Muse Pop Culture
ว่าด้วยเรื่องของ...นรกอเวจี
Muse Pop Culture
21 ก.ย. 65 400

ผู้เขียน : Administrator

 

นรกภูมิ เป็นตอนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องไตรภูมิ เป็นเรื่องราวหลังความตายของมนุษย์ในอีกภพภูมิหนึ่ง แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยอมรับและมีความเชื่อในเรื่องนี้แพร่หลายมาอย่างยาวนาน ในความรู้สึกนึกคิดของคนไทยในอดีตจะเข้าใจว่า นรกภูมิเป็นแผนที่ หรือภาพเขียนที่มีลักษณะคล้ายเส้นทางเดินต่อเนื่องกันไปในแต่ละขุมนรก แสดงการลงโทษผู้ที่ประพฤติตนไม่ถูกต้อง มีลำดับขั้นความหนักเบาของโทษทัณฑ์ตามประเภทของความผิดที่ได้กระทำ เรื่องราวเหล่านี้แม้ว่าจะมิได้เป็นหลักธรรมที่แท้จริง แต่ก็เป็นความยึดมั่นมาแต่อดีต

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทัวร์มหานรกทั้ง 8 ชั้น ในคติความเชื่อของคนไทยแต่โบราณ แต่ละขุมนั้นจะน่ากลัว ทุกข์ทรมาน และโดนลงทัณฑ์กี่แสน แสน ล้านปี หรือมากกว่านั้นไปทัวร์กันเลย

 

 

ชั้นที่ 1 ชื่อว่า สัญชีวมหานรก

หรือนรกไม่มีวันแตกดับ เป็นนรกขุมแรกที่อยู่ใต้เขาตรีกูฏ มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดามหานรกทั้งหมด สัตว์นรกในขุมนี้แม้ถูกลงโทษจนตายจะฟื้นมีชีวิตรับโทษใหม่อีกเป็นอยู่ดังนี้โดยตลอด ผู้ลงโทษ คือ นายนิรยบาลจับมัดแล้วบังคับให้นอนลงเหนือแผ่นเหล็กแดงที่ร้อนด้วยไฟนรก ถูกฟันด้วยดาบนรกอันคมกล้าจนร่างกายขาดเป็นท่อนๆ ถูกถาก ถูกเฉือนเนื้อจนหมดร่างกาย เหลือแต่เพียงโครงกระดูก เมื่อสิ้นใจตายจะมี “ลมกรรม” พัดมาต้องกายให้กลับฟื้นขึ้นมาอีก แล้วก็รับทุกข์ทรมานจากนายนิรยบาลเหมือนเช่นเดิม

โดยมีอายุขัยของสัญชีวมหานรกเท่ากับ 500 ปีนรก 1 วันในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแล้ว เท่ากับ 9 ล้านปีของมนุษยโลก ถ้า 500 ปีนรก ก็เท่ากับ 1,620,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

 

 

ชั้นที่ 2 ชื่อว่า กาฬสุตตมหานรก

หรือ มหานรกด้ายดำ ชีวิตในกาฬสุตตมหานรก มีขนาดใหญ่กว่าสัญชีวมหานรก สัตว์นรกในขุมนี้จะถูกตีหรือขึงด้วยเส้นเชือกสีดำ (เหมือนที่ช่างไม้ใช้เชือกชุบสีดำตีลงเป็นแนวในเนื้อไม้ เพื่อสะดวกในการเลื่อยหรือไส) จะถูกนายนิรยบาลจับมัดให้นอนเหนือแผ่นเหล็กแดงที่ร้อนแรงด้วยไฟนรก แล้วเอาด้ายดำซึ่งทำด้วยเหล็กนรกใหญ่โตเท่าลำตาล มาตีบนร่างของสัตว์นรกซึ่งเป็นร่างกายที่ใหญ่โตมาก จนทำให้เป็นรอยเส้น แล้วก็ทำการเลื่อย ด้วยเลื่อยนรกอันลุกแดงด้วยแสงไฟ ค่อยๆ เลื่อยไปจนกายขาดเป็นท่อนๆ จนกว่าจะถึงอายุขัยตายไปจากนรกขุมนี้

โดยมีอายุขัยของกาฬสุตตมหานรกเท่ากับ 1,000 ปีนรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแล้ว เท่ากับ 36 ล้านปีของมนุษยโลกเท่ากับ 12,960,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

 

 

