เมื่อตัดสินใจที่จะเล่นสื่อสารกับวิญญาณบางสิ่งที่มองไม่เห็นตัวแล้วนั้น ต้องระมัดระวังให้ดี ผู้เล่นควรจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพที่ดีและมีจิตใจแน่วแน่ในการที่จะเรียนรู้และสื่อสารอย่างบริสุทธิ์ใจ อย่าให้ถ้วยแก้วเปิดก่อนจบการเล่น เพราะเชื่อถือกันว่า วิญญาณจะอยู่ในถ้วยนั้นจนกว่าจะจบการเล่น ทั้งนี้ทั้งนั้นวิญญาณที่ออกจากถ้วยแก้วไปแล้วอาจมีใจอย่างติดต่อสื่อสารกลับมาบ้างหรือมีมิตรใจไปเยี่ยมเยือนผู้เล่นในวงผีถ้วยแก้ว ผู้เล่นควรจะเตรียมพร้อมและทำใจเพราะของอย่างนี้มันแล้วแต่กรณี
ประโยคข้างต้นนี้คือข้อควรระวังของการเล่นผีถ้วยแก้วร่วมสมัยปัจจุบันที่ผู้เขียนรวบรวมสรุปความจากวิธีเล่นผีถ้วยแก้วที่ปรากฏพบเจอในหลายเว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ดที่เล่าเรื่องราวขนหัวลุก ซึ่งมักอธิบายผีถ้วยแก้วเสมือนเป็น “การประกอบพิธีกรรม” มีขั้นตอนปฏิบัติที่ผู้เล่นต้องทำตามอย่างเคร่งครัดมากกว่า “การเล่น” และได้รับการตอกย้ำผ่านการนำเสนอด้วยสื่อสมัยใหม่ที่เปิดประสบการณ์เสมือนให้ผู้ชมสามารถสัมผัสประสบการณ์เล่นผีถ้วยแก้วร่วมกับพิธีกรยิ่งทำให้ผีถ้วยแก้วได้รับความเชื่อถือ จนกระทั่งกระแสบอร์ดเกมสมัยใหม่ได้รับความนิยมช่วงต้นพุทธทศวรรษ 2560 ผู้เขียนพบเห็นการตั้งกระทู้ถามว่า ผีถ้วยแก้วนับเป็นบอร์ดเกมหรือไม่ และมีรายการสื่อจำนวนหนึ่งที่อธิบายเกมนี้ในฐานะสิ่งบันเทิงมากขึ้น ทำให้ผู้เขียนมีความสนใจเกมผีถ้วยแก้ว และอยากศึกษาวิเคราะห์เกมนี้ในเชิงวัตถุที่มีความเป็นมานอกเหนือความอาถรรพ์
โดยทั่วไปเมื่อเอ่ยถึงเกมผีถ้วยแก้ว คนมักนึกถึงเกมกระดานที่มีตัวอักษรต่าง ๆ มีผู้ร่วมเล่นหลายคน แต่ละคนใช้นิ้วมือสัมผัสแก้วตรงกลางกระดาน บริกรรมคาถาอัญเชิญวิญญาณให้เข้ามาในแก้ว จากนั้นจะเลื่อนแก้วไปมาเหนือตัวพยัญชนะและรูปสระเพื่อผสมเป็นคำ หรือประโยคตอบคำถามที่ผู้เล่นถามอย่างชัดเจน รูปแบบของกระดานผีถ้วยแก้วของไทยมีการพัฒนาขึ้นจากเกมกระดานสื่อวิญญาณ “วีจา” (Ouija Spirit Board) ของสหรัฐอเมริกา เกมกระดานนี้ถูกจำหน่ายในฐานะสินค้าของเล่นและแพร่หลายไปทั่วโลกมากถึง 2.3 ล้านชุดตั้งแต่ช่วงต้นพุทธทศวรรษ 2510 ผู้เขียนสันนิษฐานว่าชื่อเสียงความนิยมต่อเกมกระดานสื่อวิญญาณ “วีจา” ของอเมริกา ทำให้เกิดเกมกระดานที่คล้ายคลึงในช่วงเวลาไล่เรี่ยกันอย่างน้อยสองเกม ได้แก่ เกมผีถ้วยแก้วของไทย และเกม “คกคุริ” (Kokkuri) หรือผีเหรียญของญี่ปุ่น
ภาพที่ 1 ภาพปกนิตยสาร The Saturday Evening Post แสดงการเล่นกระดานสื่อวิญญาณวีจา
ฉบับเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920)
แหล่งที่มาภาพ: https://en.wikipedia.org/wiki/Ouija#/media/File:Norman_Rockwell_Ouija_board_painting.jpg
