ ในนิทรรศการมีการนำเครื่องเคลือบมาจัดแสดงราว 20 ชิ้น ทว่ามีเพียงสองชิ้นในจำนวนนี้ที่ไม่เคยจัดแสดงให้สาธารณชนได้ชมมาก่อน

               ผู้เขียนดื่มด่ำไปกับโลกของเครื่องปั้นดินเผาอู่ไฉอันงดงามลวดลายหลากสีสันอันเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมจีน ความสวยงามของเครื่องเคลือบแต่ละชิ้นต่างอวดโฉมและเล่าเรื่องราวผ่านกาลเวลาให้ฟัง เช่น มังกรเป็นตัวแทนสื่อความหมายถึงจักรพรรดิ และค้างคาวที่สื่อสัญลักษณ์ของความสุข เป็นต้น

               นอกจากนิทรรศการพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ในโซนนิทรรศการถาวรมีการจัดแสดงนิทรรศการ ภาพวาดสไตล์ญี่ปุ่นยุคต้นสมัยใหม่และสมัยใหม่ให้เดินชมอย่างเพลิดเพลิน ทั้งเครื่องปั้นดินเผาจากเอเชียตะวันออก (จีน เกาหลี และญี่ปุ่น) โบราณวัตถุ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผายุคสมัยโจมง (Jōmon Pottery) รูปปั้นดินเผา และรูปปั้นดินเผา งานศิลปะพุทธศาสนาในสมัยโบราณและยุคกลาง (รูปปั้น ภาพวาด) ชิ้นส่วนลายมือของบุคคลที่มีชื่อเสียง และงานฝีมือ เช่น งานเคลือบ หยก และงานโลหะ รวมถึงผลงานที่มีชื่อเสียงและหายาก

 

ภาพที่ 6 บริเวณให้นั่งแช่เท้า จิบเครื่องดื่ม เพลิดเพลินกับสีสันรอบตัว

 

               ในห้องนิทรรศการที่จัดแสดงเครื่องเขินหลายชนิดจากหลากประเทศและหลายยุคสมัยที่จัดแสดงก็ตระการตาไม่แพ้กัน ทั้งภาชนะจีนขนาดเล็กที่มีภาพแกะสลักสวยงาม ที่ใส่ธูปเกาหลีพร้อมงานมุกประณีต กล่องหินหมึกอันงดงามพร้อมงานเขินสไตล์ริมปา ชิ้นงานโลหะหายากของจีน อาทิ งานหล่อสำริดที่ผลิตก่อนคริสตศักราชหลายปี งานสลักเงินสมัยราชวงศ์ถัง งานศิลปะโลหะเหล่านี้มีรูปร่างทรงพลังแปลกตา ทั้งลวดลาย ความละเอียดประณีต และสีสันคมชัด

               แม้ระหว่างการเดินชมจะมีจุดหยุดให้พักนั่งเป็นระยะๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง ขาสองข้างของผู้เขียนก็เริ่มรู้สึกเมื่อยล้า ทำให้ผู้เขียนเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดพิพิธภัณฑ์จึงมีบ่อออนเซ็นให้แช่เท้า หลังจากชมนิทรรศการจบ ผู้เขียนก็รู้สึกตื่นตาอีกครั้งกับข้าวของในร้านจำหน่ายของที่ระลึก และเลือกซื้อของที่ระลึกจากคอลเล็กชันที่หมายตาไว้ ผลิตเป็นสินค้าหลายอย่าง เช่น รูปโปสการ์ด สมุด ที่คั่นหนังสือ ซองใส่เอกสารหลายขนาด ฯลฯ ทำให้ต้องใช้เวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงในการตัดใจเลือกและได้เป็นที่ระลึกติดมือมาหลายชิ้น

 

ภาพที่ 7 จิบกาแฟ แช่เท้า นั่งทอดสายตาชื่นชมเทพเจ้าแห่งลมและสายฟ้า

ช่างเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รู้ใจผู้เข้าชมอย่างแท้จริง

           

              ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ ผู้เขียนซื้อกาแฟร้อนมานั่งจิบที่บ่อน้ำพุร้อนของพิพิธภัณฑ์ และผ่อนคลายเท้าสองข้างที่ระบมด้วยการแช่เท้าในน้ำที่อุ่นร้อนกำลังดี มีฤทธิ์เป็นด่างแบบธรรมชาติ พร้อมกับชมอาคารสูงห้าชั้นที่ออกแบบโดย มิอุระ ชิน (Miura Shin)และเพ่งพินิจภาพวาดเทพเจ้าแห่งลมและสายฟ้าของจิตรกรฟุคุอิ โคทาโระ (Fukui Kotaro) ซึ่งติดตั้งตรงทางเข้าอาคาร จวบจนใกล้หมดแสงแดดสุดท้ายของวัน

              พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะนับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่งในใจผู้เขียน สมดังประโยคที่ว่า “เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งการสัมผัสความงามอันสูงส่งและความสงบเงียบของพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอคาดะและพื้นที่ธรรมชาติ” ไม่มีคำไหนเกินจริงเลยแม้แต่น้อย

 

Okada Museum of Art
เปิดทุกวัน : 09.00 - 17.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนปิด)
บัตรเข้าชม : บุคคลทั่วไป 2,800 เยน (ราว 700 บาท) นักเรียนประถมและมัธยม 1,800 เยน
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจากสถานี Odawara จังหวัด Kanagawa ลงป้าย Kowakien ราว 45 นาที

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