ชั้นที่ 3 ชื่อว่า สังฆาฏมหานรก

มหานรกที่ถูกภูเขาเหล็กบดขยี้ร่างกาย มีภูเขาเหล็กสูงใหญ่ ลุกโพลงด้วยไฟ กลิ้งบดทับเหล่าสัตว์นรกให้จมลงไปในแผ่นดิน เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบประพฤติผิดในกามเป็นส่วนมากชีวิตในสังฆาฏมหานรก สัตว์ในสังฆาฏมหานรกนี้มีร่างกายพิกลพิการต่างๆ และมีรูปร่างแปลก พิลึก เช่น บางตนมีหัวเป็นควาย มีตัวเป็นคน บางตัวมีหัวเป็นคน มีตัวเป็นควาย บางตัวมีหัวเป็นหมา หมู เป็ด ไก่ แต่มีตัวเป็นคน มีความวิปริตแห่งกายพิกลสุดที่จะพรรณนาให้ถูกต้องหมดสิ้นได้ แม้จะถูกไฟเผาไหม้แล้วสัตว์นรกนั้นก็ไม่ได้ตายง่ายๆ ในไม่ช้าจะมีภูเขาเหล็กนรก 2 ลูก กลิ้งมาบีบขยี้ร่างกายของสัตว์นรกนั้นให้แหลกลาญ เปรียบเหมือนหีบอ้อยที่บดอ้อยให้แหลกละเอียดฉะนั้น

โดยมีอายุขัยของสังฆาฏมหานรกเท่ากับ 2,000 ปีนรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแล้ว เท่ากับ 144 ล้านปีของมนุษยโลก ถ้า 2,000 ปีนรก ก็เท่ากับ 103,680,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

 

 

ชั้นที่ 4 ชื่อว่า โรรุวมหานรก

สัตว์นรกขุมนี้ต้องรับทุกขเวทนาในดอกบัวเหล็ก โดยวิธีที่แปลกประหลาด คือ ต้องนอนคว่ำหน้าอยู่กลางดอกบัวเหล็กอันโตใหญ่ ศีรษะมิดเข้าไปในดอกบัวแค่คาง ปลายเท้าจมมิดเข้าไปในดอกบัวเหล็กแค่ข้อเท้า มือทั้งสองข้าง ก็กางจมมิดเข้าไปในดอกบัวเหล็กแค่ข้อมือ นอนคว่ำหน้าอยู่ด้วยอาการพิลึกพิกลเช่นนั้น เปลวไฟก็ปรากฏขึ้น เผาไหม้ดอกบัวเหล็กพร้อมกับสัตว์นรกเหล่านั้น เปลวไฟแลบเข้าหูซ้ายออกหูขวา ต้องทนทุกขเวทนาอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะถึงอายุขัยตายไปจากนรกขุมนี้ เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบ พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ มีวจีกรรมชั่วหยาบเป็นส่วนมาก

โดยมีอายุขัยของโรรุวมหานรกเท่ากับ 4,000 ปีนรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแล้ว เท่ากับ 576 ล้านปีของมนุษยโลก ถ้า 4,000 ปีนรก ก็เท่ากับ 829,440,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

 

 

ชั้นที่ 5 ชื่อว่า มหาโรรุวมหานรก

มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องระงมครวญครางมากมาย สัตว์ทั้งหลายที่ต้องตกไปอยู่ในนรกขุมนี้ ต้องเข้าไปยืนอยู่ในดอกบัวเหล็กนรกซึ่งมีกลีบคมเป็นกรด มิหนำซ้ำยังร้อนแรงแดงฉานไปด้วยไฟนรก ซึ่งลุกโพลงอยู่ในดอกบัวเป็นเนืองนิตย์ เผาไหม้สัตว์นรกซึ่งอยู่ในดอกบัวนั้น ตั้งแต่ศีรษะจรดพื้นเท้า เปลวไฟแลบเข้าทวารทั้ง 9 เผาไหม้ทั้งข้างในข้างนอก ทั้งยังถูกนายนิรยบาลถือกระบองเหล็กอันมีไฟลุกโชน ตีกระหน่ำลงบนศีรษะซ้ำเข้าไปอีกจนแตกยับ เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบ ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือเสพสิ่งมึนเมา ยาเสพติดเป็นส่วนมาก

โดยมีอายุขัยของมหาโรรุวมหานรกเท่ากับ 8,000 ปีนรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแล้ว เท่ากับ 2,304 ล้านปีของมนุษยโลก ถ้า 8,000 ปีนรก ก็เท่ากับ 6,635,520,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

 

 

ชั้นที่ 6 ชื่อว่า ตาปนมหานรก

ชีวิตในตาปนมหานรก สัตว์ทั้งหลายที่ตกไปอยู่ในนรกขุมนี้ จะถูกนายนิรยบาลไล่ให้ขึ้นไปบนปลายหลาวเหล็กซึ่งโตเท่าลำตาล และแดงฉานด้วยเปลวไฟ เสียบสัตว์นรกบนปลายหลาวนั้น ไฟไหม้สัตว์นรกนั้นเป็นนิจนิรันดร์ เนื้อหนังของสัตว์นรกนั้นก็สุกพองไปด้วยอำนาจไฟนรก พอสุกแล้วจะมีสุนัขนรกรูปร่างแปลกประหลาดมีขนาดตัวเท่าช้าง ร้องเสียงดังกึกก้องด้วยความหิวกระหาย วิ่งเข้ามาหาสัตว์นรกนั้น กระชากลากสัตว์นรกออกมาจากเหล็กหลาว เคี้ยวกินจนเหลือแต่กระดูก แล้วต้องกลับไปมีชีวิตใหม่ เป็นอย่างนี้จนกว่าจะหมดอายุขัยของตาปนมหานรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบ เล่นการพนัน หรือเกี่ยวกับการพนันเป็นส่วนมาก