หากตัดขั้นตอนเชิงพิธีกรรมออก เกมผีถ้วยแก้วตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อเรื่องการติดต่อสื่อสารกับวิญญาณเพื่อหาคำตอบในเรื่องที่อยากรู้ เช่นเดียวกับการสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาผี อย่างไรก็ตาม การติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์มิได้เป็นกิจกรรมที่ใครก็เข้าถึงได้อย่างอิสระ แต่มีเงื่อนไข เช่น การดำเนินพิธีกรรมต้องประกอบขึ้นในพื้นที่เฉพาะด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็น “คนกลาง” (mediumship) อย่างหมอผี คนทรง หรือนักบวชทางศาสนา อีกทั้ง การติดต่อสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นแบบเฉพาะเจาะจง มิใช่ภูติผีวิญญาณ ตนใดก็ได้ ซึ่งอาจนำลางร้ายมาสู่ผู้ติดต่อ และคำตอบของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักเป็นเชิงสัญลักษณ์ การทำนายผลต้องผ่านการตีความเอง ไม่ได้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น ผีถ้วยแก้วในปัจจุบันจึงไม่สอดคล้องกับรูปแบบข้างต้น ทว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้บริบทแนวคิดความเชื่อเรื่องผีแบบใหม่ที่แตกต่างจากศาสนาผีดั้งเดิม
ภาพที่ 2 ภาพกระดานคกคุริหรือผีเหรียญของญี่ปุ่น ซึ่งจะให้เหรียญเป็นสื่อกลางชี้ตัวอักษรแทนแก้ว
แหล่งที่มาภาพ: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:%D0%9A%D0%BE%D0%BA%D0%BA%D1%83%D1%80%D0%B8-%D1%81%D0%B0%D0%BD.jpg
อย่างไรก็ตาม หากศึกษาประวัติความเป็นมาของเกมกระดานสื่อวิญญาณวีจา เกมนี้เกิดขึ้นในบริบทที่กระแสแนวคิดวิญญาณนิยม (Spiritualism) ได้รับความนิยมขึ้นหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ซึ่งมีเค้าลางก่อร่างเมื่อความเฟื่องฟูของแนวคิดเหตุผลนิยมและวิทยาศาสตร์ในโลกตะวันตกยุคเรืองรองทางปัญญา (Age of Enlightenment) ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางสังคมของอเมริกาที่มีระบบความเชื่อที่หลากหลาย อีกทั้งยังถูกลดทอนกำลังลงโดยกระแสการปลุกเร้าศรัทธาศาสนาครั้งใหญ่ (The Great Awakening) โดยเฉพาะการปลุกเร้าศรัทธาครั้งใหญ่ครั้งที่ 2 ที่ดำเนินอย่างเข้มข้นหลังสงครามระหว่างสหรัฐฯกับอังกฤษในปี ค.ศ. 1812 และแผ่อิทธิพลอย่างกว้างขวางไปสู่ผู้คนระดับล่างของสังคม ทำให้ผู้คนทุกเชื้อชาติเชื่อความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงพระเจ้าและเกิดการตีความความเชื่อใหม่ขึ้นมากมาย
กระแสการปลุกศรัทธาครั้งที่ 2 นี้ได้ส่งอิทธิพลทางอ้อมต่อกระแสวิญญาณนิยมที่ปรากฏขึ้นในช่วงทศวรรษ 1840 โดยผู้คนจำนวนหนึ่งมีมุมมองต่อโลกหลังความตายเปลี่ยนไปว่า โลกหลังความตายหรือโลกวิญญาณมิได้เป็นสถานที่หยุดนิ่งและแบ่งแยกจากโลกของคนเป็น แต่โลกวิญญาณซ้อนทับกับโลกของคนเป็นเสมือนเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน และวิญญาณของคนตายมิได้สูญเสียการตระหนักรับรู้ตนเองไปหลังจากสิ้นชีพ หากแต่เคลื่อนย้ายไปสู่โลกวิญญาณ อีกทั้งยังสามารถวิวัฒน์ตนเองให้สูงส่งกว่าคนเป็น และอาจสามารถติดต่อสื่อสารกับคนเป็นได้โดยผ่านการสร้างปรากฏการณ์ประหลาด การเข้าฝัน การสร้างนิมิตให้ผู้ที่วิญญาณต้องการติดต่อเห็น หรือสื่อสารผ่านผู้มีความสามารถเป็น “คนกลาง” ทั้งนี้ กลุ่มผู้ศรัทธาวิญญาณนิยมมิได้ปฏิเสธคำสอนหรือความเชื่อของศาสนาคริสต์ หากแต่แสวงหาความรู้ทางศีลธรรมโดยเชื่อว่า การสื่อสารกับวิญญาณที่วิวัฒน์สูงส่งกว่าและเข้าถึงพระเจ้าได้มากกว่าจะสามารถให้คำตอบที่ต้องการได้
