เคยสังเกตบ้างมั้ย เวลาเดินทางไปจังหวัดทางภาคอีสาน
ทำไมชื่อจังหวัด หรือชื่ออำเภอ จึงเว่อร์วังอลังการปานนั้น
ราวกับชื่อเมืองในนิทานของสุนทรภู่ หรือละครจักรๆ วงศ์ๆ อย่างไงอย่างงั้น
ศัพท์ของเทิ่ง สติเฟื่อง เรียก “เริ่ดสะแมนแตน”
แต่ศัพท์ของมิวเซียมสยาม ขอเรียกว่า จะ “ไฉไลไปไหน” เหรอคะ
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เราขอนำตัวอย่างจาก 3 จังหวัดทางตอนกลางของภาคอีสานมาพูดถึงเป็นกรณีศึกษาในคราวนี้
คือจังหวัด กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม
ชื่อจังหวัด และหลายๆ อำเภอ ในจังหวัดเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เคยเป็นชื่อเมืองมาแล้วทั้งสิ้น
บ้างเป็นหัวเมืองใหญ่ บ้างเป็นเมืองเล็กเมืองน้อยเมืองบริวารมาก่อน
ตั้งแต่สมัยที่เรายังคงปกครองแบบหัวเมืองชั้นเอก ชั้นโท ตรี จัตวา
ก่อนจะยกเลิกไปในสมัยปลาย ร.5 เมื่อมีการปฎิรูประบบราชการใหม่ เปลี่ยนเป็นการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลแทน
กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม แต่เดิมถือเป็นเมืองประเทศราชของสยาม
เป็นเมืองลาว ชายขอบขัณฑสีมา
การตั้งชื่อเมืองให้ใหม่มาจากส่วนกลางคือราชสำนักกรุงเทพ
มักใช้คำศัพท์สูงส่ง ที่มีรากมาจากภาษาสันสกฤต และมีความหมายที่เกี่ยวเนื่องกับชื่อเมืองเดิม หรือทำเลที่ตั้งของเมือง
นามใหม่อันเพริศแพร้ว เป็นการแสดงอำนาจของส่วนกลางที่มีต่อหัวเมืองต่างชาติต่างภาษาอันห่างไกลนั่นเอง
ใช่มั้ยเพคะเสด็จพี่
ราชสำนักกรุงเทพจัดให้
จาก “บ้านแก่งสำโรง” สู่ “กาฬสินธุ์”
แต่ดั้งเดิมนั้นเป็นเมืองขน
ครั้นถึงปี 2336 เจ้าเมืองได้เข้าสวามิภักดิ
จึงสถาปนาเมืองขึ้นใหม่ แยกออกมาจากเมืองท่งศรีภูมิ
แล้วให้ชื่อใหม่ ไฉไลไปไหน ว่า “กาฬสินธุ์”
แปลว่า “น้ำดำ”
เพราะลำน้ำปาวมีสีคล้ำจากดิ
กมลาไสย
ครั้นปี 2409 ในสมัย ร.4 นั้น
ก็มีการตั้งเมืองขึ้นใหม่อี
เมืองแห่งใหม่นี้มีทำเลที่ต
เป็นปากน้ำจุดที่ไหลมาบรรจบ
ราชสำนักกรุงเทพจึงตั้งชื่อ
อันแปลว่า ที่อาศัยของดอกบัว หรือบึงบัวนั่นเอง
จาก “บ้านพันลำ” สู่ “สหัสขันธ์”
แต่เดิมที่ตรงนี้เป็นชุมชนข
ครั้นถึงปี 2410 ในสมัย ร.4
จึงยกขึ้นเป็นเมือง แยกออกมาจากกาฬสินธุ์
ราชสำนักกรุงเทพเปลี่ยนนามใ
อันแปลว่า ลำน้ำพันสาย ตามชื่อพื้นเมืองแต่เดิม
ราชสำนักกรุงเทพจัดให้
จาก “ท่ง” สู่ “สุวรรณภูมิราชบุรินทร์”
ชื่อนี้หาใช่ชื่อสนามบินไม่
แต่เป็นชื่อของเมืองโบราณมา
เดิมชื่อเมือง “ท่ง” หรือ “ท่งศรีภูมิ”
เป็นหัวเมืองในอาณัติของราช
ต่อมาในปี 2315 เจ้าเมืองท่งหันมาสวามิภักด
พระเจ้ากรุงธนจึงอวยยศเปลี่
ถือเป็นเมืองประเทศราชของกร
ลุถึงปี 2338 ในสมัย ร.1 เรียกชื่ออย่างไฉไลไปไหนเข้
ให้มันรู้ไปว่าจะเอ้อเอิงเอ
ปัจจุบัน สุวรรณภูมิ เป็นชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวั
เกษตรวิสัย
เมืองใหม่ที่แยกตัวออกมาจาก
