ภาพปกโดย น.ส.ชาคริยา รุ่งรัตนกุล นักศึกษาฝึกงานปี 2567
ในปี พ.ศ. 2565 ตึกมิวเซียมสยามหรือตึกกระทรวงพาณิชย์เดิม มีอายุครบ 100 ปี ทีมมิวเซียมสยามเริ่มวางแผนการทำงานโครงการฉลอง 100 ปีตึกไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2561 ทีมฯ เริ่มการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ แน่นอนว่าแหล่งข้อมูลสำคัญเป็นข้อมูลจากบรรดาอดีตผู้ที่เคยทำงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้ ซึ่งหลายท่านตอบรับการสัมภาษณ์เล่าเรื่องราวของตึกที่ทำให้เราสามารถต่อจิ๊กซอว์ข้อมูลในส่วนที่ขาดหายไปได้ดียิ่งขึ้น มีคำถามหนึ่งของทีมฯ ถามว่า “พี่เคยพบเจอเหตุการณ์แปลกๆ ตอนทำงานอยู่ที่ตึกนี้บ้างมั้ย?” คำตอบที่ได้คือไม่เคยแต่เคยได้ฟังเรื่องเล่าถึงเหตุการณ์แปลกๆ ดังนั้น Ghost Story เล่าเรื่องผีในมิวเซียมสยามตอนนี้จะเป็นเรื่องเล่าย้อนอดีตจากอดีตข้าราชการในกระทรวงฯ
Ghost Story เล่าเรื่องผีในมิวเซียมสยาม ตอน ขาปริศนา
ช่วงปี พ.ศ. 2520 ครั้งที่ “พี่” ยังทำงานอยู่ที่นี่ มีเหตุการณ์แปลกๆ เล่าสู่กันฟังมากมายหลายเรื่อง อาจเป็นเพราะที่นี่เป็นพื้นที่เก่าแก่อยู่ใกล้วัดและเคยเป็นวัง เจอผีบ้างไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ได้ฟังจากปากของเพื่อนผู้ประสบเหตุการณ์และเป็นเรื่องน่ากลัวทีเดียว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของพี่ที่ต้องอยู่เวรเย็นเฝ้ากระทรวงฯ ซึ่งการเข้าเวรอยู่เฝ้าสถานที่ราชการถือเป็นหน้าที่ปฏิบัติสำคัญ มีการจัดตารางเวรชัดเจน โดยเวรกลางคืนเริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่เวลา 16.30- 08.00 น. ของเช้าวันรุ่ง เพื่อนพี่อยู่เวรกับลูกจ้างอีก 2 คน ช่วงหัวค่ำยังมีคนทำงานอยู่บ้าง หรือบางคนรอรถมารับ แต่พอเวลาล่วงสามทุ่มไปแล้วถนนโดยรอบก็เริ่มเงียบ คนที่อยู่เวรก็จะสลับกันเดินตรวจรอบพื้นที่ภายในกระทรวงฯ ซึ่งบริเวณด้านหลังตึกโบราณมีอาคารสำนักงานหลายหลังตั้งอยู่เต็มพื้นที่ เกิดเป็นซอกเป็นมุมระหว่างตึก คนที่อยู่เวรทุกคนจึงต้องมีไฟฉายพกไว้เป็นตัวช่วยเพิ่มความสว่างระหว่างเดินตรวจพื้นที่ที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ
ทั้งสามคนเดินตรวจหน้าตึกเสร็จแล้วก็เดินไปด้านหลัง พอเดินไปถึงตึกกรมทะเบียนการค้า (เดิมเป็นตึกศาลาแยกธาตุ) คนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หยุดเดิน เพื่อนพี่จึงตะโกนถามว่ามีอะไร คนนั้นก็บอกว่าเห็นขาใครก็ไม่รู้นั่งตรงระเบียง เพื่อนพี่ก็ส่องไฟฉายไปที่ระเบียงก็ไม่เห็นมีใครนั่งอยู่ แต่พอลดระดับไฟฉายลงก็มองเห็นเป็นขามนุษย์สองข้างจริง เพื่อนพี่ก็ทำใจกล้าบอกอีกสองคนที่เดินมาด้วยกันว่าตรวจเสร็จแล้วกลับไปที่พักได้ พอเช้ามืดแล้วค่อยกลับมาเดินตรวจอีกรอบ ทั้งสองคนไม่รอช้าวิ่งนำหน้าไปทันที เมื่อเวลาเช้าถึงเวลาออกเวรทั้งสามคนก็เล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง อันที่จริงคนอื่นๆ ที่เคยอยู่เวรกลางคืนก็พบเจอเหตุการณ์แปลกอยู่บ้าง เช่น ไฟในห้องทำงานเปิดปิดเองทั้งๆ ที่ไม่มีคนทำงาน หรือบางครั้งก็มีเสียงรถเข็นบนระเบียง แต่กรณีมองเห็นขาคนดังที่ทั้งสามคนเห็นยังไม่เคยมีใครเจอ และคงไม่มีใครอยากพบเจอด้วย เรื่องเหตุการณ์แปลกนี้ไม่ได้ถูกเล่าในวงกว้างด้วยเกรงว่าจะทำให้เกิดความกลัว เพราะทุกคนยังต้องทำหน้าที่อยู่เวรกลางคืน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก
หลังจากจบการสัมภาษณ์ หนึ่งในทีมงานฯ ก็นึกถึงข้อมูลที่เคยอ่านผ่านตาช่วงที่ค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการจัดกิจกรรม 100 ปีตึกเรา ในหนังสือชื่อ “ระเบียบวิธีปฏิบัติราชการ” เขียนโดย หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ มีการเขียนอธิบายเกี่ยวกับหน้าที่ของกองแยกธาตุ ห้องทดลองวิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศสยามที่ตั้งอยู่ ณ ศาลาแยกธาตุ กระทรวงพาณิชย์ ว่านักเคมีในหน่วยงานนี้มีภารกิจสำคัญที่ต้องทำหน้าที่ตรวจวิเคราะห์สสารจากสิ่งของ อวัยวะหรือศพที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในคดีอาชญากรรมด้วย การมองเห็นขามนุษย์ที่เจ้าหน้าที่เวรทั้งสามคนเห็นอาจเชื่อมโยงกับอวัยวะจากกรมตำรวจที่นำส่งเข้ามายังห้องทดลอง กองแยกธาตุ เพื่อรอให้นักเคมีตรวจวิเคราะห์หาความจริง เพื่อใช้เป็นหลักฐานทางคดีก็อาจเป็นได้