หากพูดถึง “ผี” อาจจะสร้างความรู้สึกเกรงๆ กลัวๆและท้าทายนิดๆ สำหรับหลายๆ คน
ผี เป็นใคร ทำไมเราถึงเกรง กลัวผีกัน เมื่อเราเกิดความรู้สึกกลัวผี เราจะทำอย่างไร เพื่อป้องกันผี หรือบรรเทาความรู้สึกกลัวผี
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ ผี กันก่อน แน่นอนว่า ผี ไม่ใช่สิ่งใหม่ คนเรารู้จักกับ ผี มายาวนานนับแต่ดึกดำบรรพ์
ผี หมายถึงสิ่งลี้ลับ สิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งเป็นระบบความเชื่อดั้งเดิมของมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ทั่วโลกเมื่อหลายหมื่นหลายพันปีมาแล้วก่อนมีศาสนา ความเชื่อเรื่องผี จึงเป็นความเชื่อสากลมีอยู่ในทั่วโลก และความเชื่อนี้ยังมีบทบาทในการรักษาวัฒนธรรมและจารีตของชุมชน ทำหน้าที่เป็นกลไกรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมและศีลธรรมด้วย นอกจากนี้ผี ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวาดกลัว ความลึกลับ และการเชื่อมโยงระหว่างโลกของคนเป็นและคนตาย
สำหรับผี ตามความเชื่อของไทยอาจจะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ผีฝ่ายดี และ ผีฝ่ายร้าย พระยาอนุมานราชธน (เสฐียรโกเศศ) กล่าวไว้ในหนังสือ ผี สาง เทวดาว่า “ ผีดีนั้นตามปกติไม่ให้ร้ายแก่ใคร เว้นไว้จะทำให้โกรธ ถ้ามีความเกรงกลัวนอบน้อมก็ไม่ให้ร้ายอะไร ส่วนผีร้ายนั้นเป็นผีพวกเกะกะระรานไม่ให้ดีแก่ใคร และผีจำพวกนี้แหละที่หลอกหลอนผู้คน ที่คนกลัวที่สุดก็เป็นผีจำพวกนี้เอง นอกจากนี้ยังมีผีอีกจำพวกหนึ่งเป็นผีคาบเส้น คือเป็นผีดีผีฟ้าก็ไม่เชิง เป็นผีร้ายก็ไม่เชิง บางทีเราเรียกว่า เทวดา บางทีเราเรียกว่า ผี เป็นจำพวกผีเทวดา... (กลิ่น คงเหมือนเพชร.2552: 1-2) ดังนั้นคนเรา จึงนับถือผี ยึดเอาเป็นที่พึ่ง และกลัวผี
แล้วเราทำอย่างไรบ้าง เมื่อเรา เกรง กลัว นับถืออำนาจของผี
นับแต่โบราณมาคนเรา บูชา พลีกรรมและสร้างสิ่งปกป้อง ป้องกันอำนาจเหนือธรรมชาติมาตลอด แม้ว่ามีความเจริญขึ้น เปลี่ยนแปลงความเชื่อไปตามโลกยุคใหม่ แต่ในสัญชาติญาณของคนยังมีสาระความเชื่ออำนาจลี้ลับเหล่านี้อยู่
ความเชื่อในเรื่องเครื่องรางป้องกันภูตผี หรือสิ่งชั่วร้ายมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละกลุ่ม อย่างชาวอียิปต์ตั้งแต่โบราณมามีความเชื่อว่า ดวงตาปีศาจ ช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ครอบครองให้รอดพ้นจากผู้คิดร้าย อำนาจมืด และสิ่งชั่วร้ายนานาประการ สัญลักษณ์รูปดวงตานั้นสื่อถึงดวงตาแห่งเทพฮอรัสหนึ่งในเทพเจ้าสำคัญของชาวอียิปต์ ซึ่งความเชื่อนี้สัมพันธ์กับความเชื่อในอาณาจักรกรีกและโรมัน ไปจนถึงอาณาจักรไบเซนไทน์ และอาณาจักรออตโตมันหรือตุรกี ปัจจุบันประเทศตุรกีถือเป็นประเทศที่มีความเกี่ยวพันกับสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจมากที่สุดประเทศหนึ่ง
ตาข่ายดักฝัน หรือ Dream Catcher ที่หลายคนรู้จักกันดี เป็นเครื่องรางตามความเชื่อของชาวอินเดียแดง ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องรางสำหรับเด็ก โดยออกแบบวงกลม ถักทอด้วยเส้นใย เป็นตาข่ายคล้ายใยแมงมุมตามความเชื่อว่ามีเทพธิดาแมงมุมซึ่งคอยปกป้องดูแลเด็กๆอยู่จากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ โดยตาข่ายแมลงมุมจะดักจับความฝันร้าย ผู้ใช้หลับฝันดี ยังมีความเชื่ออีกว่าช่วยป้องกัน ปัดเป่าสิ่งร้ายๆ ออกไป
