ช้างไทยไปนอก ตอนที่ 3 ช้างศึกส่งออก

Muse Pop Culture

14 ก.พ. 67
633
ช้างไทยไปนอก ตอนที่ 3
ช้างศึกส่งออก
นอกจากช้างไทย จะไปนอก ผ่านการเป็นช้างบรรณาการตัวเป็นๆ
หรือเป็นช้างสำริดพระราชทาน ดังที่มิวเซียมสยามได้นำเสนอมาแล้วใน 2 ตอนที่ผ่านมา
สยามเรายังส่งช้างไทยไปเป็น “สินค้า” ขายอินเดียอีกด้วย
ในนามของ “ช้างศึก”
ไม่ใช่ทีมฟุตบอล แต่เป็นช้างทำสงคราม
เป็นรถถังในการประจันบานกันของรัฐในสมัยโบราณนั่นเอง
ถึงขนาดที่ว่าช้างศึกเกือบทุกเชือกในอินเดียล้วนมาจากสยามแทบทั้งสิ้น
เราใช้ท่าเรือเมืองมะริด/ตะนาวศรี ที่ในขณะนั้นเป็นของสยาม (ปัจจุบันอยู่ในพม่า)
โหลดช้างลงเรือ ส่งไปปลายทางที่ท่าเรือของรัฐเบงกอล ทางอินเดียตอนเหนือ
และรัฐกอลกอนดะฮ์ ทางชายฝั่งอินเดียใต้

ช้างไทยไปเบงกอล
รัฐสุลต่านเบงกอล (Bengal) ตั้งอยู่แถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย
(บริเวณเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย และเมืองธากา/ดักกา ประเทศบังกลาเทศ ในปัจจุบัน)
เป็นรัฐอิสลามภายใต้อาณัติของอาณาจักรมุฆูล (โมกุล หรือ Mughal)
ตรงกับรัชสมัยคิงปราสาททอง และคิงนารายณ์ แห่งอยุธยาของเรา (ราว 350-400 ปีมาแล้ว)
ราชสำนักมุฆูลก็ใช้ช้างเช่นเดียวกับสยาม คือเป็นพาหนะทรงของมหาราชา
ใช้ในขบวนแห่ในราชพิธีต่างๆ และยังใช้ช้างในการศึกอีกด้วย
ปี 2179 ในสมัยคิงปราสาททอง เบงกอลส่งทูตมาขอซื้อช้างสยามไปเป็นจำนวนถึง 50 เชือก
ต่อมาปี 2186 ส่งทูตมาซื้ออีก 12 เชือก
สยามใจดี จัดส่งให้เพิ่มอีก 2 เชือก เป็นบรรณาการให้กับเจ้าชายแห่งเบงกอล
การค้าช้างมาคึกคักสุดเมื่อเข้ารัชสมัยคิงนารายณ์
เรือจากอินเดียเข้าเทียบท่าที่มะริดเต็มอ่าวไปหมด
ปี 2223 พ่อค้าจากเบงกอลขนช้างกลับไป 21 เชือก / ปี 2225 อีก 22 เชือก / ปี 2226 อีก 19 เชือก
ส่วนในปี 2225 ราชสำนักสยามยังทำการค้าเชิงรุก แต่งสำเภาหลวงส่งช้างไปขายถึงที่เบงกอลเสียเอง จำนวนมากถึง 122 เชือกเชียวนะฮับ!
เครดิตภาพ
Museum of Islamic Art, Doha
The Metropolitan Museum of Art

ช้างไทยไปกอลกอนดะฮ์
รัฐสุลต่านกอลกอนดะฮ์ (Golconda) ตั้งอยู่ตอนในของคาบสมุทร ทางอินเดียตอนใต้
(บริเวณเมืองไฮเดอราบัด ในปัจจุบัน)
ในช่วงที่ตรงกับรัชสมัยคิงนารายณ์ แห่งอยุธยาของเรา (ราว 350 ปีมาแล้ว)
มีการศึกคึกคักอยู่ ด้วยต้องสู้รบกับอาณาจักรมุฆูล (โมกุล หรือ Mughal) ทางเหนือ
มุฆูลเป็นรัฐยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ ต้องการกำราบรัฐเล็กรัฐน้อยต่างๆ ในคาบสมุทร
เพื่อผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมุฆูล
รัฐกอลกอนดะฮ์
ถึงแม้จะอยู่ในเขตอินเดียใต้ แต่กลับเป็นที่ราบสูง
อากาศแห้งแล้ง ไม่ใช่เขตมรสุม และที่สำคัญคือไม่มีช้าง
จึงต้องอิมพอร์ต “ช้างศึกสำเร็จรูปพร้อมรบ” จากสยามเข้ามาใช้งาน
พ่อค้าแขกจากกอลกอนดะฮ์จะขนผ้าอินเดียมาเต็มลำ
ส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้ายพิมพ์ลาย (Chintz) หรือผ้าฝ้ายเขียนลาย
เข้าจอดเทียบท่าที่เมืองมะริด
เพื่อเอาผ้ามาขาย แลกกับช้าง
เรียก “การค้าผ้าแลกช้าง”
รัฐกอลกอนดะฮ์มีเมืองมะสุลิปัตนัม (Masulipatnam) เป็นเมืองท่าสำคัญ
ว่ากันว่า ในปี 2225 ที่ท่าเรือเมืองมะสุลิปัตนัม มีเรือจากมะริด 6 ลำ
(ทั้งเรือสำเภาหลวงจากสยาม และเรือจากพ่อค้าแขก)
ขนช้างไปทั้งหมด 71 เชือก
และในปี 2227 มีเรือ 6 ลำ ขนช้างไปมากถึง 115 เชือก
เครดิตภาพ
National Museum of India, New Delhi
www.etsy.com