กระแสวิญญาณนิยมเริ่มได้รับความสนใจจากเหตุการณ์ไขปริศนาบ้านผีสิงโดยสองพี่น้องคนทรงตระกูลฟอกซ์ (Fox sisters) ในปีค.ศ. 1848 และทวีชื่อเสียงแพร่หลายช่วงหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ค.ศ. 1861-1865 เหตุผลด้านหนึ่งคือ กลุ่มวิญญาณนิยมเดิมทีเป็นผู้สนับสนุนแนวคิดการปฏิรูปสังคมด้านต่าง ๆ และใช้พิธีกรรมเข้าทรงในการถ่ายทอดแนวคิดนั้น อีกด้านหนึ่งคือ ความโหดร้ายรุนแรงของสงครามที่ถูกเผยแพร่ผ่านเทคโนโลยีภาพถ่ายและการเสียชีวิตสูญหายของผู้คนจำนวนมากทำให้ครอบครัวต่างโหยหาต้องการรู้ชะตากรรมของสมาชิกในครอบครัว การติดต่อวิญญาณผ่านคนทรงจึงได้รับความนิยมแพร่หลายจนกลายเป็นธุรกิจสร้างชื่อเสียงความมั่งคั่ง และทำให้คนทรงกลายเป็นอาชีพที่ถืออภิสิทธิ์ในการติดต่อกับวิญญาณ
ภาพที่ 3 สามพี่น้องคนทรงตระกูลฟอกซ์ (Fox sisters) ไล่จากซ้ายไปขวา
ได้แก่ มากาเร็ตต้า (Magaretta), เคท (Kate) และเลอาห์ (Leah)
แหล่งที่มาภาพ: https://en.wikipedia.org/wiki/Fox_sisters#/media/File:Mrs._Fish_and_the_Misses_Fox_LCCN2002710596_(cropped).jpg
ชื่อเสียงและผลประโยชน์จากกระแสวิญญาณนิยมดึงดูดให้ผู้คนมากมายแข่งขันสร้างสรรค์วิธีการต่าง ๆ ในติดต่อวิญญาณทั้งในรูปแบบพิธีกรรมจริงจัง และรูปแบบความบันเทิง วิธีการหนึ่งที่คิดค้นขึ้นคือ กระดานสื่อวิญญาณ (planchette) ซึ่งกลุ่มผู้ศรัทธาวิญญาณนิยมจำนวนหนึ่งในยุโรปคิดค้นขึ้นช่วงทศวรรษ 1850 และเผยแพร่ไปยังสหรัฐฯ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน กลุ่มผู้ศรัทธาวิญญาณนิยมที่คิดค้นกระดานนี้เชื่อว่า วิญญาณสามารถใช้พลังควบคุมแผ่นกระดานโดยตรงหรือผ่านมือของผู้ที่แตะแผ่นกระดานนี้ให้เคลื่อนไปมาเขียนสิ่งที่ต้องการสื่อสารกับผู้คนได้
ด้วยเหตุที่กระดานสื่อวิญญาณสามารถทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” แทนคนทรงหรือบาทหลวงได้ ทำให้ช่วงแรกหลังจากกระดานนี้แพร่หลาย ฝ่ายองค์กรศาสนาและกลุ่มคนทรงแสดงความวิตกกังวลและต่อต้านการใช้แผ่นกระดานนี้โดยอ้างว่า กระดานนี้อาจถูกใช้อย่างไม่ถูกต้องโดยมือสมัครเล่นที่ไม่มีความรู้การอัญเชิญวิญญาณ และอาจอัญเชิญภูตผีปีศาจนำอันตรายมาสู่สังคม กระดานนี้จึงได้รับความนิยมอย่างจำกัดและมีการเล่นกันภายในบ้านเรือนในฐานะสื่อบันเทิงเฉพาะกลุ่ม อย่างไรก็ตาม เมื่อกระดานนี้เผยแพร่ไปยังสหรัฐฯ กลับได้รับความนิยมล้นหลามในค่ายลัทธิวิญญาณนิยมหลังสงครามกลางเมือง
ภาพที่ 4 แผ่นกระดานสื่อวิญญาณ (planchette) ช่วงก่อนกระดานวีจา
ซึ่งขีดเขียนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ลงบนกระดาษโดยตรง