โดยมีอายุขัยของตาปนมหานรกเท่ากับ 16,000 ปีนรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแล้วเท่ากับ 9,216 ล้านปีของมนุษยโลก ถ้า 16,000 ปีนรก ก็เท่ากับ 53,084,160,000 ล้านปีในเมืองมนุษย์

 

 

ชั้นที่ 7 ชื่อว่า มหาตาปนมหานรก

สัตว์นรกขุมนี้ อยู่ที่ลึกและกว้าง มีกำแพงเหล็กลุกเป็นไฟล้อมรอบ ภายในกำแพงกว้างขวางใหญ่โต มีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟตั้งอยู่เป็นลูกๆ ตามพื้นข้างๆ ภูเขานั้นมีขวากเหล็ก แหลมคม ปักเรียงรายอยู่เหนือพื้นเหล็กแดงซึ่งร้อนแรงด้วยไฟมากมาย นายนิรยบาลทั้งหลายต่างถืออาวุธ หอก ดาบ แหลน หลาว ลุกแดงด้วยแสงไฟไล่ทิ่มแทงสัตว์นรก บังคับให้ขึ้นไปบนภูเขาไฟอันแดงฉาน และก็มีลมกรด อันร้อนแรง พัดมาด้วยกำลังแห่งลมนรก ให้สัตว์นรกพลัดตกมาจากยอดเขา ตกลงมาถูกลวดหนาม ซึ่งมีอยู่ในเบื้องล่าง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดง มหานรกขุมนี้เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบ เที่ยวกลางคืน มัวเมาในอบายมุข เป็นนักเลงอบายมุขเป็นส่วนมาก

โดยมีอายุขัยของมหาตาปนมหานรก มีอายุประมาณครึ่งอันตรกัป (1 กัลป์เทียบได้กับเวลาที่ภูเขาสูง 1 โยชน์ กว้าง 3 โยชน์ ซึ่งทุก ๆ 100 ปี จะมีเทวดาเอาผ้าทิพย์ซึ่งบางดุจควันไฟมาถูภูเขา เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าภูเขาจะราบเสนมอแผ่นดิน จึงเรียกได้ว่าสิ้นกัลป์หนึ่ง ซึ่ง 1 กัลป์เท่ากับ 64 อสงไขยปี และอสงไขยปีเท่ากับเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 140 ตัว)

 

 

ชั้นที่ 8 ชื่อว่า อเวจีมหานรก

อเวจีมหานรก หมายถึง มหานรกที่ปราศจากคลื่น คือ ความเบาบางแห่งความทุกข์ ระหว่างเปลวไฟและความทุกข์ไม่มีว่างเว้นเลย เป็นมหานรกขุมสุดท้าย ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีโทษแห่งการกระทำหนักที่สุด และมีอายุขัยนานที่สุดชีวิตในอเวจีมหานรก สัตว์นรกในขุมนี้จะได้รับความทุกข์แสนสาหัส เป็นนรกที่ขุมใหญ่ที่สุด ราวกับเมืองใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็ก ภายในมีเปลวไฟร้อนระอุไหม้สัตว์นรกอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางคืนกลางวันไม่มีว่างเว้น อายุของสัตว์นรกขุมนี้คือ 1 กัลป์

อเวจีมหานรก เป็นนรกสำหรับคนบาปหนา ผู้มีใจโหดเหี้ยมอำมหิต คือ ผู้ที่ทำบาปหนัก กรรมหนัก ซึ่งในพระพุทธศาสนาหมายถึงคนที่ทำอนันตริยกรรม ได้แก่ ผู้ที่ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ไม่ว่าจะทำเองหรือใช้ให้คนอื่นทำก็ตาม ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตห้อ และการทำสังฆเภท คือ ยุยงหรือทำลายสงฆ์ให้แตกเป็นสองฝ่าย

บุคคลสำคัญที่เคยใช้กรรมอยู่ในอเวจีนรก คือ พระเทวทัต ผู้ทำอนันตริยกรรม หรือการพยายามปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า หลังสิ้นชีพพระเทวทัตก็ลงมาเกิดในมหานรกขุมนี้ทันทีในร่างสัตว์นรกสูง 300 โยชน์ เสวยทุกข์ในห้องสี่เหลี่ยมพร้อมหลาวเหล็กขนาดเท่าต้นตาล แท่งแรกแทงจากข้างหลังทะลุด้านหน้า แท่งที่ 2 แทงทะลุสีข้างซ้าย-ขวา และแท่งสุดท้ายเสียบกลางศรีษะทะลุกลางลำตัวลงมาด้านล่าง โดยปลายหลาวเหล็กทุกด้านถูกยึดติดเพดานของห้องสี่เหลี่ยนนั้น

 

ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก
https://www.dmc.tv
ภาพจาก ไตรภูมิ ฉบับรัชกาลที่ 9, กระทรวงวัฒนธรรม, 2554

แกลเลอรี่


ย้อนกลับ