ช้างไทยไปยังไง
เฟสแรก เดินเท้า
จากกรุงศรีอยุธยา
ช้างไทยต้องเดินทางเป็น 2 เฟส
เฟสแรกเป็นการเดินทางทางบก จากกรุงศรี ลงใต้มุ่งสู่เมืองตะนาวศรี ที่ชายฝั่งอันดามัน
เพื่อขึ้นเครื่องที่ท่าเรือเมืองมะริด
เฟสสองเป็นการเดินทางทางทะเล ข้ามอ่าวเบงกอลไปยังจุดหมายปลายทางที่เมืองท่าชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย
การเดินทางเฟสแรก ใช้เวลาร่วม 1 เดือนครึ่ง
คาราวานช้างเดินเท้าผ่านเพชรบุรี ปราณบุรี กุยบุรี แล้วเดินทางผ่านช่องเขาตะนาวศรีที่ด่านสิงขร
ก่อนจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองตะนาวศรี/ท่าเรือมะริด
เส้นทางสุดแสนทรหด ต้องข้ามทิวเขา
ในฤดูมรสุม เมื่อพื้นเป็นโคลน จะทรมานบันเทิงยิ่งนัก
แถมบางช่วงต้องผ่านทางน้ำสายแคบๆ อันคดเคี้ยวแลไหลแรง

ช้างไทยไปยังไง
เฟสสอง ล่องเรือ
การโหลดช้างลงเรือสำเภาก็เป็นเรื่องยากเรื่องเสี่ยง
ที่ท่าเรือเมืองมะริด น้องๆ จะเริ่มเดินทางเฟสสองด้วยการลำเลียงมาในเรือท้องแบน เพื่อใช้ทรานสเฟอร์ต่อไปยังเรือสำเภา
เมื่อโหลดลงเครื่องแล้ว จะผูกเท้าน้องด้วยหวาย กันการเคลื่อนไหว
สำเภาลำหนึ่ง ความจุสูงสุดจะอยู่ที่ราว 26-27 เชือก
แล้วน้องกินอะไรระหว่างรอนแรม
ว่ากันว่า ช้างแต่ละเชือก จะกินกล้วยราว 70 ต้นเป็นอย่างน้อย ในแต่ละทริปของการข้ามสมุทรไปอินเดีย
นั่นคือ ถ้าสำเภาขนช้างไปเต็มระวาง จะต้องบรรทุกกล้วยไปเป็นเสบียงด้วยถึงราว 1,900 ต้น
ถ้าไปช่วงมรสุม การเดินทางข้ามอ่าวเบงกอลจะเพิ่มจาก 2 วีค เป็น 1 เดือน
น้องแต่ละเชือกต้องการกล้วยถึง 100 ต้นเป็นอย่างต่ำ สำหรับเป็นเสบียง
ใช่แล้ว หากขนน้องมาเต็มลำ จะต้องเตรียมป่ากล้วยไปด้วยถึง 2,700 ต้น
อยากมีประสบการณ์ร่วมกับธุรกิจค้าช้างศึกส่งอินเดียในสมัยอยุธยา
เชิญทุกท่านมางาน Night at the Museum 13
งานช้างไปพลางก่อน ตอน เรื่องเล่าจากปลายงวง
เจ้าสี่ขางางอน จากธรรมชาติ สู่อำนาจทางวัฒนธรรม
#สนุกยกโขลง #ตกมันยกแก๊ง #แล้วพบกันที่ทางช้างเผือกเครดิตภาพ
www.prahladbubbar.comwww.etsy.com