แม้แต่วันฮาโลวีนที่เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต่างรอคอยเพื่อเฉลิมฉลองกันก็มีต้นกำเนิดมาจากความการป้องกันผีร้าย โดยเทศกาลฮาโลวีนมีต้นกำเนิดมาจากประเพณี Samhain ของชาวเคลต์ ชนเผ่าพื้นเมืองในยุโรปตะวันตกที่มีความเชื่อว่าวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีนั้นเป็นวันที่แบ่งช่วงสิ้นสุดของฤดูร้อนและการเริ่มต้นของฤดูหนาว เป็นช่วงเวลาที่โลกแห่งความตายและโลกคนเป็นมาบรรจบกัน วิญญาณของคนตายจะออกมาเดินเร่ร่อนบนโลกมนุษย์และจะสิงร่างของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ชาวเคลต์ จัดพิธีต้อนรับวิญญาณ ขอพรไม่ให้วิญญาณทำร้าย และเพื่อป้องกันผีร้าย ชาวเคลต์ จึงดับไฟ งดก่อไฟ ทำให้บ้านมืดสนิทเพื่อเพิ่มความหนาวเย็น บางคนจะแต่งตัวแต่งหน้าปลอมเป็นผีเดินตามท้องถนนเพื่อหลอกวิญญาณว่าเป็นพวกเดียวกัน และยังมีการจัดงานสังสรรค์เสียงดังเพื่อให้ผีตกใจกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้อีกด้วย ทำให้คืนวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีกลายเป็นธรรมเนียมที่ชาวเคลต์จะแต่งตัวออกมาหลอกเพื่อไม่ให้ภูติผีวิญญาณมาทำร้าย ซึ่งต่อมาก็ได้มีการเผยแพร่ไปยังประเทศอื่น ๆ จนเป็นเทศกาลที่นิยมฉลองกันทั่วโลก
สำหรับไทยเรา ในเรื่องการบูชาผีดี ป้องกันผีร้ายก็มีมาแต่โบราณเช่นเดียวกัน
กล่าวถึงเครื่องรางของขลัง เครื่องป้องกันผีแบบไทยนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่ น้ำมนต์ ผ้ายันต์กันผี พระเครื่อง เบี้ยแก้สิ่งชั่วร้าย ฯลฯ
แต่สิ่งที่เป็นที่นับถือและเป็นเครื่องรางของขลังยอดนิยมตลอดกาลในการป้องกันผี นั่นคือ ท้าวเวสสุวรรณ...ทำไมท้าวเวสสุวรรณถึงเป็นที่นับถือและบูชาเพื่อป้องกันภูตผีหรือสิ่งชั่วร้ายมาแต่โบราณ
เชื่อกันว่า ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพที่คอยปกปักรักษา คุ้มครอง และดูแลโลกมนุษย์ และขึ้นชื่อเรื่องป้องกันผี ปีศาจ คุณไสยต่างๆ เหตุใดจึงเชื่อกันอย่างนั้น...ต้องลองดูประวัติความเป็นมา
ท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร เป็นเจ้าแห่งยักษ์ ทรงอิทธิฤทธิ์อานุภาพมาก มีไม้ตะบองเป็นสุดยอดอาวุธวิเศษ เป็นหนึ่งในจาตุมหาราช ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ครองโลกบาลทิศเหนือ มียมทูตและนายนิรยบาลที่ลงโทษสัตว์นรกในนรกนั้นซึ่งเป็นเทวดาประเภทยักษ์ เป็นบริวาร ดังนั้นจึงถือกันว่า ท้าวเวสสุวรรณเป็นจ้าวแห่งวิญญาณที่ควบคุมเหล่าภูตผีปีศาจสัมภเวสีต่าง ๆผ่านยมทูตและนิรยบาลนั่นเอง
ด้วยที่มาและคุณสมบัติของท้าวเวสสุวรรณที่กล่าวมานี้ ก็สามารถเข้าใจได้ว่า ทำไมคนโบราณจึงบูชาและนำเอารูปท้าวเวสสุวรรณมาเป็นเครื่องรางของขลังป้องกันภูตผีและสิ่งชั่วร้าย และยังคงเป็นของขลังยอดนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
คติความเชื่อเรื่อง “ผี” ยังฝังลึกอยู่ในวิถีชีวิตมนุษย์ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วและเป็นโลกที่มีข้อมูลข่าวสาร มีเหตุและมีผลสามารถพิสูจน์ ได้ อำนาจ “ผี” ที่ยังความเกรงกลัวให้กับคนปัจจุบันอาจจะลดน้อยลงแต่ก็ยังสิ่งที่ท้าท้ายสำหรับผู้ต้องการแสวงหาความอยากรู้อยากเห็น และยังอาจแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งสักการะบูชาเพื่อดลบันดาลบางสิ่งบางอย่าง เครื่องรางของขลังก็เช่นเดียวกัน ย่อมมีการปรับเปลี่ยนตามความเชื่อที่แปรเปลี่ยนไป