ราชสำนักกรุงเทพจึงพระราชทา
สมัยต่อมา เมื่อเมืองกลายเป็นอำเภอหนึ
เคยใช้ชื่อบ้านๆ ว่า อำเภอ “หนองแวง”
แต่ต่อมาก็กลับมาใช้ “เกษตรวิสัย” ตามเดิม
ด้วยเป็นชื่อที่แต่งตั้งมา และไฉไลไปไหนดี
จาก “บ้านเมืองแสน” สู่ “พนมไพรแดนมฤค”
ในสมัยกรุงธนบุรี เป็นเมืองแถบลุ่มน้ำชี ชื่อว่า “บ้านเมืองแสน”
ขึ้นตรงต่อเมืองสุวรรณภูมิ
ครั้นถึงปี 2421 ในสมัย ร.5 ได้สถาปนาเป็นเมือง
ตั้งชื่อให้คล้องจองกับเมือ
ต่อมาเปลี่ยนเป็น “พนมไพรแดนมฤค”
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยุบให้สั้นเหลือเพียงอำเภอพ
จาก “บ้านเมืองหงส์” สู่ “จตุรพักตรพิมาน”
แต่เดิมเป็นชุมชนขนาดเล็กชื
สังกัดเมืองสุวรรณภูมิ
ต่อมาในปี 2425 ในสมัย ร.5 ได้สถาปนาขึ้นเป็นเมือง
แล้วตั้งลูกเจ้าเมืองสุวรรณ
ขึ้นมาครองเมืองใหม่แห่งนี้
แปลว่า ที่อยู่ของเทพผู้มีสี่หน้า ซึ่งก็คือพระพรหม หรือท้าวพรหมเจ้าเมืองนั่นเ
ราชสำนักกรุงเทพจัดให้
จาก “บ้านลาดกุดยางใหญ่” สู่ “มหาสาลคาม”
ในปี 2402 สมัย ร.4 นั้น เจ้าเมืองร้อยเอ็ดมีใบบอกจะ
โดยตั้งเมืองตรงตำแหน่งที่ล
ชาวบ้านเรียกหนองน้ำนี้ว่า กุดยางใหญ่ ด้วยมีต้นยางขนาดใหญ่ขึ้นอย
และเรียกเมืองที่ตั้งขึ้นให
จวบจนปี 2408 จึงได้พระราชทานชื่อใหม่ยกข
มหา แปลว่า ใหญ่ / สาละ คือต้นสาละ หมายถึงต้นยาง / ส่วน คาม นั้นสิ มีปัญหา
เพราะเป็นการแปลจากส่วนกลาง
ด้วยเข้าใจไปว่า “กุด” หมายถึง “กุฏิ” ที่แปลว่าเรือนอยู่อาศัย บ่ใช่หนองน้ำไม่
อาลักษณ์ทางกรุงเทพจึงถอดคว
เมือง “มหาสาลคาม” ของราชสำนักกรุงเทพ จึงหมายถึง หมู่บ้านต้นยางใหญ่
แทนที่จะเป็นหนองน้ำต้นยางใ
ต่อมาเพี้ยนไปเป็น “มหาสารคาม” เช่นในปัจจุบัน
จาก “บ้านหนองแสง” สู่ “วาปีประทุม”
ในปี 2424 สมัย ร.5 ได้ยก “บ้านนาเลา” หรือ “บ้านหนองนาเลา” ขึ้นเป็นเมือง
พอปีถัดไป ได้ย้ายเมืองมาตั้งที่ “บ้านหนองแสง”
ด้วยเป็นที่ที่มีหนองน้ำกว้
จึงตั้งชื่อไฉไลไปไหนว่า “วาปีประทุม” ตามลักษณะที่ตั้งของเมือง
วาปี แปลว่า หนองน้ำ หรือบึง
วาปีประทุม จึงแปลว่า บึงบัว นั่นเอง
ชื่อ “วาปีประทุม” นี้ตั้งขึ้นพร้อมกันกับชื่อ
และมีความหมายเป็นดงดอกไม้เ
จาก “บ้านดงวังท่า” สู่ “โกสุมพิสัย”
เดิมเป็นชุมชนชื่อ “บ้านดงวังท่า” หรือ “บ้านวังท่าหอขวาง”
ต่อมาในราวปี 2424 สมัย ร.5 ได้ตั้งขึ้นเป็นเมือง ให้ชื่อไฉไลไปไหนว่า “โกสุมพิสัย”
แปลว่า ดงดอกไม้
โดยตั้งขึ้นให้คล้องจองกัน เป็น “วาปีประทุม” “โกสุมพิสัย”
เมืองหนึ่ง บึงบัว อีกเมืองหนึ่ง ดงดอกไม้
จาก “บ้านเมืองเสือ” สู่ “พยัคฆภูมิพิสัย”
เมืองใหม่ที่ตั้งขึ้นในปี 2422 สมัย ร.5 ที่ “บ้านนาข่า”
ต่อมา ถึงปี 2436 จึงย้ายไปตั้งเมืองที่ “บ้านปะหลาน” ซึ่งอยู่ใกล้กับ “บ้านเมืองเสือ”
ราชสำนักจากกรุงเทพจึงตั้งช
ซึ่งแปลว่า ดินแดนแห่งเสือโคร่ง
เว่อร์วังอลังการดีมั้ยเพคะ
เครดิตภาพ
iammanussite.com
#MuseumSiam
#ให้ทุกการเรียนรู้สนุกกว่าที่คิด