แหล่งที่มาภาพ: https://en.wikipedia.org/wiki/Planchette#/media/File:1860_Cottrell_Cornhill_Boston2.png
อย่างไรก็ตาม รอยขีดเขียนจากกระดานสื่อวิญญาณเช่นนี้มักไม่ชัดเจนและผู้เล่นต้องตีความเอง ทำให้มีการต่อยอดความคิด โดยเปลี่ยนการให้วิญญาณขีดเขียนเป็นการเลื่อนเลือกตัวอักษรต่าง ๆ ผสมเป็นคำและประโยคแทน สิ่งนี้คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของกระดานสื่อวิญญาณวีจา และถูกจดสิทธิบัตรเป็นทางการโดยเอลิจาห์ บอนด์ (Elijah Bond) ในปีค.ศ. 1890 และแพร่กระจายความนิยมออกไปนอกสหรัฐฯ เมื่อครอบครัวในยุโรปต่างโหยหาอยากรู้ชะตากรรมของผู้เป็นที่รักที่สูญหายในสงครามโลกครั้งที่ 1 เฉกเช่นเดียวกับครอบครัวชาวอเมริกันในสงครามกลางเมือง และเผยแพร่ไปทั่วโลกช่วงยุคสงครามเย็นในฐานะบอร์ดเกม
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่ากระดานสื่อวิญญาณได้กลายเป็นเครื่องมือช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสัมผัสประสบการณ์ในการติดต่อกับวิญญาณ รวมถึงเปลี่ยนแปลงทัศนคติความเชื่อเรื่องผี จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติที่ต้องเคารพเชื่อฟังอย่างไร้ข้อกังขากลายเป็นวิญญาณผู้ล่วงลับที่ยังดำรงอยู่ร่วมกับคนเป็น หากมองข้ามความกลัว ผีถ้วยแก้วก็มีสถานะไม่แตกต่างจากโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อกับคนตาย
แม้ปัจจุบันสังคมให้ความสำคัญกับการใช้เหตุผลเชิงตรรกะและแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์ในการหาคำตอบและตรวจสอบความจริงก็ยังเปิดกว้างต่อมุมมองความเป็นไปได้ที่วิญญาณอาจมีอยู่จริง ดังนั้น ผีก็อาจเป็น “เพื่อนเล่น” ของคนเป็นต่อไปจนกว่าแนวคิดทางวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ทราบได้ชัดเจนว่าผีไม่มีอยู่จริง
ภาพที่ 5 หนังสือเรื่อง “ผีถ้วยแก้ว บอร์ดเกมสื่อวิญญาณ” พร้อมกระดานและอุปกรณ์สำหรับเล่น
แหล่งที่มาภาพ: https://bit.ly/3BKFuzp
บรรณานุกรม
McRobbie, Linda Rodriguez. (2013, 27 October). The Strange and Mysterious History of the Ouija Board. Smithsonian Magazine. https://www.smithsonianmag.com/history/the-strange-and-mysterious-history-of-the-ouija-board-5860627/
Orbanes, Philip E. (2004). The Game Makers: The Story of Parker Brothers from Tiddledy Winks to Trival Pursuit. Massachusetts: Harvard Business School Publishing.
Wikipedia. (2024) Spiritualism (movement). https://en.wikipedia.org/wiki/Spiritualism_
(movement).
พิมพ์พิชญา อิศรางกูร ณ อยุธยา. (2563). การนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ภายใต้บริบทวิญญาณนิยม กรณีศึกษารายการช่องส่องผี. ภาคนิพนธ์ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
เนื่อง นิลรัตน์. (2529, 10 สิงหาคม). รำลึกความหลังในวังสวนสุนันทา. ศิลปวัฒนธรรม. 7(10). https://www.silpa-mag.com/culture/article_21964